ช่วงเย็นหลังเลิกเรียนนักศึกษาทุกคนกำลังเดินลงจากตึกรวมถึงรันด้วยที่กำลังเดินลงมาพร้อมพายและพราวสองแฝดเพื่อนสนิท เมื่อเดินมาถึงโต๊ะด้านล่างพายก็ทิ้งตัวลงบนที่นั่งอย่างคนหมดแรงพร้อมกับถอนหายใจและบ่นออกมาเสียงดัง
“ถ้ารู้ว่าเรียนหมอมันยากขนาดนี้นะเลือกเรียนอย่างอื่นดีกว่า”
“แค่นี้ก็ท้อแล้วเหรอแกเป็นผู้ชายหรือเปล่าใจเสาะชะมัดเลยพาย”
“ทำไมเป็นผู้ชายเหนื่อยไม่เป็นหรือไง”
“หยุด... ไม่ต้องเถียงกันแล้วจะกลับกันเลยไหม” รันออกเสียงห้ามสองแฝดที่ตั้งท่าเถียงกันไม่จบไม่สิ้นถ้าเธอไม่ห้ามเสียตอนนี้
“กลับเลยพายเหนื่อยอยากนอนพักแล้ว ปะไปกันเลย” พายลุกขึ้นยืนพร้อมชวนทุกคนกลับด้วยกันเหมือนปกติทุกวันใช่ว่าพราวกับรันจะขับรถไม่เป็นหรือไม่มีรถแต่พวกเขาชอบไปไหนมาไหนด้วยกันมากกว่าอีกอย่างพายกับพราวก็ยังอยู่บ้านเดียวกันมารถคันเดียวกันสะดวกกว่าแถมประหยัดอีกด้วย
“พายกับพราวกลับก่อนเลยเดี๋ยวรันรอคนมารับ”
“ใคร!!!/ใครมารับ” พายกับพราวหันหน้ามามองรันพร้อมถามออกมาพร้อมกันเสียงดัง
“พี่ขุนนะ”
“ฮั่นแน่ ไหนว่าไม่ได้คิดอะไรไงทำไมต้องมารับมาส่งด้วย” ทันทีที่ได้ยินคำตอบจากรันพราวทำหน้าทำตาล้อเลียนจนรันออกอาการหน้าแดงด้วยความเขินเพราะโดนเพื่อนล้อ ก่อนจะตอบอ้อมแอ้มออกมา
“รันไม่รู้ ก็พี่ขุนบอกว่าจะมารับตอนเย็นให้รอกลับพร้อมพี่เขา”
“แล้วนี่จะให้รอพายกับพราวอยู่รอเป็นเพื่อนไหม”
“ไม่ต้องหรอกพายเหนื่อยกลับไปก่อนเลยรันอยู่รอคนเดียวได้”
“แต่พายเป็นห่วงนะ”
“ไม่เป็นไรเดี๋ยวพี่ขุนก็มา”
“ก็ได้ ๆ งั้นเราสองคนกลับก่อนนะ ถ้ามีอะไรรีบโทรพวกเราทันทีเลยนะ” พายและพราวที่รู้สึกเป็นห่วงเพื่อนแต่เมื่ออีกคนยืนยันว่าไม่เป็นไรสามารถอยู่คนเดียวได้ทำให้ทั้งคู่ต้องจำใจยอมทำตามความต้องการของรัน
“อืม” จบคำพูดของรันพายและพราวก็พากันเดินออกไปทางลานจอดรถที่รถของพวกเขาจอดอยู่
หลังจากที่สองแฝดเดินออกไปแล้วรันก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นเพื่อฆ่าเวลาระหว่างที่รอขุนพลมารับ ขณะที่รันกำลังก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์อยู่ ๆ ก็มีคนถือวิสาสะมานั่งลงข้าง ๆ เธอทำให้รันต้องเงยหน้าหันไปมอง
“สวัสดีครับ” ผู้ชายที่นั่งลงข้างรันพูดทักทายเธอด้วยรอยยิ้ม
“เอ่อ... สวัสดีค่ะ”
“พี่เห็นเรานั่งอยู่คนเดียวเลยจะมานั่งเป็นเพื่อนนะกลัวเราเหงา พี่ชื่อเดฟนะเราชื่ออะไร” ผู้ชายที่นั่งข้างรันเอ่ยแนะนำตัวพร้อมกับจ้องมองรันด้วยสายตากะลิ้มกะเหลี่ยแบบอย่างคนเจ้าชู้ เขาเคยเห็นผู้หญิงคนนี้มาก่อนเธอสวยสะดุดตาเขาอย่างมากแต่ยังไม่มีโอกาสได้เข้าใกล้เพราะปกติเธอไม่เคยอยู่คนเดียวแต่จะอยู่กับเพื่อนตลอดและวันนี้สบโอกาสเขาเห็นเธอนั่งอยู่คนเดียวช่างเหมาะเจาะเสียจริงจนเขาต้องเข้ามาทักทายทำความรู้จัก
“ขอตัวนะคะ” รันเห็นท่าทางของคนมาใหม่ก็เกิดความกลัวจึงรีบลุกขึ้นเตรียมตัวจะเดินออกไปจากตรงนี้เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง
“พี่แนะนำตัวแล้วเราไม่คิดจะแนะนำตัวเองให้พี่รู้จักบ้างเหรอครับ” เดฟลุกขึ้นยืนตามรันอีกคน เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปจากเดิมด้วยความไม่พอใจที่รันทำท่าจะลุกหนีเขาไป
“คือฉันไม่สะดวก ขอโทษนะคะ” รันเดินออกมาจากตรงนั้นแต่ยังเดินได้ไม่ถึงไหนแขนของเธอก็โดนดึงจากคนที่อยู่ด้านหลัง เธอหันไปมองก็พบว่าเป็นเดฟเองที่ดึงแขนเธอไว้พร้อมกับสายตาที่มองมาที่เธอด้วยความไม่พอใจมากกว่าเดิมขึ้นไปอีก
“พี่ยังไม่อนุญาตให้ไปเธอกล้าดียังไงมาเดินหนีแบบนี้ ห๊ะ”
“ปล่อยนะ” รันพยายามบิดและสะบัดแขนเพื่อให้หลุดออกจากการจับกุมของเดฟแต่มันดูเหมือนจะไม่มีประโยชน์เลยเพราะเขาจับแขนเธอแน่นมากจนเธอเบ้หน้าด้วยรู้สึกเจ็บ การยื้อกันของทั้งสองคนทำให้คนที่อยู่บริเวณนั้นรวมถึงคนเดินผ่านไปผ่านต่างพากันมองด้วยความสงสัยแต่ไม่มีใครกล้าเข้ามายุ่งเพราะเดฟถือว่าเป็นอันธพาลประจำมหาลัยที่ไม่ค่อยมีใครอยากเข้าไปมีเรื่องด้วย
“อย่าเล่นตัวไปหน่อยเลยน่า พี่อุตส่าห์คุยด้วยดี ๆ แล้วนะ”
“ปล่อยนะ” ด้วยแรงที่น้อยกว่าเดฟเพราะความที่เธอเป็นผู้หญิงแต่เขาเป็นผู้ชายทำให้เธอสู้แรงเขาไม่ไหว ในขณะที่ยื้อยุดฉุดกระชากกันอยู่นั้นอยู่ ๆ ก็มีมือมาจับแขนเดฟแล้วออกแรงบีบอย่างแรงจนเดฟต้องยอมปล่อยมือออก รันมองหน้าคนที่มาช่วยเพียงแค่เห็นหน้าเขาเธอก็รู้สึกถึงความปลอดภัยก่อนจะรีบวิ่งไปหลบข้างหลังเขาทันที
“เป็นอะไรไหม” ขุนพลหันไม่ถามรันด้วยสายตาและน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความเป็นห่วงออกมาอย่างไม่ปกปิด
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“แกเป็นใครมายุ่งเรื่องของผัวเมียเขาได้ยังไง” เดฟตะคอกออกมาเสียงดังเมื่อมีคนมาขวางเขา
“อะไรนะ!!! ผัวเมียอย่างงั้นเหรอ หึหึ” ขุนพลพอได้ยินเดฟพูดแบบนั้นเล่นทำเอาเขาหงุดหงิดจนแทบจะเข้าไปกระทืบมันให้จมตีนเขาตอนนี้เลยถ้าไม่ติดว่าที่นี่เป็นสถานศึกษานะ
“ก็ใช่นะสิ รู้แล้วก็หลบไป”
“พี่ขุน!!!!” รันที่ได้ยินเดฟพูดออกมาแบบนั้นทำให้ใจเธอไปตกอยู่ที่ตาตุ่ม ความกลัวเข้าเล่นงานเธอทันทีเธอกลัวว่าขุนพลเชื่อแล้วปล่อยเธอให้กับเดฟไป
“หึหึ รู้ไว้ซะว่าผู้หญิงคนนี้คือคนของฉัน ใครก็ห้ามยุ่ง” ขุนพลพูดเสียงเข้มและดังฟังชัดเพื่อให้ทุกคนที่อยู่บริเวณนี้ได้ยินแล้วรับรู้ไปเลยว่ารันคือผู้หญิงของเขา
“เห้ย ได้ไงวะ ใครเจอก่อนคนนั้นก็ต้องได้สิวะ” เดฟโวยวายเสียงดังด้วยความไม่พอใจเขาอุตส่าห์เจอเหยื่อที่ถูกใจแต่กลับมีคนจะมาแย่งไปเขายอมไม่ได้
“สงสัยนายนี่อยากเจ็บตัวมากใช่ไหม” ขุนพลจ้องเดฟด้วยสายตาที่สามารถฆ่าคนได้โดยไม่สนใจอะไรเพียงแค่ได้ฟังคำพูดของมันเท่านั้น
“ฝากไว้ก่อนเถอะ” เดฟที่เห็นสีหน้าและแววตาที่น่ากลัวของขุนพลบวกกับท่าทางน่าเกรงขามทำให้เขาเกิดความกลัวจนต้องยอมถอยออกมาเพราะตอนนี้เขามีแค่ตัวคนเดียวถ้าเกิดมีเรื่องกันมันจะไปไม่เป็นการดีกับเขาเป็นแน่ อีกทั้งที่นี่คนเยอะและยังอยู่ในมหาลัยอีกด้วยถ้าเกิดเขามีเรื่องแล้วรู้ถึงหูอธิการบดีเขาคงต้องโดนลงโทษแน่นอน
หลังจากที่เดฟเดินจากไปด้วยความไม่พอใจ ขุนพลก็หันมาจับตัวรันหมุนไปมาเพื่อสำรวจร่องรอยของบาดแผล จนคนที่โดนหมุนถึงกับเวียนหัวต้องร้องห้ามเขาเป็นการใหญ่
“พี่ขุนหยุดหมุนได้แล้วค่ะ รันเวียนหัว”
“บาดเจ็บตรงไหนอีกหรือเปล่า”
“รันไม่เป็นไรค่ะ ไม่ได้เจ็บตรงไหน” รันพูดปฏิเสธแต่ขุนพลไม่เชื่อเพราะเขาเห็นแขนเธอมีรอยแดงเป็นจ้ำจากการโดนบีบเมื่อกี้นี้
“แล้วนี่อะไร แขนแดงขนาดนี้พูดได้ไงว่าไม่เจ็บ”
“ก็แค่รอยแดงเองรันไม่ได้เจ็บอะไร” ขุนพลจับลงไปที่รอยแดงแล้วออกแรงบีบเบา ๆ กระนั้นรันก็ถึงกับสะดุ้งเพราะความเจ็บ
“โอ๊ยยย”
“ไหนว่าไม่เจ็บไง ไปหาหมอดีกว่าพี่ว่านะ”
“ไม่ต้องถึงกับหาหมอหรอกค่ะที่เจ็บก็เพราะพี่ขุนจับมันแรงเกินไปต่างหาก”
“รัน!!!” ขุนพลกดน้ำเสียงให้ต่ำลงเมื่อเจอกับความดื้อรั้นของเธอที่แสดงออกมาให้เห็นตัวเองเจ็บอยู่แท้ ๆ แต่ยังดื้อบอกไม่เจ็บไม่ยอมไปหาหมอตามที่เขาบอกอีก
“พี่ขุนขา... รันไม่เป็นไรจริง ๆ ไม่ต้องถึงขนาดไปหาหมอหรอกนะคะ” เมื่อรู้ตัวว่าถูกขุนพลดุรันรีบพูดด้วยน้ำเสียงอ้อน ๆ ยิ้มหวาน ๆ กับขุนพลเหมือนเวลาที่เธอชอบอ้อนพวกพี่ ๆ ของเธอเวลาที่เธอมีความผิดหรืออยากได้อะไรและมันก็ได้ผลทุกครั้งไม่เว้นแม้แต่ขุนพลแค่เห็นแบบนี้เขาก็ใจอ่อนยวบทันที
“ก็ได้ งั้นไปหายาทากัน”
“ค่ะ” ขุนพลเดินโอบเอวรันออกจากตรงนั้นเพื่อไปยังรถของเขาที่จอดอยู่ไม่ไกลเท่าไหร่ ก่อนที่ทั้งคู่จะพากันขับออกจากมหาลัยไปทันที