"พี่จะไม่ถามฉันหน่อยเหรอว่าฉันเอาของสองอย่างนั้นมาจากไหน?"
ฉุนหรานเอ่ยถามสามีขณะที่ทั้งคู่กำลังเดินใกล้จะถึงบ้านโหลว ตลอดทางนอกจากตงกูจะช่วยดูแลและพูดคุยเรื่องทั่วไป เขาก็ไม่เอ่ยถามอะไรอีกสักคำ ทั้งที่เขาเองก็อยู่กับเธอตลอดเวลา เป็นไปไม่ได้เลยที่เธอจะแอบไปซื้อใบชากับช็อกโกแลตโดยที่เขาไม่รู้ไม่เห็น
"ถ้าอาหรานเชื่อใจพี่ วันหนึ่งคงจะบอกพี่เองใช่ไหม?"
คนตัวเล็กหันกลับไปสบตาสามีของเธอ เพื่อค้นหาความรู้สึกตื่นกลัวที่ซ่อนอยู่ในดวงตาคู่นั้น แต่สิ่งที่ได้กลับมามีเพียงความหนักแน่นไม่โอนอ่อน
"ฉันจะบอกพี่ รอกลับถึงบ้านก่อนนะคะ หลังจากนั้นถ้าพี่กลัวฉัน หรืออยากหย่ากับฉัน ฉันก็เข้าใจและยินดีทำตามความต้องการของพี่ทุกอย่าง"
"พูดอะไรแบบนั้น พี่ดีใจที่อาหรานเชื่อใจ แต่จำไว้ว่าอย่าพูดคำว่าหย่าอีก เข้าใจใช่ไหม?"
"รู้แล้วค่ะรู้แล้ว ไม่เห็นต้องทำหน้าดุขนาดนั้นเลย"
ฉุนหรานเผลอใช้น้ำเสียงออดอ้อนพร้อมกับลูบแก้มของสามีเบา ๆ เธอไม่คิดว่าเขาจะมีท่าทีจริงจังขนาดนั้นเลยทำให้เธอพลอยรู้สึกผิดไปด้วย
"ไม่ได้หรอก ถ้าไม่ดุพี่คงถูกเมียเด็กทิ้งเข้าสักวัน"
"ฮะ..ฮ่า ฮ่า ฮ่า เมียเด็ก!"
ยิ่งเห็นท่าทางขบขันของเมียเด็กมันยิ่งทำให้ตงกูอดมันเขี้ยวไม่ได้ ใช่แล้ว! เขาอายุ 30 ปีแล้ว ส่วนเธอเพียงแค่ 20 ปีเท่านั้น แถมยังสวยสะพรั่งมีชายหนุ่มหมายปอง แบบนี้เขาจะไม่กลัวได้ยังไง
"นี่เธอหัวเราะเยาะพี่เหรออาหราน คอยดูเถอะคืนนี้เธอไม่ได้นอนดีแน่ ๆ เมียจ้องจะทิ้งแบบนี้เห็นทีพี่ต้องรีบทำลูกซะแล้ว"
คนอายุมากเชยคางเมียเด็กขึ้นมามองดูใกล้ ๆ มีหรือที่เขาจะยอมเป็นตาแก่ให้เมียเด็กเล่นกับความรู้สึกอยู่ฝ่ายเดียว
"คนหื่น! พูดเรื่องอื่นอยู่แท้ ๆ แต่ดันวกเข้าไปหาเรื่องบนเตียงได้หน้าตาเฉย ฉันไม่คุยกับพี่แล้ว"
ฉุนหรานสะบัดหน้าหนีแล้วรีบเดินไปตามทางที่เธอพอจะจำได้ ทว่าคำพูดของผู้เป็นสามีกลับทำให้ใบหน้าของเธอร้อนผ่าวขึ้นมาอีกครั้ง
"หึ พี่พูดจริงนะ เชื่อว่าถึงเวลานั้นเธอก็จะให้ความร่วมมืออย่างดีด้วย เหมือนเมื่อคืนกับตอนฟ้าสางยังไงล่ะ"
"ถ้าพี่ไม่หยุดล้อฉัน ฉันจะโกรธพี่จริง ๆ นะพี่ตงกู"
ในเวลานั้นเธอจะห้ามตัวเองได้ยังไง ในเมื่อเขานั่นแหละที่เป็นคนเล้าโลมให้เธอแทบหลอมละลาย สุดท้ายก็จบด้วยบทรักที่เร่าร้อนเช่นทุกครั้ง
"ฮ่า ฮ่า ฮ่า เวลาเมียพี่เขินก็ดูน่ารักแบบนี้นี่เอง"
ฉุนหรานจนปัญญาจะพูดกับคนหื่นแบบเขา เธอจึงเร่งฝีเท้าเพื่อเดินไปให้ถึงบ้านโหลวให้เร็วที่สุด พอทั้งคู่พ้นเขตชายป่าก็มีเสียงเล็ก ๆ ของอาเอินวิ่งเข้ามาหาอาเล็กกับอาสะใภ้ของเขาด้วยความตื่นเต้น
"อาเล็กกับอาสะใภ้กลับมาแล้ว โห ได้ของมาเยอะแยะเลย จะมีอะไรมาฝากอาเอินไหมน๊าา"
"มีอยู่แล้ว อาสะใภ้จะลืมอาเอินได้ยังไงกัน"
"เห็นอาสะใภ้ใจดีเข้าหน่อยก็ลืมอาเล็กเลยนะ เจ้าตัวแสบ"
ตงกูเอ่ยเย้าหลานชายตัวน้อยจอมตะกละ ขอเพียงมีขนมมาให้เด็กคนนี้ก็ยอมทำได้ทุกอย่าง
"ไม่ใช่ซะหน่อย อาเอินรักทุกคน รักแบบทั่วถึงอาเล็กรู้จักรึเปล่า คิก คิก"
ขณะที่สองอาหลานกำลังพูดคุยกันอยู่ฉุนหรานก็รับตะกร้าลงจากหลังของสามี เธอหยิบใบชามาเป็นของฝากให้แม่สามีและหยิบช็อกโกแลต นมอัดเม็ด แล้วก็ลูกอมตรากระต่ายออกมาให้หลานชายตัวน้อย
"อันนี้เป็นใบชา ฉันเอามาให้คุณพ่อกับคุณแม่ไว้ชงดื่มช่วงหน้าหนาวค่ะ ส่วนอันนี้เป็นของฝากของอาเอิน มีหลายอย่างเลยนะ"
"หู้ววว ลูกอมตรากระต่าย อาเอินชอบมากเลยครับ ขอบคุณครับอาเล็ก อาสะใภ้ ว่าแต่ขนมดำ ๆ นี่กินยังไงเหรอครับ อาเอินไม่เคยเห็นเลย"
อาเอินดูตื่นตาตื่นใจกับขนมตรงหน้าอยู่ไม่น้อยฉุนหรานจึงหยิบขึ้นมาแล้วแกะกระดาษออก ก่อนจะส่งคืนให้อาเอินลองชิมดู
"ลองดูนะ เป็นไง อร่อยไหม?"
งับ งับ
"อื้ออ อร่อยครับ มีถั่วด้วย อาเอินชอบ"
"ขอบใจมากนะอาหาร แต่ใบชานี้คงแพงน่าดู เก็บเงินไว้ดีกว่านะลูก อย่ามาสิ้นเปลืองกับพ่อแม่เลย"
แม่โหลวที่นั่งมองสะใภ้แกะขนมให้หลานชาย พอนึกถึงมูลค่าใชชากล่องนี้ก็อดเสียดายเงินไม่ได้ ชาดีกลิ่นหอม แถมกล่องใหญ่ขนาดนี้คงมีราคาหลายสิบหยวน
"ไม่สิ้นเปลืองเลยค่ะคุณแม่ หนูไม่ได้อยู่ปรนนิบัติเหมือนพี่สะใภ้ เลยอยากหาสิ่งดี ๆ ให้คุณพ่อคุณแม่ได้ดื่มบ้างก็เท่านั้น"
"อย่าคิดมากเรื่องนั้น เธออยู่บ้านนั้นก็ต้องดูแลคุณปู่ นั่นก็ไม่ต่างจากดูแลพ่อแม่เลยสักนิด"
"แม่ครับ ป้าเหลียนฝากข้าวฟืนมาให้ด้วยนะครับ"
ตงกูยกหม้ออวยที่รับมาจากป้าสะใภ้ยื่นมาให้มารดาได้เปิดดู
"จริงเหรอลูก แม่กำลังอยากกินอยู่พอดี ดูโน่น หนุ่ม ๆ กลับมากันแล้ว เดี๋ยวแม่ไปช่วยซินอี๋เตรียมมื้อเที่ยงก่อนดีกว่า"
"หนูไปด้วยค่ะคุณแม่"
หลังจากเห็นภรรยาเดินตามมารดาเข้าไปในครัวบ้านใหญ่ ตงกูจึงรีบเอาของที่ซื้อมาเข้าไปเก็บที่บ้านหลังเล็ก ก่อนจะกลับมากินข้าวเที่ยงพร้อมทุกคน จากนั้นก็ลงมือเก็บฟืนที่พ่อกับพี่ชายขนมา แล้วเตรียมเข้าป่าอีกรอบในช่วงบ่าย
ช่วงค่ำของวัน
คืนนี้เป็นอีกคืนที่คุณปู่นอนอยู่ที่บ้านใหญ่ ฉุนหรานจึงใช้โอกาสนี้บอกเรื่องสำคัญของเธอให้สามีรับรู้ พร้อมกับนำของของเธอออกมาจากมิติ เสื้อผ้าของแม่กับยายสมัยสาว ๆ หลายชุดที่ถูกเธอนำออกมาไว้ใส่
ฉุนหรานเลือกที่นอนยางพาราออกมาไว้นอนเพื่อความอบอุ่นและนุ่มสบาย ตามด้วยผ้าห่มนวม ผ้าเช็ดตัว ครีมบำรุงผิวและของใช้ของเธออีกไม่กี่อย่าง
แต่สิ่งที่ทำให้เธอมีความสุขที่สุดก็คือห้องน้ำ ต่อไปนี้เธอสามารถหายตัวเข้าไปใช้ห้องน้ำในมิติได้โดยไม่ต้องระแวงว่าสามีจะมาเห็นอีกต่อไปแล้ว บอกตามตรงเลยว่าห้องสุขาในยุคนี้เป็นอะไรที่สาหัสจนทำให้เธอต้องบอกเรื่องมิติให้สามีรู้กันเลยทีเดียว
"พี่อยากเข้าไปดูข้างในไหมคะ ในมิติจะมีร้านหม้อไฟของฉันแล้วก็บ้านเดิมของแม่กับยาย ถ้าพี่ไหวฉันจะพาพี่เข้าไปดู"
ฉุนหรานเอ่ยถามสามีที่กำลังยืนอึ้งอยู่ข้าง ๆ เธอ ตอนแรกที่ฉุนหรานเล่าให้ฟังว่าเธอเป็นดวงวิญญาณที่มาจากอนาคต ตงกูเองยังนึกว่าเป็นเพียงการกลั่นแกล้งจากภรรยา หรือหากเป็นเรื่องจริงก็คงถือเป็นโชคชะตาของเขาที่ได้เธอมาเป็นคู่ชีวิต
แต่การที่เห็นฉุนหรานเอาของออกมาจากกลางอากาศได้เช่นนี้จะไม่ให้เขาตกตะลึงได้ยังไงกัน มันเป็นเพียงความตื่นตระหนกที่ได้เห็นสิ่งเหนือธรรมชาติ ไม่ใช่ความหวาดกลัวว่าภรรยาจะเป็นภูตผีปีศาจ
"วะ..ไหวครับ พี่อยากเห็นที่ที่อาหรานเติบโต พี่อยากรู้ว่าอาหรานของพี่เก่งขนาดไหนถึงมีร้านอาหารเป็นของตัวเองได้"
ดูเอาเถอะ ขนาดอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก แต่ยังมิวายที่ชมภรรยาไม่ต่างจากคนหลงเมีย
"จับมือฉันแล้วหลับตาค่ะ"
ฉุนหรานเองก็ยังไม่แน่ใจว่าจะพาคนอื่นเข้าไปได้รึเปล่า แต่เธอก็เลือกที่จะลองดูแล้วพาสามีเข้าไปเป็นคนแรก
พรึบ
แค่ชั่วพริบตาทั้งคู่ก็เข้ามาอยู่ในร้านหม้อไฟเป็นที่เรียบร้อย
"ลืมตาได้แล้วค่ะ"
วินาทีแรกที่ตงกูได้เห็นร้านอาหารที่มีโต๊ะมากกว่า 30 โต๊ะ ในร้านตกแต่งอย่างสวยงามตามเอกลักษณ์ของชาวจีนที่นิยมใช้สีแดงในการตกแต่งสถานที่ ตามผนังร้านยังมีรูปหม้อไฟ น้ำจิ้ม เนื้อสด ผักสดต่าง ๆ ทำเอาคนที่มองเห็นถึงกับกลืนน้ำลายทั้งที่เพิ่งกินข้าวมาหมาด ๆ
"โอ้โห ร้านใหญ่ขนาดนี้เลยเหรออาหราน แล้วน้องมีคนงานในร้านกี่คน โต๊ะเยอะขนาดนี้แสดงว่าขายดีมากเลยใช่ไหม?"
"ขายดีมากค่ะ อนาคตในเมืองปักกิ่งจะมีร้านแบบนี้อยู่เต็มไปหมด ร้านของฉันต้องใช้พนักงาน 15 คนเชียวนะพี่ตงกูกว่าจะรับมือกับลูกค้าทัน ช่วงค่ำมาจะคึกคักมากเลยล่ะ"
"อาหรานของพี่เก่งมากเลยรู้ไหม ขนาดตัวคนเดียวยังสร้างฐานะให้ตัวเองได้ขนาดนี้ ชาตินี้พี่ไม่รู้จะทำได้เท่าเธอไหม?"
ในยามที่ฉุนหรานพูดถึงร้านหม้อไฟของเธอ ดวงตาของเธอสดใสวาววับบ่งบอกได้ชัดเจนว่าเธอมีความสุขมากแค่ไหน มันทำให้คนเป็นสามีอดชื่นชมในตัวของภรรยาไม่ได้
"ได้อยู่แล้ว ในช่วงปี 1978 จะเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงทั้งในเรื่องการค้าและการศึกษา พอเข้ายุค 80 ชาวบ้านจะได้จัดสรรที่ดินทำกินเป็นของตัวเอง การค้าจะกลายเป็นเสรี ชาวบ้านทุกคนสามารถค้าขายได้อย่างอิสระ"
"..."
"ไม่ต้องห่วงเรื่องทุนนิยมเหมือนอย่างทุกวันนี้ บ้านเมืองจะเจริญรุ่งเรืองขึ้นมาก ผู้คนไม่ต้องอดอยากล้มตายอีกต่อไปแล้ว พี่จะเชื่อฉันไหม อีกแค่ 40-50 ปีข้างหน้า ประเทศของเราจะมีโรงงานมากมายเกิดขึ้นและกลายเป็นฐานการผลิตสิ่งของส่งขายไปทั่วโลก"
ตงกูพยายามวาดภาพในจินตนาการตามที่ภรรยาพูดเอาไว้ แต่มันก็ช่างขัดแย้งกับความเป็นจริงในปัจจุบันเกินกว่าจะเชื่อได้
"มันจะเป็นไปได้จริง ๆ เหรออาหราน?"
"แน่นอนสิคะ มันต้องเป็นอย่างที่ฉันพูดอยู่แล้ว ปี 1984 ระบบคอมมูนจะถูกยกเลิกไป ถึงตอนนั้นฉันอยากหาที่เปิดร้านขายอาหารในเมืองสักที่ ถ้าระหว่างนี้พวกเรามีลูก ถึงตอนนั้นเด็ก ๆ ก็ควรจะเข้าไปเรียนโรงเรียนในเมืองเพื่อการศึกษาที่ดีกว่า"
"เรื่องนี้พี่เห็นด้วย แต่เราควรจะมีลูกสักหลายคนหน่อย ถ้ามีน้อยไปเดี๋ยวลูกจะเหงา เอาเป็นว่าพี่จะขยันทำลูกให้มากกว่าเดิมดีไหม?"
"คนลามก! ในหัวคิดแต่เรื่องเดียว"
"ฮ่า ฮ่า ฮ่า พี่คิดหลายท่าจะตาย ไม่ได้คิดท่าเดียวสักหน่อย"
"พี่ตงกู! ฉันไม่คุยกับพี่แล้วนะ"
"จะไปไหนเมียจ๋า ไม่ต้องใจร้อนขนาดนั้นก็ได้ พี่ทำให้อยู่แล้ว"
"พี่ตงกู!"
"จ้า ๆ กำลังรีบตามไป อย่าใจร้อนสิจ๊ะเมียจ๋า"
ฉุนหรานหมดคำจะพูดต่อ เธอเลยเดินขึ้นไปบนชั้น 3 ของร้านซึ่งเป็นส่วนที่พักของเธอ ส่วนชั้นสองเป็นพื้นที่เก็บเครื่องปรุงและอุปกรณ์ที่ต้องใช้ในร้าน
เป็นไปตามที่คิดเอาไว้ พอเข้าไปถึงส่วนที่เป็นห้องพัก เธอก็ถูกสามีจอมหื่นจับทำลูกไปหลายยก ในที่สุดเธอก็ต้องนอนอยู่ในมิติเพราะความเหนื่อยล้าจนไม่สามารถลุกออกจากเตียงได้