บทที่ 7 ความลับเกือบไม่ลับ(ปัจจุบัน)-1

1477 คำ
การฝึกงานของฉันผ่านไปหนึ่งเดือนแล้ว ความลับก็ยังเป็นความลับ เพราะช่วงนี้ท่านประธานหนุ่มงานยุ่งเหลือเกิน ที่ทำงานเขาแทบไม่ได้มาสนใจ ใส่ใจนักศึกษาฝึกงานตัวเล็ก ๆ แบบฉันหรอก มีแต่เขานั่นแหละที่เกิดหวง เกิดห่วงฉัน ทั้งกลัว ทั้งกังวลสารพัด ด้วยกลัวใครจะมาจีบเมียตัวเอง เจ้ติ๊กกี้กับเจ้ลิลลี่มองหน้าฉันแปลก ๆ อยากจะรู้อะไรก็ไม่พูด จนเราทั้งสามเพิ่งมีเวลาคุยกันตอนกินข้าวเที่ยงนี่แหละ ไม่รู้ว่าทั้งสองคนนี้มีอะไรทำไมทำหน้าแปลก ๆ “เป็นอะไรเจ้” เมื่อเก็บความอึดอัดเอาไว้ไม่อยู่ ฉันเลยเอ่ยถามเพื่อเปิดประเด็น “ยายชะนีไม่มีผัว” ชื่อที่เจ้ติ๊กกี้ตั้งให้ฉัน จะใช้เรียกเวลาฉันทำอะไรให้ไม่สบอารมณ์ “อะไรเจ้” “เมื่อเช้ามายังไง” คำถามที่ทำฉันเสียวสันหลังวาบ “มากับพี่แจ่มค่ะ” นี่คือข้ออ้างที่ฉันมักใช้ประจำ ทั้ง ๆ ที่ตัวเองมากับบอสของพวกพี่นั่นแหละ “แล้วเห็นอะไรไหม” เจ้ลิลลี่ยื่นหน้ามากระซิบกระซาบให้ได้ยินกันสามคน “เห็นอะไรเจ้” นั่นสิเห็นอะไร ฉันเริ่มร้อนตัวแล้วนะ “มีคนบอกว่าเห็นท่านประธานมากับผู้หญิง แต่เห็นไม่ชัดเพราะใส่เสื้อคลุมทั้งตัว” ฉันยิ้มให้เจ้ทั้งสองคนก่อนจะส่ายหน้า ฉันดูรายการดังที่เขาไม่ยอมให้แขกรับเชิญเปิดเผยตัว แล้วเขาจะใส่เสื้อคลุมแบบนี้แหละ ฉันก็เลยหาซื้อมาไว้ เห็นไหมมันได้ผล ตอนแรกท่านประธานยังแซวว่าเล่นอะไรเป็นเด็ก ๆ เห็นไหมวิธีนี้ก็ใช้ได้ “หนูไม่เห็นนะคะ” “ใช้ไม่ได้ หล่อนคือผู้ช่วยเลขาชมรมคนรักบอสนะ ต้องทำหน้าที่หน่อยสิ” “เดี๋ยวนะเจ้ แพรไปเป็นเลขาชมรมคนรักบอสตั้งแต่ตอนไหน” ฉันถึงกับอึ้งและอึ้ง เมื่อได้ยินเจ้แกบอกแบบนี้ “ก็เป็นตอนที่ประธานชมรมอย่างเจ้มอบสายสะพายให้หนูไงคะ ลูกสาว” “แพรไม่เอานะเจ้ แพรไม่เอาตำแหน่งนี้” ฉันส่ายหน้าแล้วส่ายหน้าอีกไม่ยอมรับตำแหน่งนี้ แต่ดูเหมือนเจ้ติ๊กกี้ไม่ได้ใส่ใจ นอกจากนั้นยังสั่งงานออกมาอีก “นี่หนูแพร ลูกสาวลองแอบถามพี่แจ่มหน่อยสิว่าบอสมีแฟนหรือยัง” นั่นไงเรียกเสียไพเราะ เพราะต้องการหลอกใช้นี่เอง “เรื่องของบอส พี่แจ่มเขาไม่พูดหรอกค่ะ เป็นลูกน้องก็ต้องเก็บความลับให้เจ้านาย” “แหม หมั่นไส้เน้อ อีลี่ว่าไหม” “เออ อย่าให้รู้นะว่าใครเป็นแฟนบอส ถ้าเป็นคนในบริษัทนะ คอยดูนะ” เจ้ลิลลี่ใช้ส้อมจิ้มไก่ย่างในจานแล้วกินอย่างเคียดแค้น ดูภาพนั้นแล้วฉันเริ่มขนหัวลุกขึ้นมาทันที “เจ้ ๆ จะทำอะไรเขาเหรอคะ” ฉันเอ่ยถามด้วยใจระทึก “จะ...” เจ้ติ๊กกี้พูดแล้วก็หยุดไปเสียเฉย ๆ ยิ่งทำให้ใจฉันเต้นแรงมากกว่าเดิม “จะ อะไรคะ” ฉันถามต่ออย่างอยากรู้และตื่นเต้น “จะไปประจบน่ะสิ แฟนบอสนะหล่อน ถ้าใครได้เป็นเพื่อนสนิท เจริญทั้งหน้าที่การงานและเจริญหูเจริญตาได้มองบอสใกล้ ๆ” เจ้ติ๊กกี้ใช้สองมือประสานอยู่ตรงหน้าอก พร้อมทั้งทำหน้าตาเคลิ้มชวนฝัน “อ๋อ” ฉันยิ้มรับ โชคดีที่ไม่โดนฆ่าหมกส้วม พลางยกมือถือของตัวเองขึ้นดู แล้วก็ต้องถอนหายใจเบา เมื่อคนที่อยู่บนตึกเรียกให้ไปหา ห้องไลน์ส่วนตัว Babe ที่แปลว่าที่รัก : บี๋แวะมาหาที่พี่ห้องหน่อย พี่ไม่สบาย Baby ที่แปลว่าที่รัก : เป็นอะไรคะ ทำไมไม่ไปห้องพยาบาลละ Babe ที่แปลว่าที่รัก : ปวดเอว พอดีเมื่อคืนทำเยอะไปหน่อย Baby ที่แปลว่าที่รัก : ใครใช้ให้ทำเยอะล่ะ Babe ที่แปลว่าที่รัก : มารับผิดชอบพี่ด้วยครับบี๋ Baby ที่แปลว่าที่รัก : เบ๊บ เดี๋ยวคนสงสัย Babe ที่แปลว่าที่รัก : เดี๋ยวพี่ให้พี่แจ่มโทรบอกคุณเจษฎาให้ เพียงไม่นานเจ้ติ๊กกี้ก็รับโทรศัพท์จากทางพี่แจ่ม จากนั้นก็หันมาบอกฉันว่า “พี่แจ่มจะให้ไปช่วยหาเอกสารในห้องบอสหน่อย แกเข้าไปอย่าทำอะไรซุ่มซ่ามให้เจ้ขายหน้าละเข้าใจไหม” เจ้ติ๊กกี้ย้ำก่อนที่จะบอกให้ฉันเดินไปยังห้องท่านประธาน จะว่าไปแล้ว ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่เป็นเดือนฉันเพิ่งมีโอกาสเข้ามาห้องท่านประธานเนี่ยแหละ “มาทำไมคะน้อง” เสียงของผู้ช่วยเลขาหรือคุณติซ่าเอ่ยทักฉัน จะเรียกว่าทักได้ไหมนะ เพราะน้ำเสียงดูไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย “พี่แจ่มให้มาช่วยท่านประธานหาเอกสารค่ะ” ฉันบอกออกไปอย่างนอบน้อมที่สุดเท่าที่จะทำได้ “พี่แจ่ม มีอะไรบอกติซ่าก็ได้นี่คะ ทำไมต้องไปรบกวนคนอื่น อีกอย่างบอสชอบความเป็นส่วนตัว คนไม่สนิท บอสไม่ชอบให้เข้าไปวุ่นวายในห้องหรอกนะ” เวลานี้ฉันอยากจะประกาศให้ทั้งบริษัทรู้ว่าฉันนี่แหละ โคตรสนิทกับบอสของหล่อน สนิทแนบแน่น ทุกรูขุมขน ทุกซอกทุกรู แต่ก็พูดไม่ได้ เฮ้อ! ได้แต่ก้มหน้าลง “มาแล้วเหรอ ตามเข้ามาเลย” เสียงของท่านประธานดังขึ้นและเรียกฉันเข้าไปในห้อง ฉันแอบหันหลังมามองเจ้ติซ่าผู้ช่วยคนสวยสุดเซ็กซี่ และส่งรอยยิ้มบาง ๆ ให้เธอ พร้อมทั้งพยักหน้าเชิงขอโทษ ก่อนจะเดินตามบอสของพวกเธอเข้าไปในห้อง “ยิ้มเป็นนางร้ายเลย” คนที่ว่าฉันยิ้มเป็นนางร้ายเป็นคนกดล็อกประตู “คงต้องเป็นนางร้ายแล้วแหละ เพราะผัวมีแต่คนจ้องจะงาบ” ฉันพูดก่อนจะเข้าไปสวมกอดร่างหนา ไม่เจอแค่ครึ่งวันทำไมวันนี้คิดถึงจัง “ดีเลยพี่ชอบนางร้าย บี๋...ขอจูบหน่อย” คนขอจูบยื่นหน้าให้ฉันจูบ ฉันเองก็จูบตอบอย่างคิดถึง “เป็นอะไรอ้อนจัง” ฉันลูบผมเขาในตอนที่นั่งบนตักเขาเบา ๆ “ไม่รู้สิ รู้สึกคิดถึงน่ะ แล้วนี่มีคนมาจีบไหม” ฉันหันไปมองหน้า ดูแล้วคนบางคนคงไปได้ยินอะไรมาบ้าง “น้องฝึกงานก็ต้องมีคนมาขายขนมจีบเป็นธรรมดา” “เนี่ย ถึงไม่อยากให้ปิดบังไง” ว่าแล้วก็โวยวายอีกครั้ง รู้อยู่แล้วว่าเขาเป็นคนขี้หึง แต่ไม่คิดว่าจะขี้หึงขนาดนี้ “เขาก็จีบกันขำ ๆ ไม่เหมือนเบ๊บหรอก มีชมรมคนรักบอสด้วยนะ” รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาทำให้ฉันรู้ว่าเขาชอบ เขาชอบให้ฉันหึงเป็นเรื่องที่รู้กันตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วว่าคุณลุงขี้หึงและชอบให้ฉันหึงเขาด้วย “มีชมรมนี้ด้วยเหรอ ไม่เห็นรู้เลย” “แหม ยิ้มไม่จริงใจเลย ดีใจล่ะสิ รู้ไหมว่าหนูดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขาด้วยนะ” “จริงดิ” “จริงค่ะ บอสขา ว่าแต่แม่ติฉึ่งนี่เขาอยากแซ่บกับเบ๊บเหรอ” “ติซ่า ไปเรียกเขาแบบนั้นได้ไง” ฉันเบ้ปากให้คนปกป้องแม่นางร้ายเบอร์ตองนั่น “ไม่รู้แหละ เขาร้ายมาหนูก็ร้ายกลับ บอกเลยว่าไม่ยอมนะ เสียทองเท่าหัว ขนผัวสักเส้นก็ไม่ให้เห็น” “ดูพูดเข้า ทะลึ่งตึงตัง” คนว่าฉันทะลึ่ง แต่มือตัวเองล้วงเข้าถึงไหนต่อไหน ไม่ทะลึ่งเลย “พอเลย อย่าซน เดี๋ยวต้องไปทำงานแล้วค่ะ” ฉันจับมือเขาไว้ก่อนที่มือของเขาจะเข้าไปลึกกว่านี้ ซนได้ตลอดเลยสินะ ท่านประธานหื่นของเมีย “วันนี้พี่ว่าจะไปหาอิฐ[1] ไปด้วยกันไหม” อิฐที่เขาพูดถึงคือพี่ชายของพี่อรรถ ครอบครัวตัวออ นี่เขามีกันสองพี่น้องคือพี่อิฐกับพี่อรรถ และลูกสาวเพื่อนสนิทพ่อของพี่อรรถ ชื่ออิงดาว ซึ่งก็เรียนปีเดียวกับฉัน “อยากไปนะคะ แต่จะบอกเจ้ติ๊กกี้ว่ายังไงดี” “เดี๋ยวพี่จัดการให้ บี๋อยู่เฉย ๆ ได้เลยครับคนดี” นั่นท่านประธานปากหวานก็มา “มีอะไรพิเศษไหมคะ ถึงต้องไปหาพี่อิฐ” [1] อิฐ หรือ อิษวัฒ พี่ชายของอรรถพร และเป็นพระเอกเรื่อง ท่านประธานซาตานคลั่งรัก
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม