ตอนที่ 1
ไม่อนุญาตให้สแกนหนังสือ
หรือคัดลอกเนื้อหาส่วนใดส่วนหนึ่งของหนังสือ
เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของหนังสือเท่านั้น
นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องที่สมมติขึ้น
ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องจริงแต่อย่างใด ชื่อบุคคล
และสถานที่ที่ปรากฏในเนื้อเรื่อง ไม่มีเจตนา
อ้างอิงหรือก่อให้เกิดความเสียหายใดๆ
……….
นิยายเรื่องนี้… ไม่มีแก่นสารอะไรนักหนา
ทั้งเรื่องขับเคลื่อนด้วยอารมณ์อันมืดดำของมนุษย์
ดำเนินเรื่องด้วยตัณหาราคะสุดร้อนแรง
ท่านใดที่ไม่ชอบโปรดหลีกเลี่ยง
*เราเตือนท่านแล้ว
ซุ่ยเสียน
สะใภ้ยอดกตัญญู
ตอนที่ 1
เรื่องราวเมื่อในอดีต
เกิดขึ้นที่อำเภอหยี่เย่า มณฑลเต้อเจี่ยง
“ทางนี้เจ้าค่ะท่านซินแส… ”
‘ซุนหนี่’ สาวใช้ของตระกูล ‘หนาน’ ที่ทำงานรับใช้อยู่ในบ้านหลังนี้มานานหลายปี กล่าวพลางเดินนำหน้าซินแสรูปงาม มีนามว่า ‘ชางเหริน’ เป็นหนุ่มใหญ่วัยกลางคน ผิวขาว รูปร่างสูงใหญ่ ใบหน้าหล่อเหลาสะดุดตาผู้ที่ได้พบเห็น
ซุนหนี่พาซินแสรูปงามเข้ามายังห้องนอนของ ‘ซุ่ยเสียน’ สะใภ้ของตระกูลหนาน สตรีผู้มีความงดงามจนเป็นที่กล่าวขานโจษจันไปทั่วเมืองหยี่เหยา
ด้วยความเลอโฉมของซุ่ยเสียน ทำให้นางมีโอกาสเลือกสามีได้มากมายในปฐพี
แต่ทว่านางก็เลือก ‘หนานเปียน’ บุรุษหนุ่มซึ่งเป็นบุตรชายคนเดียวของ ‘หนานกง’ ซึ่งมีฐานะแค่ปานกลาง ไม่ได้ร่ำรวยเข้าขั้นอภิมหาเศรษฐีเหมือนตระกูลอื่นๆ
แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ซุ่ยเสียนเดือดร้อนในเรื่องเงินทองแต่อย่างใด เพราะว่าตระกูลหนานยังมีโรงทอผ้า ทุกเดือนหนานเปียนจะนำผ้าไหมไปขายต่างเมืองจนฐานะของตระกูลดีวันดีคืน
สาเหตุที่ซินแสชางเหรินต้องมาตรวจดูอาการของซุ่ยเสียนถึงบ้าน อันที่จริงมิได้เกิดจากสาเหตุแห่งความเจ็บป่วยทางกายแต่อย่างใด
แต่เป็นเพราะว่าซุ่ยเสียนอยากมีบุตรใจจะขาด ทั้งที่นางแต่งงานอยู่กินฉันสามีภรรยากับหนานเปียนมานานปีกว่า แต่ก็ยังไม่มีวี่แววของสัญาณการตั้งครรภ์ให้เห็นแต่อย่างใด
เรื่องนี้สร้างความหนักใจให้กับหนานเปียนเป็นอย่างมาก ด้วยความกังวลว่าถ้าเป็นเช่นนี้ความหวังที่จะมีทายาทสืบสายเลือดแห่งวงศ์ตระกูล ก็ยิ่งริบหรี่ลงทุกที ซ
“มาแล้วรึท่านซินแส… ”
เมื่อรู้ว่าวันนี้ซินแสจะเข้ามาดูอาการของสะใภ้ หนานเปียนก็แวะเข้ามาที่ห้องของภรรยา นั่งคุยกันอยู่ครู่ใหญ่ๆ แล้วซินแสก็กล่าวว่า
“ขอข้าตรวจดูอาการของฮูหยิน… ”
ซินแสสืบเท้าเข้ามานั่งที่ขอบเตียง
“ข้าเองก็อยากรู้เหมือนกัน… ว่าเป็นเพราะเหตุอันใดฮูหยินของข้าจึงยังไม่ตั้งครรภ์เสียที… ”
หนานเปียนอยากรู้
“ต้องขออภัยท่านที่ข้าจำเป็นต้องตรวจอาการของฮูหยินเพียงลำพัง… ”
ซินแสกล่าว
“เอ่อ… ทำไมต้องตรวจเพียงลำพังด้วยล่ะ… ”
หนานเปียนตกใจ รู้สึกแปลกๆ ที่จะให้หญิงชายต้องอยู่กันเพียงลำพังในห้อง
“เป็นเพราะข้าจำเป็นต้องใช้สมาธิเพื่อจะตรวจให้แม่นยำไม่ผิดพลาด และข้ามั่นใจว่าจะรู้สาเหตุที่แท้จริงได้ว่าเป็นเพราะสาเหตุอันใดฮูหยินของเจ้าจึงตั้งครรภ์ยากเย็นยิ่งนัก… ”
ซินแสชางเหรินให้เหตุผลที่ต้องตรวจดูอาการของซุ่ยเสียนเพียงลำพัง
และด้วยความอยากมีบุตรใจ หนานเปียนจึงยอมก้าวออกมาจากห้องแต่โดยดี หากก็ไม่ลืมร้องเรียกให้ซุนหนี่ผู้เป็นสาวใช้ มายืนเฝ้าอยู่หน้าประตูห้องของภรรยา
“ไม่ต้องห่วงนะเจ้าคะนายท่าน… ข้าจะอยู่รับใช้ฮูหยินมิห่าง… ”
ซุนหนี่รีบรับปาก มองตามแผ่นหลังของหนานเปียนก้าวห่างออกไปจนลับตา
“เจ้าต้องรออยู่นอกห้อง… ระหว่างที่ข้ากำลังใช้เวลาตรวจอาการของฮูหยินเจ้าห้ามเข้ามายุ่มย่ามอย่างเด็ดขาด”
ชางเหรินชะโงกหน้าออกมากำชับสาวใช้
“เจ้าค่ะ… ”
ซุนหนี่รับคำ…
ซินแสรีบปิดประตู ก้าวเข้าไปหาฮูหยินที่กำลังนอนทอดกายรออยู่บนเตียง
“ข้าจำเป็นต้องปิดม่าน… ”
ซินแสกล่าวพลางค่อยๆ เอามือรูดม่านที่ปิดอำพรางเตียงจากสายตาคนภายนอกที่อาจจะมองเข้ามา จากนั้นหันไปหาซุ่ยเสียน
“เจ้าต้องถอดเสื้อผ้าออกให้หมด… ข้าอยากตรวจร่างกายของเจ้าโดยละเอียดทุกซอกทุกมุม… ”
ซินแสสั่ง…
ซุ่นเสียนยอมทำตามแต่โดยดี เพราะเห็นว่าวิชาความรู้ทางการแพทย์ของซินแสผู้นี้เป็นที่กล่าวขานไปทั่วเมืองหยี่เหยา
มือเรียวของฮูหยินค่อยๆ ปลดเปลื้องอาภรณ์แพรไหมออกไปจากร่างจนชิ้นสุดท้าย อวดเรือนกายงดงาม ทำเอาซินแสชางเหรินแทบหยุดหายใจ จ้องมองเรือนกายเย้ายวนด้วยความตื่นเต้น
ซินแสตะลึงมองผิวพรรณขาวเนียนผุดผ่องของสะใภ้คนงานของตระกูลหนานที่ผู้คนต่างพากันกล่าวขานถึงความเลอโฉมของนาง
ตอนนี้ทุกสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายใต้อาภรณ์ ปรากฏแก่สายตาของซินแส นางช่างงดงามสมกับคำร่ำลือ
“ผิวพรรณเจ้าดีมาก เลือดฝาดสมบูรณ์ ทรวงอกเอิบอิ่มงดงามเกินกว่าสตรีใดๆ ที่ข้าเคยได้เคยพบเห็นมา ทรวดทรงของเจ้าดูสมบูรณ์พร้อมที่จะให้กำเนิดทารกได้… ”
“จริงรึท่านซินแส… ถ้าเป็นดังเช่นที่ท่านกล่าว แล้วเหตุใดข้าจึงยังไม่ตั้งท้อง… ”
ซุ่ยเสียนถาม
“ที่ข้าพูดเป็นแค่เพียงการตรวจภายนอกด้วยสายตาเท่านั้น… ข้าจำเป็นต้องตรวจภายในเพื่อให้รู้แน่ชัดว่าเพราะเหตุอันใดเจ้าจึงมีปัญหาในการตั้งครรภ์”
ซินแสกล่าว…
สายตาแทบไม่อาจละจากเรือนร่างงดงามของฮูหยินผู้เลอโฉม ต้นขาขาวเนียนที่ตอนนี้หนีบเข้าหากันแน่นเพราะความอาย ทำให้ซินแสแทบทนไม่ไหวที่จะได้เห็นดอกไม้งามที่ซุกซ่อนอยู่ภายใน
“แล้วข้าจะต้องทำยังไงบ้าง… ”
ซุ่ยเสียนรู้สึกอายจนหน้าแดงซ่านซับสีโลหิต เพราะนอกจากหนานเปียนผู้เป็นสามี นางก็ยังไม่เคยเปลือยกายต่อหน้าชายใดมาก่อน
“ข้าต้องสัมผัสร่างกายของเจ้าเพื่อจะรู้ถึงความอุ่นร้อน… แต่ถ้าเจ้าอายก็เอาผ้าปิดตาไว้… ”
ซินแสแนะ
“ถ้างั้น… ขะ… ข้าขอปิดตาดีกว่า… ”