คนไข้ของหมอ60%

940 คำ
ทว่าเสียงทุ้มที่บอกเรื่อยๆ ในประโยคต่อมา คนตัวเล็กซึ่งนอนหันหลังมาตลอดรีบพลิกตัวหันหน้ากลับไปมองคนตัวโตกว่าด้วยใบหน้าที่แสดงออกชัดถึงความไม่พอใจ ‘อีตาคุณหมอคนส่งเอกสารนี่ เอาอีกแล้วนะ พอรู้จุดอ่อน ก็ขู่เอา ขู่เอา’ เด็กดื้อมองหน้าคุณหมอที่กอดอกมองหน้าเธอนิ่งเช่นกัน เขาส่งสายตากลับมาเป็นคำถามประมาณว่า ‘ก็เลือกเอา จะเอายังไง’ ใบหน้างอง้ำของสาวน้อยทำให้คนมองนึกขำอยู่ในใจ อันที่จริง เขาก็ไม่ได้อยากเอาจุดอ่อนของเธอมาขู่ให้เธอกลัวขึ้นไปอีกหรอกนะ เเต่เพราะเธอดื้อซะเหลือเกิน ไม่เคยแม้เเต่จะฟังเขา ซึ่งต้องการรักษาให้เธอหายดี เขาก็เลยต้องเลือกใช้วิธีนี้ "เกอะ...ก็ กินไปก็ปวดท้องอีก" คนอยากสู้แต่ทำอะไรไม่ได้จำต้องอึกอักสารภาพความจริง เธอไม่อยากกินข้าว เพราะด้วยอาการโรคกระเพาะที่เป็น ถ้าหากไม่กินข้าวก็จะปวดท้อง แต่ถึงแม้จะทานไปก็ปวดอยู่ดี อาจจะมากขึ้นซะด้วยซ้ำ ทั้งยังอาการมึนหัวนั่นอีก ทำให้เธอไม่อยากจะทานอะไร ด้านคุณหมอพอได้ยินอย่างนั้น ก็ได้แต่สงสารแกมเอ็นดู เขารู้ว่าเธอไม่ได้โกหก แต่ก็นั่นล่ะ ถึงอย่างไร ถ้าจะให้เขาเลือกรักษาเธอด้วยวิธีการที่ไม่ต้องเจ็บตัว เธอก็ต้องแข็งใจทานข้าว เพื่อจะได้ทานยาต่อไป "ถึงยังไงก็ต้องฝืนใจทานหน่อย" เขาบอกคนไข้อย่างใจเย็น "ก็ไม่อยาก" เสียงแผ่วที่ยังอุบอิบปฏิเสธ ภีมภัทรลอบถอนหายใจ "เเสดงว่าชอบฉีดยาแทนใช่มั้ย" เเต่โทนเสียงดุนั้น คงทำให้คนตัวเล็กเริ่มกลัวจริงๆ ซะแล้ว ชายหนุ่มมองดวงตากลมที่ ฟลุบต่ำ ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันเป็นเส้นตรง ไร้ซึ่งคำพูดใดๆ ของคนไข้ดื้อแล้วส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ "เฮ้อ" ตามด้วยเสียงถอนหายใจ สงสัยเธอจะยังเด็กเกินไป คงต้องพูดกันดีๆ "ไม่เอา อย่าทำหน้าอย่างนั้น เดี๋ยวทานข้าวหน่อยนะ นิดเดียวก็ยังดี จะได้ทานยา..นะคะ คนเก่ง" เขาพูดปลอบเธออย่างพี่ชายกำลังปลอบน้องสาวตัวน้อย พลางหยิบชามข้าวต้มมาวางไว้ให้กับคนก้มหน้างุดบนเตียง เธอยอมทานแต่โดยดี แต่ก็ไม่ยอมเงยหน้ามามองเขาแม้เเต่น้อย ด้านริศรา เธอไม่รู้ว่าทำไม ความรู้สึกน้อยใจจึงเเล่นวูบเข้ามาในหัวใจ ไม่ใช่แค่โดนเขาขู่ให้กลัว แต่ด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกว่า เขากำลังไม่พอใจที่เธอทำแบบนี้ แม้จะไม่ใช่สิ่งที่ฟังแล้วรุนแรงมากนักก็ตาม แต่สำหรับคนขี้น้อยใจอย่างเธอ คงไม่ใช่เฉพาะแค่คนตรงหน้านี้หรอก ไม่ว่าใครก็ทำให้เธอมีอาการแบบนี้ได้เช่นกัน หญิงสาวทานข้าวไปได้เพียงครึ่ง เเต่นี่ก็ถือว่าฝืนใจเธอมากพออยู่เเล้ว แววตาน้อยใจผสมความขุ่นเคือง เงยหน้าขึ้นมามองคนที่ยืนอยู่ข้างๆ เป็นเชิงถามว่า ‘พอแล้วใช่มั้ย พอใจหรือยัง’ และก็ได้รับคำตอบคือการพยักหน้ารับ มือบางจึงวางช้อนลง ดื่มน้ำเพียงเล็กน้อย แล้วล้มตัวลงนอน ภีมภัทรเมื่อเห็นดังนั้น จึงหยิบรีโมทขึ้นมาปิดทีวี แล้วบอก "นอนพักไปก่อนก็ได้ เดี๋ยวอีกสักพัก ค่อยลุกขึ้นมาทานยา ยังปวดหัวอยู่หรือเปล่า" คำตอบที่ได้รับคือการพยักหน้า ภีมภัทรหยิบปรอทวัดไข้ที่วางไว้หัวเตียงให้คนป่วยไว้ใต้ลิ้นเพื่อวัดอุณหภูมิของร่างกาย ซึ่งได้ผลว่าอาการไข้ของเธอเริ่มลดลงแล้ว แต่ก็ยังถือว่ามีไข้อยู่ "คุณหมอภีมภัทร" เสียงใสเรียกให้คุณหมอที่กำลังตรวจชีพจรให้กับเธอเงยหน้าขึ้นมามอง "หืม" "เมื่อไรจะได้กลับ ไม่อยากอยู่โรงพยาบาลแล้ว" เธอบอกเขาตามความเป็นจริง "จะรีบกลับไปทำไม ยังมีไข้อยู่เลย" เสียงทุ้มอธิบาย "ก็อยากกลับ จะกลับไปอ่านหนังสือสอบ มะรืนก็จะสอบเเล้ว กลับตอนนี้เลยได้มั้ย" คนตัวเล็กยังต่อรอง เรียกรอยยิ้มบางๆ จากเจ้าของใบหน้าคมสะอาด "คงไม่ได้หรอกครับ ยังไงก็ต้องรอให้ดีขึ้นกว่านี้ก่อน ส่วนเรื่องสอบ ไม่ต้องห่วงนะ ถ้าไม่ไหวจริงๆ เดี๋ยวหมอทำใบรับรองแพทย์ให้ แล้วค่อยไปยื่นกับอาจารย์ก็ได้นี่ จริงมั้ย" เขาบอกให้คนไข้ตัวเล็กได้คลายกังวล "แต่…" คนป่วยเหมือนจะต่อรองอีก แต่ก็ถูกคุณหมอขัดไว้ซะก่อน "นะ ไม่ต้องคิดมาก ลุกขึ้นมาทานยาก่อน เเล้วพักผ่อนให้เยอะๆ จะได้หายไวๆ...นะครับ " เขาตัดบทด้วยการยื่นถ้วยยาและแก้วน้ำให้กับเธอ หลังจากนั้นสักพัก คนตัวเล็กก็หลับสนิทไปอีกครั้ง ภีมภัทรหลังจากบันทึกข้อมูลบนแฟ้มประวัติคนไข้ จึงเงยหน้าขึ้นมามองเด็กดื้อที่ตอนนี้สิ้นฤทธิ์นอนหลับตาพริ้มด้วยความเอ็นดู เอื้อมมือจะลูบผมสาวน้อย แต่ก็ต้องหยุดไว้เท่านั้น เมื่อคิดได้ว่าคงไม่เหมาะสมเท่าไร เเต่... ไม่รู้เพราะอะไร เขาถึงรู้สึกเอ็นดูสาวน้อยตรงหน้าคนนี้ อาจเป็นเพราะความดื้อดึงของเธอที่ทำให้เขาต้องคอยรับมืออยู่บ่อยๆ ทำให้ลูกชายคนเล็กที่ไม่เคยมีและอยากมีน้องสาวอย่างเขา มีจิตวิญญาณของความเป็นพี่ชายขึ้นมาอย่างนั้นล่ะมั้ง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม