“หมดเรื่องก็ออกไปได้แล้ว! ห้องพักของเธออยู่เรือนเล็กหลังบ้าน ส่วนหน้าที่ที่ต้องทำเดี๋ยวป้าสาวจะเป็นคนบอกเองเมื่อถึงเวลา”
“ค่ะ” หญิงสาวรับคำเพียงสั้นๆ ก่อนจะเดินออกมาจากห้องทำงานของอัศวิน กระทั่งได้พบกับหญิงชราที่เจอกันที่หน้าบ้าน อีกฝ่ายไม่ได้พูดอะไรมากนักนอกจากกวักมือเรียกให้เธอเดินตามกันไป
“เธออยู่ห้องนี้ก็แล้วกัน! ชื่อมัสยาใช่ไหมน่ะเรา…” นางสาวถามพร้อมจ้องมองคนตรงหน้าด้วยสายตาไม่ค่อยจะไว้วางใจเท่าไหร่ ไม่ว่าผิวพรรณหรือหน้าตาก็สวยหวานจับใจ เกรงว่าจะเอาตัวเข้าแลก เพื่อไต่เต้าเป็นคุณนายของที่นี่เสียมากกว่าสาวใช้กระมั่ง
“เรียกแค่มัทก็พอค่ะ มัทฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะป้าสาว ถ้ามีอะไรที่มัทควรปรับปรุงป้าสารบกวนบอกมัทด้วยนะคะ” มัสยาพยายามปรับตัวเองให้เข้ากับหญิงชราตรงหน้า
แต่เหมือนอีกฝ่ายจะไม่อยากญาติดีกับเธอสักเท่าไหร่ นางสาวทำเพียงพยักหน้ารับส่งๆ ก่อนจะบอกกฎของการอยู่ร่วมกันไม่กี่ข้อถึงได้ขอตัวกลับไปทำงานต่อไป ทิ้งไว้แต่หญิงสาวที่ได้แต่ยืนเคว้งคว้างอยู่ในห้องนอนเล็กๆ ตามลำพังพร้อมกับความเงียบเหงา
“พ่อจ๋า แม่จ๋า…มัทจะอดทนให้มากๆ เพื่อครอบครัวของเรา” มัสยาเอ่ยบอกตัวเองทั้งน้ำตา
นับจากนี้ไปชีวิตของเธอจะไม่ใช่ของเธออีกแล้ว แต่ไม่ว่าจะต้องเจอกับอะไรเธอก็ไม่มีวันยอมแพ้ เพื่อว่าสักวันความตั้งใจในครั้งนี้ของเธอมันจะเกิดผล และเธอจะได้เป็นอิสระจากผู้คนใจร้ายพวกนี้เสียที เธอเชื่อเสมอว่าถ้าอดทนสักวันวันนั้นที่ว่ามันจะมาถึง
สิ่งที่ต้องทำนับจากนี้คืออดทนและรอคอยเวลามันก็เท่านั้น!!
มัสยาใช้เวลาที่เหลืออีกครึ่งวันเดินสำรวจรอบๆ บริเวณโดยมีทับทิม สาวใช้ที่แสดงท่าทีเป็นมิตรต่อเธอมากกว่าใครๆ แนะนำอยู่ไม่ห่าง ทั้งคู่สนิทกันอย่างรวดเร็วเพราะเด็กสาวค่อนข้าวชอบใบหน้าอ่อนหวานของรุ่นพี่ที่มีท่าทางเป็นมิตรผิดกับหัวหน้าแม่บ้านที่ทั้งขี้บ่นแถมยังชอบชี้นิ้วสั่ง หรือสาวใช้คนอื่นๆ ที่เอาแต่แกร่งแย่งชิงดีกัน
“คุณมัทครับ” ทว่าไม่นานความสุขเล็กๆ ของทั้งสองก็หยุดชะงักลงเมื่อเสียงเรียกจากใครบางคนจู่ๆ ก็ดังขึ้นจากด้านหลัง
“มีอะไรเหรอคะพี่ชิด”
“นายให้มาตามครับ แค่คุณมัทคนเดียวแกไม่เกี่ยวทับทิม!” นายชิดเอ่ยตอบก่อนจะร้องประท้วงขึ้นเมื่อเด็กทับทิมทำท่าจะเดินตามอีกคนไป เสียงดุๆ ของชายร่างสูงใหญ่ทำเอาทับทิมถึงกับสะดุ้ง
“ทำไมอย่างนั้นล่ะพี่ชิด ให้ฉันไปด้วยคนไม่ได้เหรอ” แม้จะกลัวจับใจ แต่ก็ยังอยากรู้ตามประสาเด็กที่กำลังเข้าสู่วัยเจริญเติบโต
“ไม่ใช่เรื่องของเด็ก เลิกถามเสียที!” ชิดตอบก่อนจะเดินนำคนที่เจ้านายให้เขาขับรถมาตามไปที่รถที่จอดรออยู่ มัสยาหันมาส่งยิ้มให้ทับทิมเหมือนจะบอกให้อีกคนวางใจทั้งๆ ที่ใจเธอกำลังสั่นระรัวอย่างหนักเพราะไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าเขาเรียกให้ไปหาทำไม
มัสยาถูกพาตัวมายังห้องๆ หนึ่งซึ่งอยู่ที่ชั้นสองของบ้าน เธอรู้มาจากนายชิดว่าสถานที่ที่เขากำลังมุ่งหน้าพาไปอยู่นั้นมันคือห้องทำงานของอัศวิน แต่ที่ไม่รู้และอยากจะรู้คือจะต้องเจออะไรมากกว่า
“ผมส่งได้แค่นี้นะครับ” นายชิดเอ่ยขึ้นก่อนจะเดินหนีกันไป ทิ้งไว้แต่หญิงสาวที่เขาเองแม้จะสงสารเธอจับใจแต่ก็ไม่อาจช่วยอะไรได้อยู่ดีด้วยเรื่องนี้มันเกินความสามารถคนธรรมดาอย่างตนเอง
มัสยายืนทำใจอยู่ครู่ก่อนจะตัดสินใจยกมือขึ้นเคาะประตูเบาๆ สามครั้งก่อนจะเปิดมันออก สิ่งที่ได้รู้สึกคือความหนาวเหน็บจากอุณหภูมิของห้องที่เย็นเยือกจนเธอตัวสั่น แต่ก็เทียบไม่เท่ากับสายตาของเจ้าของมันที่ตอนนี้กำลังนั่งรอกันอยู่ที่โต๊ะทำงานตัวใหญ่
“คุณรามเรียกหามัทเหรอคะ”
“มีสัญญาอีกฉบับที่เธอต้องเซ็นก่อนเริ่มงาน!” อัศวินตอบก่อนจะโยนเอากระดาษในมือลงบนโต๊ะ นั่นเลยทำให้อีกคนจำต้องขยับตัวเข้ามาใกล้ก่อนค่อยๆ เอื้อมมือมาคว้าสัญญาตรงหน้าไปอ่าน
สัญญาลับระหว่างนายอัศวิน และนางสาวมัสยา
สัญญาฉบับนี้ถูกจัดทำขึ้นด้วยมีจุดประสงค์ให้นางสาวมัสยา เจริญใจ ได้เซ็นรับทราบข้อตกลงที่จะมีผลทันทีที่ผู้ว่าจ้าง และผู้ถูกจ้างตกลงที่จะเซ็นเพื่อรับทราบและจะปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดโดยมีเงื่อนข้อดังต่อไปนี้…
1 นางสาวมัสยาจะต้องปิดบังสถานะของตนเองเป็นความลับ ห้ามเปิดเผยให้ผู้ใดได้ล่วงรู้ไม่ว่าจะเป็นใครคนไหนก็ตามที
2 นางสาวมัสยาจะต้องไม่ยุ่งวุ่นวายกับเรื่องส่วนตัวของผู้ว่าจ้าง ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตามที หากฝ่าฝืนจะต้องรับโทษสถานหนัก
3 สัญญาระหว่างนายอัศวินและนางสาวมัสยาจะสิ้นสุดลงทันทีที่นางสาวมัสยาทั้งครรภ์และคลอดบุตรให้แก่นายอัศวินแล้วเท่านั้น และลูกต้องตกเป็นกรรมสิทธิ์ของนายอัศวินแต่เพียงผู้เดียว
ลงชื่อ อัศวิน ลงชื่อ
(ผู้ว่าจ้าง) (ลูกจ้าง)
มัสยาจ้องมองสัญญาในมือด้วยความรู้สึกเจ็บปวดไม่น้อย แต่อย่างเธอจะไปสู้รบปรบมืออะไรกับคนใจร้ายตรงหน้าคนนี้ได้ สุดท้ายหญิงสาวจึงยอมเซ็นชื่อไปก่อนจะยื่นกลับไปให้อัศวิน
“คืนนี้สี่ทุ่มขึ้นมาหาฉันที่ห้อง! ห้ามมาสายแม้แต่วินาทีเดียว ออกไปได้แล้วฉันไม่อยากเห็นหน้าเธอ!” หญิงสาวพยักหน้ารับคำสั่งอย่างจำนนก่อนจะพาตัวเองเดินออกมาพร้อมๆ หัวใจที่ใกล้ดับสลาย
นับตั้งแต่นาทีนี้ไปไม่ว่าจะเป็นชีวิตหรือแม้แต่ลมหายใจอันแผ่วเบานี้คงไม่ใช่ของเธออีกต่อไป คงจะเป็นแต่เขาคนเดียวเท่านั้นที่จะเป็นกำหนดว่าเธอจะมีสิทธิ์หรือว่าตายอย่างทรมานสาหัสแค่ไหน!