คนไข้ของหมอ40%

1552 คำ
"คุณหมอภีมคะ มีคนไข้คุณหมอ อยู่ที่ห้อง ER ค่ะ" เสียงโทรศัพท์ภายในที่พยาบาลโทรเข้ามาในห้องทำงาน บอกให้รู้ว่ามีคนไข้ที่เขาเป็นเจ้าของไข้อยู่ในห้องฉุกเฉิน "ครับ ช่วยเตรียมแฟ้มประวัติให้ผมด้วย ผมกำลังจะไปครับ" คุณหมอหนุ่มบอก ก่อนจะรีบเดินออกไป เมื่อเห็นนายแพทย์ภีมภัทรเดินเข้ามา พยาบาลประจำห้องฉุกเฉิน ก็รีบเดินนำไปยังเตียงของคนป่วยที่เขามีหน้าที่รับผิดชอบ เมื่อเดินไปถึง แพทย์เวรประจำห้องฉุกเฉินที่กำลังตรวจอาการเบื้องต้นอยู่ หันมาทางแพทย์รุ่นพี่ผู้เข้ามาใหม่ แล้วรีบรายงาน "มีไข้สูงเกือบ 40 องศาเเน่ะครับพี่" "ขอบใจมาก เดี๋ยวพี่ดูแลต่อเอง" ภีมภัทรขอบใจแพทย์รุ่นน้อง เขาหยิบแฟ้มประวัติขึ้นมาดูอาการ ก่อนจะเงยหน้าไปมองคนไข้บนเตียง คนตัวเล็กที่นอนขมวดคิ้วหน้ายุ่งบอกให้รู้ถึงความเจ็บปวด มือของเธอกุมไว้บริเวณท้อง เห็นอย่างนี้คนมองก็อดส่ายหน้าด้วยความอ่อนใจไม่ได้ เมื่อนึกขึ้นได้ว่า คนป่วยที่นอนตรงหน้าคนนี้ คือ เด็กจอมดื้อที่เบี้ยวนัดเขาเมื่อไม่กี่อาทิตย์ก่อนหน้านี้เอง ‘เฮ้อ เจอกันกี่ทีก็เป็นอย่างนี้ทุกทีเลยสิน้า’ คุณหมอคิดด้วยความอ่อนใจ หลังจากตรวจดูอาการของนริศราเรียบร้อยแล้ว พบว่าเธอมีอาการโรคกระเพาะกำเริบ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เขากังวลเท่าอาการไข้สูงของเธอ ซึ่งอาจจะเป็นอาการของไข้เลือดออกหรือไข้หวัดใหญ่ก็ได้ "เคสนี้เดี๋ยว admit เลยนะครับ" ภีมภัทรหันไปบอกกับนางพยาบาลวัยกลางคนที่ยืนอยู่ข้างๆ แล้วหันไปพูดกับคนไข้ของเขาต่อ "ปวดหัวมากมั้ย เดี๋ยวเจาะเลือดหน่อยนะครับ" เขาบอก คนตัวเล็กขมวดคิ้วยุ่งอย่างจะปฏิเสธ นายแพทย์หนุ่มส่ายหน้าอย่างเอ็นดู ‘ไม่สบายจะแย่อยู่แล้ว ยังจะมาดื้ออีก’ เขาคิดแล้วก็จัดการเจาะเลือดให้กับเธอ เพื่อส่งตรวจหารอยโรคต่อไป นริศราถูกนำตัวมายังห้องพักฟื้น คุณหมอภีมภัทรจัดการสั่งให้พยาบาลให้น้ำเกลือ (เจ็บจะเเย่ คุณหมอบ้า ทำร้ายคนไม่มีทางสู้) และดูเเลให้ทานยาบรรเทาอาการปวดก่อนในเบื้องต้น "ลูกเกด เป็นไงบ้าง ดีขึ้นมั้ย" ลลนาถามเพื่อนด้วยความเป็นห่วง เมื่อเห็นเพื่อนพยักหน้ารับจึงพอสบายใจขึ้นมาบ้าง "ถ้าอย่างนั้น ฉันกับกานต์ ไปสอบก่อนนะ เย็นๆ จะมาหาใหม่" อีกครั้งที่นริศราพยักหน้ารับ "ขอบใจมากนะยุ้ย ขอบใจมากนะกานต์" เสียงแผ่วของคนป่วยเรียกมือของสาวหมวยให้เอื้อมไปยีผมนุ่มของเพื่อนอย่างมันเขี้ยว "เฮ้อ ก็ใครใช้ให้ฉันมารักเพื่อนอย่างแกล่ะ ยัยมูมมาม" ลลนาพูดด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม หลังออกมาจากห้องพักฟื้นของนริศราแล้ว ลลนาก็เดินไปยังห้องของแพทย์เจ้าของไข้ของเพื่อนสาว เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้น เรียกนายเเพทย์หนุ่มที่กำลังก้มหน้าเขียนบางอย่างอยู่ ให้เงยหน้าขึ้นมองเด็กสองคนในชุดนักศึกษาสถาบันเดียวกับที่เขาเคยศึกษา ทั้งสองพนมมือไหว้เขาอย่างนอบน้อม การกระทำนั้นก็ทำให้ได้รับรอยยิ้มบางๆ และการรับไหว้ของคุณหมอหนุ่มเช่นกัน ‘โห หมอหล่อเป็นบ้าเลยว่ะ ยัยมูมมามเอ้ย อยากเป็นคนไข้แทนเลยนะเนี่ย’ ลลนาอดชื่นชมกับความหน้าตาดีอย่างไม่มีที่ติของคุณหมอตรงหน้าไม่ได้ "สวัสดีค่ะ คือหนูเป็นเพื่อนของคนไข้ที่ชื่อนริศราค่ะ คือเพื่อนหนูไม่ได้เป็นอะไรมากใช่มั้ยคะ เพราะหนูมีสอบตอนบ่ายน่ะค่ะ อาจจะต้องทิ้งให้เขาอยู่คนเดียวก่อน" ลลนาเริ่มอธิบายให้คุณหมอหนุ่มเข้าใจ "อืม ตอนนี้ต้องรอผลเลือดยืนยันก่อนนะครับ" ภีมภัทรบอก "เเต่คุณไม่ต้องเป็นห่วงหรอก อาการทั่วไปก็ไม่มีอะไรให้ต้องเป็นห่วงมาก ไปสอบเถอะ เดี๋ยวทางนี้หมอจะดูแลให้เอง" เสียงทุ้มบอกเรื่อยๆ ให้เด็กสาวได้สบายใจ แล้วก็นึกอะไรขึ้นมาได้บางอย่างจึงถาม "แล้วครอบครัวน้องเค้าล่ะครับ" ชายหนุ่มอดสงสัยไม่ได้ เพราะตั้งแต่นริศราเข้ามานอนพักรักษาตัว ก็เห็นมีเเต่เพื่อนเธอนี่ล่ะที่เขาได้พบ "คือครอบครัวลูกเกดอยู่ต่างจังหวัดน่ะค่ะ แล้วเกดบอกว่าไม่ต้องบอกที่บ้าน เพราะไม่อยากให้เป็นห่วง" คำตอบที่ได้ยิน นายแพทย์หนุ่มพยักหน้ารับรู้ เเต่... เมื่อกี้... เพื่อนเธอเรียกนริศราว่าลูกเกดหรอ ธอคงชื่อเล่นว่า ‘ลูกเกด’ ซินะ "ครับ ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ หมอต้องดูเเลคนไข้อย่างดีที่สุดอยู่แล้ว" เขาย้ำอีกครั้งให้เพื่อนๆ ของคนไข้ที่เขาเพิ่งรู้เมื่อสักครู่นี้ว่ามีชื่อเล่นว่า ‘ลูกเกด’ ได้สบายใจ พอได้ยินอย่างนั้น ลลนาและกานต์จึงยกมือไหว้ลานายแพทย์หนุ่ม แต่ขณะที่ลลนากำลังเดินออกไป เขาก็เหมือนนึกขึ้นได้อีกอย่าง "แล้วน้องนริศราไม่ต้องไปสอบเหรอครับ" ชายหนุ่มถามออกไปอย่างอดเป็นกังวลไม่ได้ “อ๋อ เกดเรียนอยู่คณะวิทย์น่ะค่ะ คนละคณะกัน" ลลนาระบายยิ้มตอบ เห็นคนถามทำเพียงพยักหน้ารับเรียบๆ ตามแบบฉบับคุณหมอ ด้านนริศรา เมื่อสักครู่นี้พยามาร เอ้ย พยาบาล เพิ่งเข้ามาบังคับให้เธอทานอาหารแล้วก็ทานยา ถึงเธอจะมีอาการดีขึ้นกว่าเดิมบ้างแล้วก็ตาม แต่ก็ยังปวดหัวและปวดท้องมากเกินกว่าจะทานอาหารได้มากๆ อย่างที่คุณพยาบาลเธอต้องการ และด้วยอาการที่ทุเลาลงบ้าง จึงมีความคิดแล่นขึ้นมาว่า เธอควรจะกลับไปนอนพักที่หอดีกว่าที่จะมานอนอุดอู้อยู่ในห้องสี่เหลี่ยมสีขาว แล้วก็ไปไหนมาไหนไม่ได้เพราะสายน้ำเกลืออย่างนี้ ดวงตากลมช้อนขึ้นไปมองด้านหัวเตียง เพื่อมองหาชื่อคุณหมอเจ้าของไข้ เธอจะใช้สายตาอันน่าสงสาร อ้อนเขาหรือเธอคนนั้น ให้ปล่อยเธอกลับหอ ด้วยเหตุผลอันจำเป็นสุดขีดว่า เธอจะไปสอบ เเต่ เอ๊ะ...นั่น ตัวหนังสือนั่น มันอ่านว่าอะไรนะ สงสัยจะไข้ขึ้นจนอ่านผิด ภีมภัทรเหรอ...อะไรนะ นายแพทย์ภีมภัทร...ภีมภัทรอีกแล้วหรอเนี้ย ทำไมเธอจะต้องมาเจอกับอีตาคุณหมอคนส่งเอกสารอีกแล้วล่ะ โรงพยาบาลนี้มีหมออยู่คนเดีนวหรอไง! เฮอๆ ทำเสียแผนหมด ไม่ๆ ...เธอจะไม่ทำหน้าตาน่าสงสารให้ศัตรูฝ่ายครงข้ามเห็นใจ เชอะ... ฝันไปเถอะ! และยังไม่ทันจะได้คิดอะไรต่อ คงเพราะด้วยฤทธิ์ยาหรือความอ่อนเพลียของอาการป่วย จึงทำให้สาวน้อยเผลอหลับไปในที่สุด เสียงเคาะประตูดังขึ้น เป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่ากำลังมีคนเข้ามา เรียกสายตาของนริศราที่กำลังกึ่งนั่งกึ่งนอนดูทีวีบนเตียงคนป่วยให้หันไปมองชายหนุ่มในชุดเสื้อกาวน์สีขาวสะอาด นี่คงจะเป็นครั้งแรกเลยล่ะมั้ง ที่เธอได้เห็นเขาในมาดคุณหมอเต็มยศขนาดนี้ "เป็นไงบ้างครับคนป่วย เห็นมีคนมาฟ้องว่าไม่ยอมทานข้าว" คุณหมอถาม เมื่อมาหยุดยืนอยู่ข้างเตียงคนป่วย มือพลางเปิดดูถาดอาหารเย็นที่วางอยู่ตรงหัวเตียง ก็พบว่ามันพร่องไปเพียงเเค่เล็กน้อยเท่านั้น พอหันกลับไปมองหน้าคนป่วย ก็เห็นทำเป็นแสร้งมองไปทางอื่น ไม่สนใจในสิ่งที่เขาพูด "ถ้าไม่ทานข้าวแล้วจะทานยาได้ยังไงล่ะ" เสียงทุ้มไม่ได้เจือแววตำหนิถามเรื่อยๆ มือปรับระดับการหยดของน้ำเกลือ ส่วนสาวน้อยไม่มีทีท่าจะสนใจคำพูดของเขาแต่อย่างใด สักพัก เจ้าของร่างเล็กนั้นจึงล้มตัวลงนอน โดยเลือกที่จะหันหลังให้เขา "ง่วงแล้ว จะนอน ปวดหัวด้วย" เป็นคำพูดประโยคเเรกหลังจากไม่ได้เจอกันเกือบเดือนที่หลุดออกมาจากปากหญิงสาว ‘เออนะ เดี๋ยวนี้คนไข้ไล่หมอเจ้าของไข้ได้ด้วยหรอเนี่ย’ เธอคงไม่ได้อ่อนเพลียจริงๆ หรอก เเต่ถึงจะใช่ก็คงไม่มากขนาดนี้ เพราะเขาเพิ่งได้รับรายงานจากพยาบาลว่า เพิ่งจะปลุกเธอขึ้นมาทานยาก่อนอาหารและทานข้าว หลังจากที่หลับไปร่วมสามสี่ชั่วโมง เเต่เธอก็ไม่ยอมทานข้าวแต่โดยดี ทานได้เพียงคำสองคำก็บอกว่าอิ่มและไม่ยอมทานอีก นั่นก็เป็นสาเหตุให้เขาต้องมายืนอยู่ข้างเตียงเธออย่างนี้ ‘ฮึ ยัยตัวเล็ก แสบพอตัวเลยนะเรา สงสัยคงต้องจัดการขั้นเด็ดขาดกันหน่อยเเล้วล่ะ’ คุณหมอคิดอย่างอ่อนใจ เพราะถ้าเธอไม่ยอมทานข้าว ก็จะทานยาหลังอาหารไม่ได้ แล้วโรคกระเพาะประจำตัว ก็จะกำเริบขึ้นอีก เเล้วเมื่อไรจะหายสักที "โอเค ไม่ทาน ก็ไม่ทาน นอน ก็นอน" เขาไม่ได้ดูเอาเรื่องเอาราวเธอเลยสักนิด ‘ก็แค่นั้นแหละ’ "งั้นเดี๋ยวฉีดยาละกันเนอะ"
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม