บทที่ 3

1516 คำ
“หญ้าเพิ่งกลับมาถึงใจคอนายสิงห์จะไม่ให้พักบ้างเลยเหรอจ๊ะจ้องแต่จะใช้งานลูกเดียว” สิงห์คบใช้ดวงตาคมกริบจ้องมองเด็กสาวที่วันนี้โตเป็นสาวเต็มตัวผิดหูผิดตาไปจนจำเค้าเดิมแทบไม่ได้ “เด็กที่ไปเรียนสุขสบายอยู่ในเมืองจะเหนื่อยอะไรนักหนา สู้เกษตรกรตรากตรำทำงานกลางแดด หลังต้องสู้ฟ้าหน้าต้องสู้ดินส่งเสียได้หรือเปล่าล่ะ ถ้าฉันกับไอ้หนึ่งขอหยุดงานเพราะเหนื่อยล้าบ้างสักอาทิตย์สองอาทิตย์ อยากจะรู้นักว่าเด็กที่พวกเราส่งเสียจะเอาเงินที่ไหนใช้กินอยู่” “เชอะ นายสิงห์นี่ยังปากร้าย ชอบจิกกัดหญ้าเหมือนคนแก่ขี้บ่นไม่เปลี่ยนเลยนะ” สิงห์คบเป็นทั้งเพื่อนรัก ผู้จัดการไร่ และหุ้นส่วนของรัฐศาสตร์ เธอก็ไม่แน่ใจหรอกว่าเจ้าของมรดกอย่างรัฐศาสตร์แบ่งเปอร์เซ็นต์รายได้หรือที่ทางให้สิงห์คบยังไงบ้าง อดีตนายสิงห์ของเธอก็เป็นเพียงเด็กชายที่ตาและยายของรัฐศาสตร์อุปการะไว้ แต่เพราะความเก่งกาจ ชาญฉลาดและเอาการเอางานทำให้รับผิดชอบไร่ที่แสนใหญ่โตนี้ต่อได้ตั้งแต่อายุยังน้อยมากๆ ก่อนที่รัฐศาสตร์จะมารับช่วงต่อกิจการเสียอีก ด้วยความใจดีของรัฐศาสตร์หรือคำสั่งเสียของผู้ใหญ่เธอก็ไม่แน่ใจอีกเช่นกัน ทำให้วันนี้สิงห์คบก็ยังเป็นเจ้าของไร่คนหนึ่งอยู่ และหากรายได้จากที่นี่ที่ส่งเสียเลี้ยงดูเธอมา นั่นก็หมายถึงทั้งรัฐศาสตร์และ สิงห์คบคือผู้อุปการะและผู้มีพระคุณต่อเธอเท่าๆ กัน ... แต่ญาติกาไม่ยอมรับหรอก นายสิงห์ต้องไม่ใช่ผู้มีพระคุณ แต่เป็นสามีในอนาคตของเธอต่างหาก “ที่ไอ้สิงห์มันพล่ามยืดยาวก็เพราะคิดถึงแกรู้มั้ยไอ้หญ้า” “คุณหนึ่งพูดจริงอ่า” รัฐศาสตร์พยักหน้าตอกย้ำเมื่อเห็นอาการดีใจแบบลิงโลดจนแก้มขึ้นสีแดงแปร๊ดของญาติกา และที่เขาบอกก็ใช่เพียงจะเอาใจน้องสาวแต่เพราะอยู่กับสองคนนี้มานานจึงรู้ว่าทั้งสิงห์คบและญาติกาผูกพันกันขนาดไหน ต่อให้บางคนไม่พูดเขาก็รู้ว่าในใจเพื่อนรักคิดยังไงอยู่ “พูดมากไปแล้วมึงไอ้หนึ่ง ให้ไอ้หญ้าไปหยิบกล่องยามาสิกูจะได้ทำแผลให้” “เอ้า เรื่องอะไรมาโบ้ยให้กู ไอ้หญ้ามันก็อยู่แค่นี้ มึงทำไมไม่บอกมันเองวะ” ระหว่างที่สองนายกำลังถกเถียงกันเป็นเรื่องปกติ ญาติกาก็เดินเลาะไปเปิดตู้ยาสามัญประจำบ้านและหยิบกล่องอุปกรณ์ทำแผลขนาดย่อมๆ ออกมากอดไว้แล้ว เธอไม่ดื้อกับนายสิงห์หรอก สั่งอะไรมาก็รีบทำให้หมดนั่นแหละ “ว่าแต่หญ้าเถอะ เรียนอะไรมาบ้าง ถนัดเรื่องไหนหรืออยากทำอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าพี่จะได้หางานเหมาะๆ ให้เราทำ” “เรียนเกษตรมาจ้ะพี่ว่าน หว่าน ดำ ไถ หญ้าทำได้โม้ด” “โถไอ้หนึ่ง มึงส่งยายนี่ไปเรียนเพื่อให้กลับมาทำหน้าที่แทนควายนี่เอง” สิงห์คบดับฝันคนขี้โม้ด้วยใบหน้าเรียบนิ่งไม่ต่างจากเดิม แต่กระแสเสียงและดวงตาเขากำลังยิ้มเยือนอย่างนึกสนุก “ระวังนะคะนายสิงห์ ระวังจะโดนควายตัวเมียแถวนี้มันขวิดเอา” เมื่อก่อนก็เข้าใจว่าเขาชอบแกล้งแหย่ให้เธอไม่พอใจเพราะเห็นเธอเป็นเด็ก งอนที โวยวายที สิงห์คบก็หัวเราะชอบใจดังไปสามบ้านแปดบ้านที่แกล้งเธอได้สำเร็จ แต่ตอนนี้เธอโตเป็นสาวแล้วนะ เขาก็ควรจะปฏิบัติกับเธอให้ดีกว่าแต่ก่อนหน่อยสิ “ถ้าอย่างนั้นสองคนทำแผลกันไปนะคะ เดี๋ยวว่านกับคุณหนึ่งออกไปคุยธุระข้างนอกก่อน ขากลับจะแวะซื้อของอร่อยมานั่งกินกันค่ะ วันนี้ว่านมีโควตาของมึนเมาให้คุณหนึ่งกับคุณสิงห์ได้ไม่อั้นด้วยนะคะ เป็นการต้อนรับน้องหญ้ากลับมา” “โอ๊ยๆๆ อูย... เบาๆ หน่อยสิคะนายสิงห์ หนังคนนะไม่ใช่หนังควาย” ถึงเขาจะว่ากระทบให้เธอเป็นเจ้าทุยตัวดำมีเขาไปเมื่อไม่นานนี้ก็เถอะ แต่ความจริงแล้วเธอเป็นเพียงหญิงสาวผู้แสนบอบบาง และรอให้เขาเอาไปทะนุถนอมที่บ้านในฐานะเมียต่างหาก “ฝันกลางวันอะไรอยู่ฮึ จู่ๆ ถึงได้ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ทั้งที่เมื่อกี้ยังแหกปากอย่างกับถูกเชือดอยู่แท้ๆ” “ก็หญ้าดีใจนี่ มีความสุขด้วย” “ดีใจ ? มีความสุข ? ตอนรถล้มหัวโหม่งอากาศรึไงเรา เจ็บตัวแล้วถึงได้มีความสุขน่ะ” สิงห์คบจัดการปิดกล่องปฐมพยาบาลเมื่อทำแผลให้เจ้าตัวยุ่งเสร็จแล้ว “หญ้าไม่ได้ดีใจที่รถล้ม แต่หญ้าดีใจที่นายสิงห์เป็นคนทำแผลให้หญ้า เป็นห่วงหญ้า”... ถึงจะมือหนักเหมือนกับโดนช้างมากระทืบซ้ำที่แผลก็เถอะ แต่แค่นี้ไอ้หญ้าทนได้สบายมากอยู่แล้ว แค่ได้ใกล้ชิดกับนายสิงห์สุดที่รัก เจ็บกว่านี้เธอก็ทนไหว “ฉันเนี่ยนะเป็นห่วงแก ประสาทกลับแล้วไอ้หญ้า” “ก็ถ้าไม่รักไม่ห่วงนายสิงห์จะมาทำแผลให้หญ้าทำไมล่ะ” เขาก็เป็นซะอย่างนี้ ชอบทำปากแข็ง ปากไม่ตรงกับใจไปซะทุกที “ที่ฉันทำให้เพราะว่านสั่งเอาไว้หรอก ลำพังแต่เด็กทโมนหกล้มนิดหน่อย มีแผลถลอกสองสามที่ฉันไม่สนใจให้เสียเวลาอยู่แล้ว” สิงห์คบคงคิดว่าผลักไสเธอมากๆ แล้วเธอจะถอดใจไปเอง เพราะเขาน่ะรู้ดีที่สุดว่าเธอรู้สึกแบบไหนด้วย เมื่อก่อนเธอบอกรักเขาทุกวัน ตามไปอาละวาดผู้หญิงที่ทอดสะพานให้เขาจนกระเจิงแทบทุกราย แรกๆ ก็กลัวเขาไม่พอใจหรือโกรธที่เธอไปจุ้นจ้านกับเรื่องส่วนตัวมากเกินไป แต่สุดท้ายนายสิงห์ก็ไม่ยอมคบใครเป็นตัวเป็นตนสักที ถ้าไม่เพราะมีใจให้เธออยู่บ้าง จะเพราะอะไรได้ล่ะ “นายมีแฟนหรือยัง” ผู้จัดการไร่หนุ่มมาดเซอร์ถึงกับต้องหันหน้าเสี้ยวหนึ่งไปทางคนถาม เพื่อให้หูของเขาใกล้กับปากเจ้าหล่อนเข้าไปอีกนิด เมื่อครู่ที่เห็นเงียบไปก็นึกว่าจะไม่พอใจที่ถูกเขาขัดใจ ที่ไหนได้... “ว่ายังไงนะ ?” “ก็หญ้าถามว่านายสิงห์มีแฟนหรือยัง ไม่ได้เจอกันตั้งหลายปี หญ้าอยากรู้ว่านายสิงห์แอบนอกใจหญ้าไปมีคนอื่นหรือเปล่า แล้วก็อยากรู้ด้วยว่ามีแม่สาวคนไหนมันไม่กลัวตายกล้ามายุ่งกับของรักของหญ้ามั้ย” สิงห์คบมองยายตัวแสบที่เท้าคางส่งสายตาแป๋วแหววมาให้เขา แถมยังพูดออกมาได้เต็มปากเต็มคำว่าเขาคือของรักของเธอ เขาก็เลยนึกอยากจะเล่นสนุกไปกับญาติกาด้วย “มีแล้ว” “ห้ะ !” “แล้วจะตะโกนทำไม หูจะแตก” คนที่บอกหูจะแตกแต่ไม่มีท่าทีเดือดเนื้อร้อนใจสักนิด ผิดกับเธอที่หูผึ่งตั้งแต่ประโยคที่สิงห์คบบอกว่ามีแฟนแล้ว มันเป็นใครหน้าไหน ลูกสาวบ้านใดเธอจะตามไปเฉ่งให้ถึงที่เชียว คนละแวกนี้รู้ดีกันทุกคนว่านายสิงห์เป็นสมบัติ เป็นยอดดวงใจของเธอ แค่เธอไม่อยู่เพียงไม่นานก็มีคนริอาจจะลองดีเชียวรึ ! “บอกหญ้ามาเดี๋ยวนี้เลยนะนายสิงห์ว่ามันเป็นใคร หญ้าจะไปจัดการ” เขาขอขำคนที่ทำท่าขึงขัง โกรธขึ้ง คิ้วขมวดมุ่นชนกันอยู่ในใจจะได้หรือไม่ ใครไม่ตลกแต่บอกเลยว่าเขาโคตรจะตลก “แกจะไปทำอะไรเขา” “หญ้าก็จะไปบอกให้เธอเลิกกับนายสิงห์ซะตั้งแต่วันนี้เลย หญ้ากลับมาทวงของของหญ้าคืนแล้ว ถ้าไม่หน้าด้านหน้าทนจนเกินไปก็ต้องคืนนายสิงห์มาให้หญ้า แต่ถ้ายังพูดกันดีๆ ไม่เข้าใจ ไม่รู้เรื่อง ไม่รับฟัง ก็คงต้องมีวางมวยกันบ้าง” “นักเลงโตเหรอเรา” “ไม่รู้ละ นายสิงห์เป็นของหญ้าคนเดียว” “เป็นสาวเป็นแส้พูดออกมาได้ไม่อายปาก” เห็นญาติกาหายเงียบแทบจะขาดการติดต่อไปเลยตอนเข้าเมืองกรุงไปเรียนต่อ เขาก็นึกว่าเธอจะเลิกล้มความตั้งใจที่บอกว่ารักว่าชอบเขาไปแล้ว “นายเคยได้ยินหรือเปล่าล่ะ อายครูบ่รู้วิชา อายภรรยาบ่มีลูกน่ะ หญ้าเองก็ไม่อายนายสิงห์หรอก กลัวจะไม่มีผัว” โอ๊ย !... แต่ละคำของญาติกา ขนาดเขาเป็นผู้ชายยังอยากจะมุดดินหนีอายซะให้รู้แล้วรู้รอด “ยายเด็กแรด ห่วงแต่เรื่องจะมีผัว”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม