“จะมองอีกนานมั้ย ลงไปได้แล้ว”
เจไดพูดขึ้นเสียงเรียบเมื่อตั้งสติได้เพราะตัวเขาเองก็เผลอมองใบหน้าหวานคนที่อุ้มอยู่นาน ยิ่งได้กลิ่นหอมๆ จากตัวเธอยิ่งทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนแถมไอ้เจ้าลูกชายยังตื่นตัวขึ้นมาดื้อๆ ทั้งๆ ที่เขาเองนั้นเป็นคนเก็บอารมณ์เก่งด้ยซ้ำ แต่กับเด็กสาวตรงหน้าทำให้เขาเกือบควบคุมตัวเองไม่อยู่จึงได้แต่ข่มอารมณ์ไว้โดยไม่แสดงอาการอะไรออกมา
“ขะ…ขอโทษค่ะพี่”
มิรินรีบขอโทษเจไดแล้วกระโดดลงยืนทันที ทางด้านเจไดเมื่อมิรินลงจากตัวเขาแล้วก็เดินไปพิงกำแพงแล้วก้มหน้าเล่นโทรศัพท์เหมือนเดิม ส่วนมิรินก็ละสายตาจากเจไดวิ่งไปร้านชาไข่มุกที่อยู่ใกล้ๆ ด้วยท่าทางระริกระรี้อารมณ์ดีจนเจไดได้แต่เหลือบมองแบบงงๆ เมื่อเห็นเธออารมณ์ดีแบบแปลกๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
“เอาชานมไข่มุกหนึ่งแก้วค่ะ แล้วมีกาแฟดำมั้ยคะ”
เมื่อมาถึงร้านมิรินก็สั่งกับเจ้าของร้านทันที
“มีค่ะคุณลูกค้า รับเป็นกาแฟดำร้อนหรือเย็นคะ”
“เอากาแฟดำเย็นค่ะ ใส่กาแฟสองช้อนนะคะพี่”
เมื่อสั่งแล้วมิรินก็นั่งรออยู่หน้าร้าน สักพักเจ้าของร้านก็ทำเครื่องดื่มเสร็จ
“ได้แล้วค่ะคุณลูกค้า ทั้งหมดเจ็ดสิบบาทค่ะ”
มิรินลุกขึ้นยืนจะหยิบเอาโทรศัพท์ตัวเองจากกระเป๋ากางเกงวอร์มเพื่อจะสแกนจ่ายเพราะเธอไม่มีเงินสดติดตัว ก็ต้องตกใจเมื่อโทรศัพท์นั้นหายเพราะมันตกตอนที่เธอกำลังปีนกำแพงโรงเรียน มิรินถึงกับคิดหนักมองซ้ายมองขวาแล้วเหลือบไปเห็นเจได ปากบางก็ยิ้มกว้างขึ้นทันที
“รอสักครู่นะคะพี่ พอดีโทรศัพท์หนูหายเดี๋ยวไปเอาเงินกับพี่ที่ยืนตรงนั้นแป๊บนึงได้มั้ยคะ”
มิรินหันไปพูดกับเจ้าของร้านด้วยรอยยิ้ม
“ได้ค่ะคุณลูกค้า”
“ขอบคุณค่า”
เมื่อเจ้าของร้านพูดจบมิรินก็พูดขอบคุณด้วยท่าทางดีใจแล้วรีบวิ่งไปหาเจไดทันที
“พี่คะ”
เจไดละสายตาจากโทรศัพท์เงยหน้ามองมิรินพร้อมกับยักคิ้วขึ้นตั้งคำถามโดยไม่พูดอะไรตามประสาคนพูดน้อย
“คือ หนูขอยืมเงินเจ็ดสิบบาทได้มั้ยคะ พอดีหนูจะเอาโทรศัพท์สแกนจ่ายแต่โทรศัพท์หนูหายสงสัยจะตกตอนปีนกำแพง แฮร่”
มิรินพูดขึ้นพร้อมกับทำหน้าอ้อนใส่เจได ทำเอาเจไดถึงกับมองไม่วางตาเพราะท่าทางของเธอนั้นดูน่ารักมากจริงๆ แต่ก็ทำหน้านิ่งไม่แสดงอาการอะไรออกมา
“ได้มั้ยคะพี่ เดี๋ยวถ้าปีนกำแพงกลับไปแล้วเจอโทรศัพท์หนูจะโอนคืนให้ค่ะ”
มิรินพูดขอร้องอีกครั้งเมื่อเห็นเจไดไม่พูดอะไร ส่วนเจไดเมื่อเห็นเธอพูดขอร้องอีกครั้งก็หยิบกระเป๋าเงินจากกางเกงแล้วหยิบเงินแบงค์ร้อยให้เธอทันที
“ขอบคุณค่ะพี่”
มิรินยกมือไหว้ขอบคุณเจไดด้วยท่าทางดีใจแล้วรีบรับเงินวิ่งไปที่ร้านชาไข่มุกทันที ทำเอาเจไดได้แต่มองตามหลังเธอ
“จะดีใจอะไรขนาดนั้น”
เจไดพูดขึ้นเบาๆ เมื่อเห็นมิรินมีท่าทางดีใจเกินหน้าเกินตา ส่วนมิรินเมื่อได้เงินมาแล้วก็จ่ายเงินแล้วถือแก้วน้ำสองแก้วเดินกลับไปหาเจไดที่ยืนเล่นโทรศัพท์อยู่
“ขอบคุณนะคะพี่ที่ให้ยืมเงิน นี่ค่ะของพี่ หนูซื้อมาให้พี่ด้วย แล้วนี่เงินทอนค่ะ”
มิรินพูดกับเจไดด้วยรอยยิ้มแล้วยื่นแก้วน้ำไปตรงหน้าเจไดที่ก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์อยู่ จนเจไดต้องเงยหน้าขึ้นมองคิ้วหนาก็ขมวดขึ้นทันที
“ฉันไม่กินของหวาน ส่วนเงินทอนเธอเอาไปเถอะแล้วไม่ต้องคืนด้วย”
เจไดตอบมิรินสั้นๆ เสียงเรียบ
“อันนี้ไม่ใช่ของหวานค่ะ หนูซื้อกาแฟดำมาให้พี่ต่างหากไม่หวานแน่นอน ลองชิมดูสิคะ”
มิรินพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มแล้วยื่นแก้วกาแฟไปใกล้ปากเจไดจนเจไดต้องเอนหน้าไปข้างหลังหลบแก้วน้ำเมื่อเธอนั้นยื่นมาใกล้ปากเขา
“เธอเป็นคนประเภทไหนกัน คนบอกไม่กินยังจะยัดเยียดให้กินอีก”
เจไดพูดขึ้นพร้อมกับทำหน้าไม่พอใจใส่มิริน
“หนูอุตส่าห์ซื้อมาให้ กินเถอะนะคะ นะๆๆ”
มิรินพูดขึ้นอย่างอ้อนๆ อย่างไม่ยอมจนเจไดได้แต่ส่ายหัวแล้วรับแก้วกาแฟมาจากมือเธอเพราะดูท่าเธอคงจะไม่ยอมง่ายๆ เมื่อเจไดยอมรับแก้วกาแฟแล้วมิรินก็ยิ้มกว้างขึ้นทันที จากนั้นก็มายืนพิงกำแพงดูดแก้วชาไข่มุกตัวเองอย่างอารมณ์ดี
“ทำไมไม่กลับเข้าโรงเรียน จะมายืนทำไมตรงนี้”
เจไดเอ่ยถามมิรินด้วยความสงสัยเมื่อเห็นเธอมายืนพิงกำแพงดูดชาไข่มุกอย่างอารมณ์ดีอยู่ข้างๆ เขา
“ขอกินก่อนค่ะ แล้วจะกลับเข้าไป ว่าแต่พี่มายืนอะไรตรงนี้ รถเสียหรอคะ”
มิรินเอ่ยถามเจไดขึ้นเมื่อมองเห็นรถเขาที่จอดอยู่
“อืม”
เจไดตอบมิรินสั้นๆ แล้วยกแก้วกาแฟมาดูดทำเอาเขาถึงกับชะงักเพราะไม่คิดว่าเธอจะสั่งกาแฟดำรสชาติที่เขาชอบกินเพราะปกติเขาจะสั่งร้านให้ใส่กาแฟสองช้อนตลอด
“เรียกช่างมายังคะ”
มิรินถามเจไดขึ้นอีกขณะที่กินชาไข่มุกไปด้วย
“เรียกแล้ว”
“โอเคค่ะ งั้นเดี๋ยวหนูยืนเป็นเพื่อนพี่”
เจไดถึงกับหันไปมองมิรินด้วยความสงสัยเมื่อได้ยินคำพูดของเธอ
“เธอจะมายืนเป็นเพื่อนฉันทำไม กลับเข้าไปเรียนสิหรือว่าหนีเรียนมารึไง”
เจไดพูดเสียงดุใส่มิรินทันทีเพราะคิดว่าเธอหนีเรียนออกมา
“หนูเปล่าหนีเรียนสักหน่อย หนูอยู่มอหกแล้วอีกไม่กี่วันก็เรียนจบ สัปดาห์นี้ไม่มีเรียนค่ะเค้าให้นักเรียนมาแก้งานที่ค้างอยู่ ส่วนหนูสบายตัวเพราะผ่านทุกวิชาแล้ว”
มิรินรีบตอบเจไดไปตามตรง
“ไม่ได้หนีเรียนแล้วจะปีนกำแพงออกมาทำไม”
เจไดเอ่ยถามมิรินด้วยความสงสัย
“หนูแค่อยากกินชาไข่มุกค่ะ ของโปรดหนูเลยนะ กฎของโรงเรียนไม่ให้ออกถ้ายังไม่ถึงเวลาเลิกเรียน หนูเลยปีนกำแพงออกมาซื้อไงคะ”
คำตอบของมิรินทำเอาเจไดถึงกับอึ้งเพราะคิดไม่ถึงว่าเธอจะลงทุนปีนกำแพงออกมาจากโรงเรียนเพียงแค่มาซื้อชาไข่มุกเท่านั้น
“พี่เรียนวิศวะหรอคะ”
มิรินถามเจไดขึ้นเมื่อเห็นเขาใส่เสื้อช็อปสีแดงเหมือนกับของไดม่อนและรามินพี่ชายของเธอ
“อืม”
เจไดตอบกลับสั้นๆ
“พี่เรียนสาขาอะไรหรอคะ เรียนยากมั้ย”
“เธอจะยืนเงียบๆ ไม่ได้เลยรึไง พูดไม่หยุดเลยจริงๆ”
เจไดพูดขึ้นทันทีเมื่อมิรินเอาแต่ถามเขาไม่หยุดเพราะนิสัยของเขานั้นไม่ชอบคนมาจุ้นจ้านวุ่นวายกับเขาอยู่แล้ว
“หนูก็แค่ชวนคุยพี่จะได้ไม่เบื่อไงคะ”
มิรินพูดกับเจไดด้วยรอยยิ้มไม่ได้เกรงกลัวสายตาดุของเขาเลยแม้แต่น้อย
“ถามฉันรึยังว่าฉันอยากคุยมั้ย”
เจไดตอบมิรินด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย
“คุยเถอะค่ะ เพราะหนูอยากคุยกับพี่ ว่าแต่พี่ชื่ออะไรหรอคะ หนูชื่อมิรินนะคะ”
มิรินยังพูดกับเจไดด้วยรอยยิ้มเหมือนเดิม ทำเอาเจไดถึงกับถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายใส่มิรินเมื่อเธอยังชวนเขาคุยต่อ
“ฉันไม่ได้อยากรู้จักเธอ”
เจไดตอบมิรินเสียงเรียบโดยไม่มองหน้าเธอเลยสักนิดเพราะคิดว่าถ้าพูดไปแบบนี้มิรินอาจจะหยุดพูดกับเขา แต่เขาดันคิดผิดเพราะเธอไม่ได้มีท่าทีจะหยุดพูดเลยสักนิด
“ไม่บอกก็ไม่เป็นไรคะ หนูไปตามหาชื่อพี่เองก็ได้ เหมือนพี่จะเรียนที่เดียวกันกับพี่ชายหนูเลย”
มิรินพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“หึ คนเรียนคณะนี้เป็นร้อยหาชื่อฉันให้เจอก็แล้วกัน”
เจไดพูดขึ้นพร้อมกับยิ้มมุมปากใส่มิรินเมื่อเห็นเด็กปากเก่งบอกจะตามหาชื่อเขา
“ถ้าหนูรู้ชื่อพี่โดยที่ไม่ได้ถามพี่ พี่ต้องเลี้ยงข้าวหนูหนึ่งอาทิตย์ตกลงมั้ยคะ”
มิรินพูดท้าเจไดพร้อมกับทำหน้าจริงจัง
“หึ ตามนั้น”
เจไดรับคำมิรินสั้นๆ เพราะเขาคิดว่ายังไงก็ได้เจอมิรินแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น ส่วนมิรินเมื่อเจไดรับคำท้าก็ยิ้มกว้างออกมาทันทีทำเอาเจไดที่หันไปมองกับชะงักนิ่งเมื่อเห็นรอยยิ้มหวานของเธอแต่ก็หันหน้าหนีไปทางอื่นแล้วยืนนิ่งเงียบไม่พูดอะไรต่อ ส่วนมิรินก็ดูดกินชาไข่มุกอย่างอารมณ์ดี