บทที่ 12

1555 คำ
พลั่ก ! “ไอ้หญ้าหนีไป” ญาติกายังตะลึงและละล้าละลังว่าควรทำยังไงต่อไปดี ห่วงเขาก็ห่วง กลัวหนีไม่รอดทั้งคู่ก็กลัว ระหว่างนั้นก็ต้องสะดุ้งโหยงเพราะถูกตะคอกสั่งด้วยเสียงดังเหมือนฟ้าผ่าลงมากลางกบาล “ไปสิวะ ! ไปหาไอ้หนึ่งให้มันช่วย” ใช่แล้ว... ถ้าเป็นคุณหนึ่งต้องช่วยได้ คราวนี้แหละเธอจะตามคนงานผู้ชายที่ตัวใหญ่กว่า บึกกว่าพี่สองยักษ์มาช่วยนายสิงห์อีกแรง “จับนังหนูไว้ก่อน อย่าให้มีรอยด้วยนะโว้ย” ด้วยความปราดเปรียวของเธอ บวกกับนายสิงห์เปิดทางให้สุดท้ายญาติกาก็รอดทะลุประตูความวุ่นวายออกมาได้ และมั่นใจว่าจะวิ่งหนีลงไปจนถึงชั้นล่างที่มีลูกค้านั่งกันอยู่ดาษดื่น เจ๊กับคนของเจ๊ย่อมไม่กล้าทำอะไรรุนแรงแน่นอน แต่จังหวะที่หันกลับไปมองสิงห์คบอีกครั้ง และเห็นว่าเขากำลังตกที่นั่งลำบาก สองแขนถูกจับโยงอย่างแน่นหนา มุมปากเขามีเลือดไหลออกมาด้วย “นาย...” “ไปสิ รีบหนีไป” น้ำตาญาติการ่วงแหมะลงมาจนรู้สึกได้ เธอจะทนหนีต่อไปและทิ้งเขาให้อยู่กับอันตรายคนเดียวได้ยังไง ก็เห็นอยู่กับตาว่าพอเขาบอกให้เธอหนีก็ถูกต่อยเข้าที่ท้องอย่างแรงไปอีกสองหมัดซ้อน ระหว่างที่ละล้าละลังอยู่นั้น ขาของเธอก็ก้าวขึ้นบันไดย้อนขึ้นไปแล้วสองขั้นและถูกรวบตัวไว้ได้สำเร็จ “ปัดโธ่โว้ย ! ก็บอกให้หนีไปไงเล่ายายโง่ !” “หญ้า... หญ้าทิ้งนายไม่ได้หรอกนะ” “ฉันอยากให้แกทิ้งฉันไป ดีกว่าอยู่ให้เป็น...” คำว่า ‘เป็นห่วงเจียนจะบ้า’ ถูกละไว้และแทนที่ด้วยประโยคที่ความหมายต่างกันลิบลับ“เป็นภาระ เข้าใจมั้ย” “หญ้าขอโทษ” เธอไม่โกรธ ไม่น้อยใจเลยสักนิด ที่สิงห์คบพูดมามันถูกแล้ว ตั้งแต่จำความได้เธอก็มีเขาเป็นพี่ชาย เป็นทุกอย่างในชีวิต และเธอก็สร้างแต่ปัญหาให้เขาได้ทุกวัน เป็นภาระอย่างที่เขาบอกไม่มีผิด เจ้าของร่างบางหลับตาลงช้าๆ สูดลมหายใจเข้าเหมือนตัดสินใจบางอย่างได้ “เจ๊ ถ้าหนูยอม เจ๊ต้องปล่อยนายสิงห์ไปนะคะ” “ไอ้หญ้า ! นี่แกพูดเรื่องบ้าอะไรวะ” สิงห์คบตะโกนลั่น “ได้ยินแล้วนี่เจ๊ รีบเอาไอ้ตัววุ่นวายนี่ออกไปซะสิ แล้วเจ๊กับลูกน้องก็ออกไปพร้อมกันให้หมดเลยด้วย ผมไม่อยากเสียเวลาอีกแล้ว” เสี่ยหนุ่มรีบแทรกขึ้นมาเพราะกลัวจะชวดเข้าจริงๆ ญาติกาเห็นสิงห์คบพยายามดิ้นรนขัดขืนสุดกำลัง แต่ต่อให้เขาแข็งแรงแค่ไหน ก็สู้ผู้ชายตัวใหญ่กว่าราวหกคนไม่ได้หรอก “ทำอะไรลงไปรู้ตัวบ้างมั้ย นี่แกบ้าไปแล้วหรือโง่มากกันแน่ฮึ... ก็บอกให้ปล่อยไงวะ !” “นายกลับไปเถอะ ยังไงเราก็สู้ไม่ได้หรอก เรื่องนี้หญ้าก่อขึ้นเองก็ต้องแก้ปัญหาด้วยตัวเอง อย่างน้อยหนึ่งในเราคนนึงก็ยังรอด” ถ้าตอนนี้เขาไม่ได้ถูกจับอยู่จะเดินเข้าไปเขกหัวบางคนแรงๆ ให้ได้สติ “เดี๋ยวเจ๊เดี๋ยว” เสียงของผู้หญิงที่ดังแหวกทุกความวุ่นวายเข้ามาพร้อมจับจูงเด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้มขึ้นบันไดมาด้วยหนึ่งคน เรียกทุกสายตาได้ “มีอะไรรึนวล เอาไว้ก่อนได้มั้ย ตอนนี้ฉันกำลังยุ่งมาก” เจ๊เจ้าของซ่องขานรับ “เจ๊ปล่อยน้องเขาก่อนค่ะ นวลไปเจอเด็กของเจ๊แล้ว นังหนูนี่ต่างหากที่ชื่อฟ้าลูกแม่ฝน นวลเอะใจเลยไปเดินหาแถวหน้าร้าน แล้วก็เจอจริงๆ ด้วย กำลังนั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋อกินก๋วยเตี๋ยวอยู่ แถมไม่มีตังค์จ่ายเขา เลยออกมาจากร้านไม่ได้” “ก็หนูหิวนี่คะ แล้วแม่ก็ไม่ได้ให้ตังค์ติดตัวไว้สักกะบาท” เด็กฟ้าอ้อมแอ้มเถียง “เอ้า พวกนายก็ปล่อยคุณสิงห์กับน้องเขาได้แล้ว” เนื้อนวลสั่งความและรีบเข้าไปดูน้องสาวของสิงห์คบเป็นลำดับแรก ญาติกาขอบคุณพี่สาวอย่างสำนึกบุญคุณที่สุด ก่อนจะพุ่งตัวเข้าไปหาคนที่เธอเป็นห่วงสุดหัวใจในจังหวะที่เขาเองก็พุ่งมาหาเธอเช่นกัน “นายเป็นอะไรหรือเปล่าคะ” สิงห์คบลูบศีรษะเล็กปลอบโยนคนที่ทำหน้าเหยเกเหมือนกำลังจะปล่อยโฮออกมาเต็มที่ “ขอบใจนวลมากนะครับที่ช่วย” เนื้อนวลทั้งช่วยโทรไปบอกเขาว่า ญาติกาอยู่ที่นี่จนเขาตามมาทันและอาสาช่วยออกไปตามหาเด็กสาวอีกคน หากไม่ได้เจ้าหล่อนก็ไม่รู้ว่าวันนี้ญาติกาจะตกที่นั่งลำบากแค่ไหน ส่วนเขาเองก็ช่วยเหลืออะไรไม่ได้เลย “ไม่เป็นไรจ้ะ สิงห์รีบพาน้องกลับไปพักเถอะ ป่านนี้คงตกใจแย่แล้ว” “เดี๋ยวๆ นี่มันเรื่องอะไรกันเจ๊ ผมไม่ยอมเด็ดขาดเลยนะ” เสี่ยหนุ่มโวยขึ้นมากลางวง เมื่อดูท่าแล้วคงหมดโอกาสปราบพยศเด็กสาวที่เขาหมายตาไว้ “ก็นั่นไงเด็กใหม่ที่เสี่ยซื้อน่ะ” “ผมไม่ได้ซื้อคนนี้นะเจ๊” “เอ๊ะเสี่ย ก็ได้ยินแล้วนี่ว่ามันเป็นเรื่องเข้าใจผิด ผิดฝาผิดตัวกัน นังหนูนั่นมันไม่ได้ขาย ขืนเสี่ยยังบังคับมันคราวนี้ละได้เข้าซังเตกันทั้งฉันทั้งเสี่ยแน่ๆ” “แต่ว่า...” “หรือเสี่ยจะไม่เอา ถ้าอย่างนั้นฉันก็ไม่ว่าเสี่ยหรอกนะ แล้วจะคืนเงินให้ด้วย หรือถ้าเสี่ยพอใจเด็กคนอื่นก็เลือกมาได้เลย” เสี่ยหนุ่มชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะเริ่มสำรวจเด็กสาวที่เข้ามาใหม่ตั้งแต่หัวจดเท้า หน้าตาและหุ่นก็ดูพอไปวัดไปวาได้แถมยังดูจะสะบึ้มกว่าแม่หนูคนก่อนเสียอีก ที่สำคัญเห็นยืนนิ่งๆ แบบนั้นกลับส่งสายตาเชิญชวนมาให้เขาซะด้วย ถ้าเอาเงินคืนวันนี้เขาก็ต้องงุ่นง่านหงุดหงิดเพราะไม่ได้ปลดปล่อย หรือถ้าจะแลกตัวกับสาวอื่นก็ยิ่งไม่คุ้ม เพราะราคาที่เขาจ่ายไปมันสำหรับของใหม่แกะกล่อง เมื่อตกลงกันได้ทุกชีวิตก็เตรียมสลายตัวไปทางใครทางมัน “แป๊บนึงนะนาย” สิงห์คบอยากจะถามแม่ตัวดีว่าจะไปก่อเรื่องที่ไหนอีกแต่ก็ไม่ทัน เมื่อเจ้าของร่างเล็กเดินดุ่มๆ เข้าไปที่คนคุมซ่องแล้วถาม “ใครเป็นคนต่อยนายสิงห์” แล้วก็น่าแปลกที่ชายฉกรรจ์ตั้งหลายชีวิตยืนก้มหน้าประสานมือเหมือนรอรับคำพิพากษาอันโกรธเกรี้ยวเอาเรื่องจากเด็กสาว “พี่คนที่ชื่อช้างหรือเปล่า” “เปล่านะคุณหนู ไอ้โน่นต่างหาก” พอพี่ช้างบุ้ยใบ้ขายเพื่อนเสร็จ ญาติกาก็เดินเข้าไปเตรียมพร้อมเอาคืนให้นายสิงห์สุดที่รักของตัวเองทันที แล้วหญิงสาวก็ทำในสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด... นี่แน่ะ !! สองปลายเท้าเขย่งขึ้นในตำแหน่งที่พอเหมาะ สองนิ้วถูกจีบเข้าหากันและหนีบแก้มมันเลื่อมไว้ ก่อนจะดึงแรงๆ จนเจ้าของร่างใหญ่โตราวพี่ยักษ์ที่เธอเคยปรามาสไว้ร้องโอดโอยดิ้นเร่าๆ หมดมาดน่าเกรงขามไปเลย “นี่สำหรับที่มาทำให้นายสิงห์ของหนูเกือบจะเสียโฉมนะคะ” สิงห์คบรีบเข้ามาดึงตัวเด็กสาวออกมาพร้อมดุเบาๆ “ทำอะไรน่ะ” “ก็เอาคืนแทนนายไงคะ” “หยุดก่อเรื่องแล้วกลับบ้านได้แล้ว เรายังมีเรื่องต้องสะสางกันอีกเยอะ” ญาติกาหน้าสลดลงนิดหน่อย แต่ก็ไม่ลืมหันไปยกมือไหว้ขอบคุณพี่เนื้อนวลอีกรอบ “นาย” สิงห์คบเอาแต่เงียบจนเธอใจคอไม่ดี ออกมาจากซ่องนั้นสักพักนึงแล้ว แต่เขาก็ยังเอาแต่เดินจ้ำอ้าวจนเธอซอยเท้าตามแทบไม่ทัน ก็พอเดาได้อยู่หรอกว่าเขาจะต้องโกรธมาก แต่เธอไม่ชอบให้เขาเงียบแบบนี้เลย ไม่เห็นเหมือนตอนหน้าสิ่วหน้าขวานอย่างเมื่อตอนที่อยู่ในโน้นเลย เราสองคนดูเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันมากกว่าอีก ... และในที่สุดนายสิงห์ของเธอก็หยุดเดินจนได้ “ถึงแล้วเหรอจ๊ะนาย” “ขึ้นรถ” ญาติกาเผลอทำปากยื่น ก็นี่มันใช่การหยุดคุยกันที่ไหน เรียกว่าเขาหยุดเพื่อสั่งเธอถึงจะถูก “แต่หญ้าว่าเราหาอะไรกินกันก่อนดีมั้ยจ๊ะ ร้านก๋วยเตี๋ยวตรงนั้นก็ได้” เธอหิวจนไส้จะขาดอยู่แล้ว “ขึ้นรถ” เมื่อถูกสั่งด้วยสองคำเดิมมีหรือที่เธอจะกล้าเถียงหรือดื้อแพ่งต่อได้... ขึ้นก็ขึ้น เดี๋ยวไปหากินเอาดาบหน้าก็ได้ “นายจ๋า...” แต่เมื่อขึ้นมานั่งบนรถได้แล้วญาติกาก็นึกบางอย่างขึ้นได้ สิงห์คบรับรู้ถึงการมีตัวตนของเธอแน่นอน เธอเรียกเขาก็หัน แต่มันไม่จำเป็นจะต้องหันมาตวัดสายตามองแรงขนาดนี้ก็ได้นี่นา ! … ฮือ ไอ้หญ้าตายแน่
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม