เราคงไม่ได้เจอกันอีกแล้ว

950 คำ
ตากลมโตของเจ้าของร่างบางในชุดนอนก้มมองแผลตรงข้อศอกของตัวเองที่ตอนนี้ดีขึ้นกว่าวันแรกมากแล้ว พาให้นึกไปถึงคนที่ทำแผลให้เธอในวันนั้น ทั้งที่ไม่กล้าจะเอ่ยขอบคุณเต็มปากเต็มคำ แต่เธอคงอดรู้สึกผิดไม่ได้ ถ้าทำเฉยเมยกับความหวังดีนั้น ‘แต่เราคงจะไม่ได้เจอกันอีกแล้วล่ะนะ คุณหมอคนส่งเอกสาร’ ถึงแม้ว่าเขาจะนัดเธอไปดูอาการในอีกสองวันข้างหน้า แต่สำหรับเธอ หลังจากกินยาไปได้สองสามหน แล้วพบว่าอาการดีขึ้น เธอก็ไม่คิดจะแตะมันอีก แล้วการจะให้เธอกลับไปพบเขาอีกนั้น ยิ่งไม่มีทางเลย แล้วไหนจะต้องไปเรียนอีกล่ะ เธอคงไม่มีเวลาหรอก พอคิดถึงเรื่องเรียน ก็เพิ่งนึกขึ้นได้ เธอยังไม่ได้ทำรายงานผลการทดลองที่จะต้องส่งในวันพรุ่งนี้เลย ความคิดที่นึกถึงคนตัวโตจึงหยุดลง นริศราหันกลับมาสนใจกับงานตรงหน้า จนลืมวันเวลาอีกเช่นเคย วันเวลาช่างเดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว นี่ก็เดือนหนึ่งแล้วซินะกับชีวิตนักศึกษาปีที่สามของเธอ การเรียนในชั้นที่สูงขึ้น เนื้อหาที่หนักขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทำให้นริศราต้องทุ่มเททั้งแรงกาย แรงใจมากมันขึ้นอีกหลายเท่าตัว ยิ่งช่วงนี้เป็นช่วงใกล้สอบกลางภาค รายงานต่างๆ ก็ประดังเข้ามา ทั้งเธอยังสอนพิเศษหลังเลิกเรียนเป็นอาชีพเสริมอีกด้วย นั่นทำให้หญิงสาวเหนื่อยจนแทบจะไม่ไหว หลายต่อหลายครั้งที่เธออยากจะพัก แต่ในเมื่องานไม่เสร็จ ความรับผิดชอบที่มีบอกให้เธอต้องทำมันต่อไป และทำทุกอย่างให้ออกมาดีที่สุด และวันนี้เป็นอีกวันหนึ่งในชีวิตเเสนจะวุ่นวายของเธอ หลังจากลงจากห้องแลปตอนเข็มนาฬิกาเดินบอกเวลาว่าจะสามทุ่ม ทว่าภารกิจไม่ได้จบลงแค่นั้น เพราะเธอต้องกลับมาทำรายงานผลการทดลองต่อจนเสร็จ และเเม้ถึงจะเหนื่อยอย่างไร แต่อีกไม่กี่วันก็จะสอบแล้ว แม้ร่างกายจะร่ำร้องบอกว่าต้องการการพักผ่อน แต่ในเมื่อใจเธอยังสู้ จึงฝืนความต้องการของร่างกาย ทนอ่านหนังสือต่อไป ซึ่งก็เป็นได้เพียงแค่พักเดียว เพราะเธอรู้สึกได้ถึงอาการเบาโหวงเหวง ร้อนๆ หนาวๆ ที่เกิดขึ้นกับร่างกาย เธอรู้ว่า ‘ไม่ควรฝืนอีกต่อไปแล้ว’ จึงล้มตัวลงนอนบนเตียง เข้าสู่นิทราในที่สุด "เฮ้ย เกด ตื่นได้แล้ว แกไม่ไปเรียนหรอไง" ลลนาซึ่งเมื่อคืนไปนอนค้างที่หอพักของเพื่อนร่วมคณะ เพื่อติวหนังสือกัน กลับเข้ามาที่ห้องในตอนสายเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าและออกไปเรียน แต่ก็ต้องแปลกใจ เมื่อเห็นเพื่อนสาวของเธอยังนอนคลุมโปงอยู่บนเตียง ทั้งที่ตามปกติ วันนี้นริศราต้องออกไปเรียนตั้งแต่เช้า มือบางเอื้อมไปเปิดผ้าห่มสีหวานที่คลุมตัวเพื่อนไว้ แล้วเธอก็ต้องตกใจ เมื่อเห็นคนที่นอนขดอยู่ หน้าแดงจัดเหมือนคนกำลังไม่สบาย "ไอเกด แกไปกินเหล้ามมาหรอเนี้ย" นี่มันตลกร้ายชัดๆ แต่ก็ต้องแปลกใจ ลลนามองเพื่อนเอื้อมมือมาดึงผ้าห่มขึ้นไปคลุมตัวใหม่ ปากก็บ่นว่าหนาว พอลองเอามือไปแตะหน้าผากของคนนอนหน้ายุ่ง ยิ่งตกใจเพราะนริศราตัวร้อนจี๋ "เกด แกไหวมั้ย" ปฏิกิริยาที่ตอบกลับมาคือการส่ายหัว "ฮือ เเก ปวดหัวอ่ะ ปวดท้องด้วย หยิบยาในเก๊ะที่โต๊ะให้หน่อยสิ" ลลนาเดินไปหยิบยาตามที่เพื่อนบอก ด้วยสาขาที่เธอเรียนมาทำให้พอมีความรู้เรื่องยาอยู่บ้าง เธอจึงเลือกหยิบยาแก้โรคกระเพาะและเเก้ปวดหัวส่งให้กับเพื่อน นริศรารับยาไปกินแต่โดยดี และล้มตัวลงนอนตามเดิม เข็มนาฬิกาเดินบอกเวลาเข้าสู่เที่ยงวันแล้ว แต่นริศราไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้นแต่อย่างใด ลลนาที่ตอนนี้กำลังคิดหนักว่าจะหาทางออกอย่างไรดี เพราะเธอมีสอบในช่วงบ่ายวันนี้ แต่จะปล่อยเพื่อนที่นอนป่วยอย่างนี้ไว้คนเดียวก็ทำไม่ได้ คิ้วเรียวขมวดขึ้นเป็นปม ด้วยความหนักใจ สักพักหนึ่งจึงวิ่งออกไปจากห้อง และกลับมาพร้อมกับผู้ชายร่างสูงเจ้าสำอางอีกคน ซึ่งถ้าไม่บอกก็คงไม่มีใครรู้ว่า เพื่อนร่วมคณะของเธอคนนี้ มีหัวใจเป็นหญิงยิ่งกว่าเธอเสียอีก "กานต์ ไอเกดมันไม่สบาย ฉันจะทิ้งมันเอาไว้อย่างนี้ก็ไม่ได้ แกช่วยฉันพามันไปโรงพยาบาลหน่อยซิ" น้ำเสียงร้อนรนที่ได้ยิน ไม่รอช้าหนุ่มหล่อหัวใจสาวก็จัดการอุ้มร่างสาวน้อยที่นอนซมอยู่บนเตียงขึ้นมาเพื่อจะพาไปส่งโรงพยาบาล นริศราเมื่อเห็นดังนั้น แม้แทบจะไม่มีแรงแต่ก็ทำท่าเหมือนจะโวยวายขึ้นมา ทว่าถูกลลนาขัดเอาไว้ซะก่อน "แกหยุดเลยนะไอเกด แกอย่าสร้างปัญหาให้ฉัน ฉันต้องไปสอบและฉันเองก็ต้องพาแกไปอยู่ในที่ที่ปลอดภัยกว่านี้ก่อนด้วย" ถึงจะพูดไปอย่างนั้น แต่นริศราก็เข้าใจดีว่า จริงๆ แล้ว เพื่อนคงเป็นห่วงเธอไม่น้อยเหมือนกัน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม