“เออ ๆ ๆ พูดเยอะจริงเลยยายเตี้ย อยากก็มาเรียกแล้วกัน” คนหน้าไม่อายใครเขาจะไปอยากด้วย
“เดี๋ยวลุง อยากอะไร”
“อยาก-กิน-ข้าว ฉันทำอาหารเก่งนะ จะบอกให้” ฉันหรี่ตามองคนทำอาหารเก่ง ผมยาวมาดกวนตีนเนี่ยนะ แต่เมื่อเช้าข้าวต้มก็พอกินได้นะ
“เชื่อได้เปล่า”
“ไม่เชื่อก็แล้วแต่” เขายักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ เพียงไม่นานอาหารที่พวกเราสั่งก็มาเสิร์ฟ
“ลุงทำงานอะไร” ฉันมองหน้าเขา พลางเอ่ยถามเพราะก่อนหน้านี้เขายังถามเลยว่าฉันมาเรียนหรือเปล่า
“พี่อรรถ...พี่อายุยี่สิบหก ถ้าไม่เรียกพี่ก็เรียกผัว ห้ามเรียกลุงเข้าใจไหมยายเตี้ย” ปากเหรอนั่นที่พูด ไหนจะผัว ไหนจะเตี้ยอีก
“แล้วตัวเองมาเรียกเขาเตี้ยก่อนทำไม” รอยยิ้มมุมปากนั่นคืออะไร
“ก็เตี้ยจริง” อยากจะเอาสปาเกตตียัดปากคนพูดมาก นัก ฉันเลยรีบกินจะได้รีบกลับ เบื่อคนพูดมาก
“ไปดูหนังกันไหม” เสียงคนพูดมากเอ่ยถาม
“จะจีบ” ฉันชี้มาที่หน้าอกตัวเองเหมือนอยากถาม นี่ไม่ใช่ติดใจความจิ้นของฉันแล้วอยากจีบนะ บอกเลยว่าโนค่ะ
“เปล๊า! แค่อยากดูหนัง ไม่มีเพื่อนดู เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ เดี๋ยวเลี้ยงแถมป๊อบคอร์นถังใหญ่ด้วย” เห็นฉันเป็นอะไรเอาของกินมาล่อ ฉันเบ้ปาก ยังไม่ได้ปฏิเสธ อยากดูท่าทีคนไม่ได้จีบก่อน
“เดี๋ยวมื้อนี้พี่เลี้ยงด้วย” คนอยากเป็นพี่รีบเสนอตัวอย่างต่อเนื่อง หากฉันยังตักสปาเกตตีเข้าปากอย่างไม่สนใจ เป็นคนสวยก็ต้องเล่นตัว ถึงจะได้กันแล้วก็เถอะ
“ไปไหม ไปเป็นเพื่อนหน่อย นะเตี้ยนะ”
“นี่ คนเขามีชื่อ”
“ไปนะครับแพร” โอ๊ย คำนี้ทำหัวใจฉันเต้นแรงอย่างบอกไม่ถูก แค่คำว่านะครับก็ทำเอาใจฉันอ่อนระทวย
“ไปก็ได้ เห็นแก่ของฟรีหรอกนะคะ” อยากไปตั้งแต่บอกว่าเลี้ยงแล้ว แต่ที่เล่นตัวเพราะสวยไง คนสวยต้องเล่นตัวหน่อย
ออกจากร้านอาหาร เขาก็พาฉันมาที่ห้าง ซึ่งโรงภาพยนตร์ที่เขาเลือกค่อนข้างดีเลยทีเดียว ซึ่งก็เดินมาจากคอนโดของเราไม่ไกลนัก
“ระวัง!” ยังไม่ทันไรฉันก็เกือบสะดุดล้มหน้าคว่ำในโรงหนังแล้ว ดีนะ ที่เขาพยุงไว้ทัน
“ขอบคุณค่ะ”
“อยากให้จูงมือก็ไม่บอก” คนขี้ตู่จับมือฉันไว้แน่น แล้วที่ประสานมือแบบแนบแน่นนี่คือยังไง โอ๊ย! อีลุงบ้า อย่ามาอ่อยเสียให้ยาก ก็บอกอยู่ว่ายังไม่อยากมีแฟน
ที่นั่งแบบโซฟาเบด หืม! ลงทุน ฉันยิ้มในใจ ถึงไม่อยากมีแฟนแต่ก็อยากมีคนจีบนะ ชอบโมเมนต์แบบคนมาจีบมาเปย์อย่างตอนนี้เสียจริง
“ชอบนั่งฝั่งไหน ซ้ายหรือขวา” เขาเอ่ยถาม แหม ลุงเอาใจเก่งขนาดนี้แล้วบอกไม่ได้จีบ ไม่ได้จีบเลยจ้าลุง
“ฝั่งขวาค่ะ” ฉันบอกแล้วก็หย่อนตัวลงนั่ง เรียกได้ว่าเป็นเหมือนเตียงนอนดูหนังเลยเถอะ แล้วโรงนี้ทั้งโรงมีที่นั่งไม่น่าจะเกินยี่สิบคู่ อย่างว่าขายแค่ครึ่งหนึ่งก็กำไรแล้ว แต่ละที่นั่งค่อนข้างส่วนตัวดีทีเดียว
“อะไร!” ฉันแหวใส่คนที่มือไม้เป็นปลาหมึก
“อยากนอนดูมานอนใกล้ ๆ หนาว ผ้าห่มมีผืนเดียว” นั่นไง จุดประสงค์การมาดูหนัง คงอยากทำอย่างอื่นมากกว่าดูหนัง
“ไม่!” เรื่องอะไรจะยอมไปนั่งใกล้ ๆ แค่นี้ก็อันตรายแล้ว คนอะไรหาเศษหาเลยตลอด
“ตามใจ!” โอ๊ย! มีงอนด้วย คนบ้าอะไรตัวก็โตแต่ขี้น้อยใจ สงสัยที่บ้านตามใจจนเคยตัวแน่ ๆ ฉันล้มตัวลงนอนดูหนังข้าง ๆ เขา ดีเหมือนกันไม่ได้นอนดูหนังแบบนี้นานแล้ว
“แพร แพรครับ ยายเตี้ย!” ฉันตกใจเสียงเรียก ไม่ต้องคิดว่าใครเรียก ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอก คนที่เรียกฉันว่า ‘ยายเตี้ย’ มีแค่คนเดียว
“เรียกทำไมคนจะนอน”
“ไปนอนที่บ้านเรา นี่มันโรงหนัง” เออ ใช่ฉันมาดูหนังกับเขานี่นา ฉันลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว นี่มันอะไรกัน ล้มตัวลงนอนข้างเขาแค่นิดเดียวทำไมหนังจบแล้ว
“จบแล้วเหรอ หนังสั้นเหรอ”
“สั้นบ้าอะไร หนังตั้งร้อยห้าสิบนาที” บ้าน่า ฉันหลับไปสองชั่วโมงเลยเหรอ
“ก็หนังมันน่าเบื่อ ไม่ชอบดูหนังผี” ฉันบ่นอย่างไม่จริงจัง ก็คนมันง่วงจะให้ทำยังไง เมื่อคืนกับวันนี้ก็ใช้พลังงานเยอะ แค่คนมันเพลียเข้าใจไหม ต้องมีบ้างแหละ ใครบ้างไม่เคยหลับในโรงหนัง ใช่ไหม ก็ต้องเคยกันทุกคนนั่นแหละ
“พามาดูหนังผี นึกว่าจะกลัวแล้วกระโดดกอด นี่อะไรหลับเฉย”
“บ้า มีแต่ในละครแหละ ใครจะไปกระโดดกอด” อีตาลุงนี่ สงสัยดูละครเยอะไป ออกจากโรงหนังแล้วเราก็เดินกลับมาคอนโดในเวลาเกือบเที่ยงคืน นี่ฉันไว้ใจเขามากไปหรือเปล่า ทำไมมาดูหนังกับเขาง่ายจัง ทั้งที่เพิ่งเจอกันเอง เออ อันนี้ก็ไม่รู้นะ ดูจากหน้าตาเขาก็ไม่น่าจะเป็นคนเลวร้ายอะไรนะ
เมื่อเราทั้งสองเดินออกจากลิฟต์มา โดยที่ไม่มีเสียงพูดคุยกัน ไม่กี่นาทีก็มาถึงหน้าห้องของฉันแล้ว
“เข้าไปหน่อยได้ไหม” นั่นไง อีลุงอยากซ้ำหรือนี่
“ค่ะ” คิดแล้วก็อยากเห็นหน้าคนผิดหวังนัก หึ ฉันเลยแปะคีย์การ์ดจนได้ยินเสียงคลิกถึงเปิดประตูให้เขาเข้าไปก่อน ฉันถึงเดินตามเข้าไป พลางย่อตัวถอดรองเท้า หันมาอีกทีเขาก็นั่งอยู่โซฟาตัวใหญ่หน้าทีวีจอเจ็ดสิบนิ้วแล้ว
“อยู่คนเดียวเหรอ” เขาเอ่ยถามตอนที่ฉันเดินยกแก้วน้ำมาให้
“ค่ะ อย่าคิดลามกเลยนะ หนูเป็นปจด.น่ะ” ฉันรีบขัดคนคิดลามก ซึ่งไม่รู้ว่าตัวเองจะบอกเขาไปทำไม ในเมื่อมันเรื่องส่วนตัวแบบนี้ แต่คิดอีกอย่างก็เพื่อป้องกันตัวเองจากเขาน่ะแหละ
“ถ้าหายแล้วได้หรือเปล่า”
“ไม่ได้!” ฉันแหวใส่เขาด้วยความโมโห คนอะไรเนี่ย จะหาเรื่องซ้ำอย่างเดียว
“อะไรวะ ก็เห็นชอบ ครางเสียงหลง ฟังไหมเดี๋ยวเปิดให้ดู”
“เดี๋ยวจะโดน กลับห้องไปเลย”
“งั้น ขอกอดหน่อยได้เปล่า” โอ๊ย! คนอะไรหน้าไม่อายจริง ๆ จะมาขอกอดทำไมเนี่ย
“นิดเดียวนะ” นั่นไง เผยความแรดในตัวคุณ เขากล้าขอกอด ฉันก็กล้าให้กอด เดี๋ยวจะหาว่านักเลงไม่พอ
“กอดนิดเดียว ตัวเราเล็กดี นิ่มด้วย เรียนสาขาอะไร” ไหนบอกกอดนิดเดียวแล้วจะมาหอมทำไม
“วิดวะคอม” ฉันตอบค้อน ๆ ก็เขาเล่นมาหอมแก้มฉันอีกสองครั้ง
“เรียนเก่ง” เขาชมพร้อมทั้งให้รางวัลเป็นหอมแก้มฟอดใหญ่
“พอแล้ว ไหนบอกแค่กอดนิดเดียว นี่อะไรทั้งกอดทั้งหอม” ฉันเบี่ยงตัวหลบออกจากอ้อมแขนของเขา รู้หรอกว่าเขาเริ่มมีอารมณ์ ก็ของแข็งของเขาทิ่มก้นฉันไม่หยุด
“หวงตัวจัง” คนขี้งอนเบ้ปาก
“กลับไปได้แล้ว” ฉันเอ่ยปากไล่ นี่ก็เกือบตีหนึ่งแล้ว ตอนนี้ฉันก็ง่วงนอนเต็มทีแล้ว
“แอร์ที่ห้องเสีย นอนนี่ได้เปล่า”
“อย่ามาเนียน แอร์ทั้งห้องมีสี่ตัว ไม่มีทางจะเสียทุกตัวหรอก” ฉันพูดอย่างรู้ทัน คนอะไร หน้าด้าน หน้าทน ตื้อจังเลย
“แค่อยากนอนด้วย เล่นตัว”
“นี่อีตาลุง ถ้าจะอยากมาซ้ำบอกเลยว่าไม่มีทาง หนูไม่ได้ง่ายขนาดนั้น เมื่อคืนแค่เมา ถ้ายังทำแบบนี้อีก ต่อไปจะไม่มองหน้า ไม่คุยด้วยแล้วนะ” ฉันแหวให้เขาอย่างเหลืออด ตอนนั้นมันเมาไหม ทุกอย่างมันก็เหมือนความฝัน นี่อะไร ตั้งหน้าตั้งตาจะหาเศษหาเลยกับฉันอยู่นั่นแหละ
“เออ ๆ ขอโทษ กลับก็ได้” ว่าแล้วคนขี้งอนก็เดินออกห้องไป ฉันเดินเข้าห้องนอนไปอาบน้ำ ไม่ได้สนใจอีลุงข้างห้องอีก
ซึ่งหลังจากวันนั้นเขาก็ไม่มาวุ่นวายกับฉันอีก ฉันก็แอบนอยด์นิดหนึ่งนะ พอไม่ให้ก็ไม่มาสนใจกันเลย แต่ช่างเถอะ ฉันกำลังจะมีชีวิตเฟรชชี่ปีหนึ่งแสนสดใส จะมาสนใจอะไรอีลุงผมยาวทำไมกัน