เช้าวันต่อมามิรินก็แต่งชุดพละของโรงเรียนมัดผมขึ้นเรียบร้อยมาเรียนตามปกติ สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์สุดท้ายของนักเรียนชั้นมอหกจะไม่มีการเรียนการสอนแต่จะให้นักเรียนนั้นทำการแก้ผลการเรียนของตัวเองก่อนจะเรียนจบเพื่อนำวุฒิการศึกษาไปยื่นเรียนมหาลัย เนื่องจากมิรินทำการสอบปลายภาคเรียนที่ประเทศออสเตรเลียและผลการเรียนก็ผ่านเรียบร้อยแล้วเธอจึงไม่ต้องไปเดินตามหาอาจารย์ประจำวิชาที่มาโรงเรียน จริงๆ เธอไม่ต้องมาก็ได้แต่แค่อยากมาล่ำลาโรงเรียนก่อนจะเรียนจบแค่นั้นเอง
“ชะนีทางนี้จ้า”
ขณะที่มิรินกำลังเดินมาใต้อาคารเรียนก็ได้ยินเสียงแพทตี้เพื่อนของเธอเรียก มิรินจึงหันไปมองแล้วรีบเดินไปหาแพทตี้ทันที
“ทำไมมาเช้าจังแพทตี้ แหม เลือกที่นั่งได้ดีจังเลยนะจ้ะ มานั่งข้างสนามบาสซะด้วย”
มิรินแซวแพทตี้ทันทีแล้วนั่งลงข้างๆ เพื่อนตัวเอง
“ก็แหงล่ะ ไปออสเตรเลียตั้งนานไม่ได้มานั่งดูผู้เล่นบาสสักที แกดูสิยัยรินรุ่นน้องเรามีแต่หล่อๆ งืออ ทำไมฉันถึงเกิดมาเร็วจังนะ ถ้าเกิดช้ากว่านี้คงจะได้เรียนกับหนุ่มหล่อรุ่นนี้แน่ๆ”
แพทตี้พูดขึ้นพร้อมกับทำหน้าเสียดายเมื่อมองรุ่นน้องเล่นบาสอยู่
“ถึงแกจะเกิดมารุ่นเดียวกันกับน้องเค้า น้องเค้าก็ไม่เอาแกหรอกย่ะ หล่อๆ แบบนั้นน้องเค้าชอบผู้หญิงแน่นอน ฮ่าๆ”
มิรินพูดกวนแพทตี้พร้อมกับหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี
“ยัยเพื่อนไม่รักดี ทำไมชอบดับฝันฉันอยู่เรื่อยเลย เอ๊ะ! นั่นน้องกัสนิ งืออ เหมือนจะเดินตรงมาทางเราเลยแก”
แพทตี้พูดขึ้นพร้อมกับทำหน้าตื่นเต้นเมื่อเห็นรุ่นน้องสุดหล่อเดินมาทางที่ตัวเองนั่งอยู่ เมื่อได้ยินคำพูดของเพื่อนมิรินก็หันหลังไปดูทันที เพราะเธอนั่งหันหลังให้อยู่
“กัสไหนอะ แกรู้จักน้องเค้าด้วยหรอ”
มิรินเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ก็น้องกัส มอห้าทับหนึ่งไง ทั้งหล่อ เป็นนักฟุตบอลของโรงเรียนแถมเรียนเก่งด้วยนะแก จะบอกว่าในเพจโรงเรียนน้องดังมากเลยนะ นี่แกไม่รู้จักน้องกัสจริงๆ หรอยัยริน”
มิรินส่ายหน้าตอบแพทตี้ทันทีเพราะนิสัยของเธอถึงจะเป็นคนร่าเริงแต่เวลามาเรียนเธอแทบไม่สนใจใครนอกจากเรื่องเรียนเท่านั้น
“ฉันล่ะยอมแกจริงๆ ลืมไปว่ามาเรียนก็หลับหูหลับตาเรียนอย่างเดียวไม่สนใจใครล่ะเนาะ อุ๊ย! น้องเค้าเดินมาหาเราแน่ๆ เลย”
แพทตี้พูดขึ้นพร้อมกับทำหน้าเขินเมื่อเห็นกัสเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ แล้วก็เป็นอย่างที่แพทตี้พูดเพราะกัสนั้นเดินมาหยุดที่โต๊ะของพวกเธอทั้งสองนั่งจริงๆ
“ขอโทษนะครับพี่มิริน”
“คะ”
มิรินขานตอบกัสพร้อมกับทำหน้างงเมื่อได้ยินเขาเรียกเธอ
“คือผมเห็นพี่ใกล้จะเรียนจบแล้ว เลยอยากจะมาสารภาพรักกับพี่ครับ ผมชอบพี่นะครับพี่มิริน ผมรู้ว่าพี่มิรินยังไม่มีแฟน ให้ผมจีบพี่จะได้มั้ยครับ”
คำพูดของกัสทำเอามิรินอ้าปากค้างเพราะไม่คิดว่ารุ่นน้องจะมาสารภาพรักกับเธอตรงๆ แบบนี้
“ตอบน้องเค้าไปสิยัยริน แกจะนั่งอึ้งทำไมเนี่ย”
แพทตี้รีบพูดขึ้นทันทีเมื่อเห็นมิรินเอาแต่มองหน้ากัสนิ่งโดยไม่ตอบอะไร ส่วนมิรินเมื่อได้ยินคำพูดของแพทตี้ก็หันไปมองค้อนใส่เพื่อนแล้วหันมากลับมาหากัสเหมือนเดิม
“ขอโทษนะคะน้องกัส คือพี่ไม่ได้ชอบน้องพี่ว่าน้องอย่าเสียเวลามาจีบพี่เลยนะคะ น้องไม่โกรธพี่ใช่มั้ยคะที่พูดตรงๆ แบบนี้”
มิรินพูดปฏิเสธไปตามตรงเพราะเธอไม่ได้ชอบกัสจริงๆ สาเหตุที่เธอยังไม่ได้มีแฟนไม่ใช่เพราะเหล่าพี่ชายตามหวงอย่างเดียวแต่เพราะเธอยังไม่เจอคนที่ชอบจึงปล่อยให้พี่ชายแยกเขี้ยวขู่คนที่มาจีบเธอทุกคน ทางด้านกัสเมื่อได้ยินคำพูดของมิรินก็ซึมลงเล็กน้อยแต่ก็ยังส่งยิ้มให้มิรินเพราะเขาก็ทำใจไว้อยู่แล้วว่าต้องโดนมิรินปฏิเสธ
“ไม่โกรธเลยครับ ดีซะอีกที่พี่พูดกับผมตรงๆ แบบนี้ ไม่ได้เป็นแฟนแต่ผมเป็นน้องชายพี่ได้มั้ยครับ”
กัสพูดกับมิรินด้วยรอยยิ้ม
“ได้สิคะ มีอะไรก็ปรึกษาพี่ได้ตลอดแต่ห้ามจีบนะโอเคมั้ย”
มิรินพูดกับกัสด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร เพราะนิสัยของเธอนั้นเป็นคนอัธยาศัยดีอยู่แล้วถ้าใครดีกับเธอ เธอก็ดีตอบ แต่ถ้าใครร้ายมาเธอก็ร้ายกลับเหมือนกัน
“ขอบคุณครับพี่มิรินงั้นผมขอแอดเฟซพี่มิรินได้มั้ยครับ”
กัสพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มพร้อมกับยื่นโทรศัพท์ตัวเองให้เธอ ถึงจะโดนเธอปฏิเสธเขาก็ไม่ได้โกรธมิรินเลยแม้แต่น้อยเพราะยิ่งมิรินพูดตรงๆ กับเขามันบ่งบอกว่าเธอนั้นจริงใจไม่น้อยไม่ใช่ผู้หญิงที่ชอบคุยกับคนอื่นไปทั่ว ส่วนมิรินเมื่อเห็นกัสยื่นโทรศัพท์ให้ก็รับมาแล้วกดแอดเฟซกับกัสอย่างว่าง่ายเพราะตกลงกันแล้วว่าจะเป็นพี่น้องกัน แต่ถ้าเมื่อไหร่กัสเข้ามาล้ำเส้นเธอ เธอก็จะบล็อกและไม่คุยด้วยเหมือนกัน
“ขอบคุณครับ งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”
เมื่อมิรินยื่นโทรศัพท์คืนให้กัสก็เอ่ยขอบคุณแล้วเดินไปทันที
“น้องกัสทั้งหล่อ ทั้งนิสัยดีแกก็ยังไม่ชอบหรอยัยริน”
แพทตี้เอ่ยถามมิรินด้วยความสงสัย
“ไม่อะ น้องเค้าก็หล่อนะแต่ฉันไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไรกับน้องเค้าเลย”
มิรินตอบแพทตี้ไปตามตรง
“หล่อ นิสัยดีขนาดนี้ยังไม่ชอบ ฉันล่ะอยากรู้จริงๆ ว่าผู้ชายคนไหนจะทำให้แกหวั่นไหวได้เนี่ย”
“ฉันก็อยากรู้เหมือนกันนั่นล่ะ ว่าฉันจะชอบผู้ชายแบบไหน อิอิ”
มิรินพูดขึ้นพร้อมกับหัวเราะออกมาเพราะเธอเองก็อยากรู้ว่าใครจะสามารถทำให้เธอหวั่นไหวได้
“เพลียกับแกจริงๆ ยัยรินครูพรพรรณไลน์ให้ฉันไปหาอะ จะให้ฉันไปช่วยดูชุดการแสดงของรุ่นน้อง แกไปกับฉันมั้ย”
แพทตี้เอ่ยถามมิรินเมื่อครูนาฏศิลป์ทักมาหาเพราะอยากให้แพทตี้ช่วยไปดูชุด เนื่องจากแพทตี้นั้นเป็นลูกมือให้ครูพรพรรณตั้งแต่เรียนมอสี่แล้ว
“ไม่อะ เดี๋ยวฉันรอแถวๆ นี้ ฉันว่าจะไปหาซื้ออะไรกินด้วย แกช่วยครูเสร็จก็โทรหาฉันแล้วกัน”
“โอเค งั้นเดี๋ยวฉันโทรหานะแก”
มิรินพยักหน้าตอบแพทตี้ทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของเพื่อน ส่วนแพทตี้เมื่อมิรินพยักหน้าตอบแล้วก็ลุกขึ้นเดินไปหาครูพรพรรณทันที
“ไปหาอะไรกินดีกว่า”
เมื่อเห็นแพทตี้เดินไปแล้วมิรินก็ลุกเดินไปทางโรงอาหารของโรงเรียนทันที ขณะที่เดินไปได้ไม่ไกลก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นกลุ่มรุ่นน้องกำลังถือแก้วชาไข่มุกเดินมาทางเธอ มิรินถึงกับตาลุกวาวเพราะชาไข่มุกเป็นของโปรดของเธอ
“ขอโทษนะคะน้อง น้องไปซื้อชาไข่มุกที่ไหนหรอคะ หรือว่าที่โรงเรียนเรามีขายแล้ว”
มิรินเอ่ยถามรุ่นน้องด้วยรอยยิ้มเพราะปกติที่โรงเรียนเธอไม่มีร้านชาไข่มุก แต่เพราะตัวเองไปเรียนแลกเปลี่ยนหลายเดือนจึงเอ่ยถามรุ่นน้องว่ามีร้านมาขายในโรงเรียนแล้วรึเปล่า
“พวกหนูซื้อมาจากร้านที่ขายอยู่ข้างทางฝั่งกำแพงหลังโรงเรียนเราค่ะพี่ พอดีพวกหนูไปทำจิตอาสาข้างนอกเลยซื้อเข้ามาด้วย”
รุ่นน้องผู้หญิงคนหนึ่งตอบมิรินด้วยรอยยิ้มแล้วเดินไปทันที มิรินถึงกับหน้าซึมเมื่อรู้ว่าร้านอยู่นอกโรงเรียนเพราะกฎของโรงเรียนไม่อนุญาตให้นักเรียนออกนอกโรงเรียนก่อนเวลาเลิกเรียน
“คนอย่างมิรินอยากกินต้องได้กิน เอาวะแค่กำแพงโรงเรียนลองปีนดูก่อนเรียนจบดีกว่า”
พูดจบมิรินก็เดินไปยังหลังโรงเรียนทันที ทางด้านเจไดที่ตั้งใจจะขับรถไปเรียนก็ต้องอารมณ์เสียเมื่ออยู่ดีๆ รถมาเสียกลางทาง ร่างสูงเดินลงจากรถแล้วโทรหาช่างทันที
“สวัสดีครับ พอดีรถผมเสียอยู่ข้างโรงเรียนxxx ขับมาดีๆ แล้วมันกระตุกดับไปเลย ช่วยมาดูให้หน่อยนะครับ ขอบคุณครับ”
เมื่อคุยกับช่างซ่อมรถเสร็จเจไดก็เดินมายืนพิงกำแพงโรงเรียนแล้วส่งข้อความบอกไดม่อนว่ารถเสียเพราะกลัวเพื่อนจะรอเข้าเรียนพร้อมกัน เมื่อเห็นไดม่อนตอบแชทแล้วก็ก้มไถโทรศัพท์เล่นฆ่าเวลารอช่างมาดูรถให้
“พี่คะ”
เจไดหันมองซ้ายมองขวาทันทีเมื่อได้ยินเสียงผู้หญิงเรียกแต่ก็ไม่เจอใคร
“หนูอยู่ทางนี้ค่ะพี่ เงยหน้ามาค่า”
เจไดรีบเงยหน้าขึ้นมองตามเสียงทันทีก็ต้องตกใจเมื่อเห็นเด็กนักเรียนผู้หญิงหน้าตาจิ้มลิ้มกำลังนั่งอยู่บนกำแพงที่สูงลิ่ว
“ขึ้นไปทำอะไรบนนั้น”
เจไดเอ่ยถามเด็กสาวด้านบนด้วยความสงสัย ส่วนมิรินที่ตัดสินใจปีนกำแพงขึ้นมาหวังจะกระโดดลงไปก็ต้องคิดใหม่เพราะเธอไม่คิดว่าพื้นด้านนอกจะต่ำกว่าในโรงเรียนเลยทำให้กำแพงด้านนอกสูงกว่าด้านใน
“พี่ช่วยอะไรหนูหน่อยได้มั้ย”
มิรินเอ่ยขอความช่วยเหลือเจไดด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน
“ช่วยอะไร เฮ้ยยยย!”
เจไดถึงกับร้องตกใจเมื่ออยู่ดีๆ มิรินก็กระโดดลงมาหาเขา เจไดจึงอ้าแขนรับกอดมิรินอัตโมมัติด้วยความตกใจ ส่วนมิรินที่ตัดสินใจกระโดดมาหาเจไดเพื่อหวังให้เขารับก็กอดคอเขาไว้ขาเรียวทั้งสองข้างรีบเกี่ยวเข้าเอวสอบของเจไดอย่างรวดเร็ว เมื่อมิรินกระโดดลงมากอดเจไดแล้วมิรินก็ผละกอดออกจนได้สบตากับเจไดขณะที่เขายังอุ้มเธอในท่าอุ้มแตงไว้อยู่ ทำเอามิรินถึงกับชะงักนิ่งเมื่อได้มองหน้าอันหล่อเหลาและสบตากับเจไดอย่างใกล้ชิดจนเธอรู้สึกใจเต้นแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นกับใครแบบนี้มาก่อน