“พ่อจะตีลูกสองที ให้หลาบจำ”
ทรงศักดิ์เงื้อไม้อีกรอบ แต่คราวนี้คนที่โดนฟาดกลับเป็นหัสดิน ชายหนุ่มเข้าไปสวมกอดร่างเล็กทางด้านหลังรับไม้หวายเสียเอง
พลอยชมพูลืมตามองด้วยความตกใจ เธอเห็นแต่ใบหน้าเรียบเฉย และสายตาอ่อนโยนที่เขามอบให้
“บัวไม่ได้ตั้งใจใช่ไหม”
หัสดินถามด้วยริมฝีปากสั่นๆ ใบหน้าซีดเซียวของเขาทำให้เด็กสาวตกใจ
“ทะ... ทำแบบนี้ทำไม”
พลอยชมพูถามเสียงสั่นไม่คิดว่าเขาจะรับไม้หวายแทนเธอ ทุกคนตกตะลึงไปตามๆ กัน
“พี่รู้ว่าน้องบัวไม่ได้ตั้งใจ ใช่ไหมคะคนดี”
หัสดินถามซ้ำยิ้มให้เด็กสาวด้วยใบหน้าซีดเผือดกว่าเดิม ริมฝีปากที่ซีดเผยอยิ้มพร้อมกับแววตาที่อบอุ่น ก่อนที่ร่างสูงของเด็กหนุ่มจะทรุดลงไปกองกับพื้น
“ดิน! ลูกดิน”
ทุกคนรีบเข้าไปช่วยเหลือหัสดิน เพราะได้รับบาดเจ็บจากการโดนสุนัขกัดจึงทำให้อ่อนเพลีย
“รู้ตัวไหมว่าทำอะไรลงไป”
ทรงศักดิ์ดุบุตรสาวอีกครั้ง คราแรกพลอยชมพูชะงักรู้สึกผิด มองหัสดินด้วยความห่วงใย แต่พอโดนดุ เธอเชิดใส่ เม้มริมฝีปากแน่น
“อยากมารับไม้เองช่วยไม่ได้ บัวไม่ได้ต้องการความสงสาร ความช่วยหรือความเวทนาจากใครสักนิด”
เด็กสาวยังเถียงไม่เลิกก่อนเดินหนีขึ้นห้องไป
“ยัยบัว กลับมาเดี๋ยวนี้ พ่อบอกให้กลับมา!”
นายหัวใหญ่ตะโกนเสียงเข้มด้วยความโมโหจัด ตัวสั่นเทาจนทุกคนหวาดกลัวไปตามๆ กัน
“คุณคะ ปล่อยแกไปเถอะค่ะ”
พรพิมลพูดเสียงเนือยๆ ถอนใจหนักๆ มองลูกชายด้วยความห่วงใย ช่วยกันประคองหัสดินนอนบนโซฟาตัวยาว โดยมีกณวรรธช่วยดูอาการให้ไม่ห่าง
ตลอดหลายวันพรพิมลคอยเฝ้าดูแลบุตรชายคนเดียว ทรงศักดิ์ที่คิดว่าจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับสองแม่ลูกจึงเลื่อนออกไปก่อน
พลอยชมพูได้แต่แอบมองหัสดินอยู่ห่างๆ ก่อนจะเห็นว่าไม่มีใครอยู่ในห้องอีกแล้ว จึงย่องเข้าไปหาเขา ความรู้สึกเป็นห่วงฉายชัดในแววตาคู่สวย แต่ไม่มีใครได้เห็นแม้แต่เธอก็ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ
เด็กสาวมองพี่ชายร่วมบ้านที่นอนหลับสนิทบนเตียงด้วยความรู้สึกผิด แผลที่โดนเจ้าบุญหลายกัดหนักพอสมควร แต่ได้กณวรรธช่วยทำแผลให้ทุกวัน เขาจึงค่อยๆ ดีขึ้นเรื่อยๆ
หัสดินที่นอนหลับไปนานเพราะฤทธิ์ยาค่อยๆ ลืมตาตื่น เขายิ้มเมื่อเห็นพลอยชมพูอยู่ข้างเตียง
เด็กสาวเผลอยิ้มเมื่อเห็นเขาฟื้น แต่เปลี่ยนเป็นหน้าบึ้งตึงทันทีเมื่อคิดได้ว่าเธอต้องมาสมน้ำหน้าเขาสิ ไม่ใช่มาสงสารหรือดีใจที่เห็นเขาไม่ได้เป็นอะไรมาก
“น้องบัวมาเยี่ยมพี่เหรอคะ” หัสดินถามด้วยความดีใจ
“ใครบอก มาดูว่ายังอยู่หรือเปล่าต่างหาก ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ไม่อยากให้ใครมาตายในบ้าน”
แม้ใจจะคิดอีกอย่าง แต่ปากกลับพูดไปอีกอย่าง หัสดินยิ้มรับไม่แสดงอาการโกรธแม้แต่น้อย เขารู้ว่าเธอห่วงเขา เพราะสายตามันฟ้อง
“คนบ้า ยิ้มทำไม”
เด็กสาวขมวดคิ้วยุ่งเมื่อไม่เห็นอาการโกรธของชายหนุ่ม
“น้องบัวเป็นห่วงพี่ พี่ก็ชื้นใจแล้วค่ะ ไม่เป็นอะไรมากแล้ว พี่กัณฑ์ทำแผลให้ทุกวัน ตอนนี้ไม่เจ็บแผลแล้วด้วย แต่ปวดๆ เล็กน้อยเท่านั้น” เขาบอกให้เด็กสาวคลายใจ พลอยชมพูโล่งใจแต่พูดไปอีกทาง
“เอ๊ะ! บอกแล้วไงว่าไม่ได้เป็นห่วง ทำไมต้องมาบอกอาการให้รู้ด้วย เค้าไม่ได้ถามสักหน่อย”
พลอยชมพูทำเสียงดังกลบเกลื่อน ไม่อยากเสียฟอร์ม แต่สีหน้าโล่งใจทำให้คนที่นอนบนเตียงยิ้มไม่หุบ
แต่ก่อนที่ทั้งสองจะได้พูดอะไรกันอีก บิดาและมารดาเลี้ยงก็เข้ามาในห้อง
“บัว…” ทรงศักดิ์เรียกบุตรสาวด้วยความประหลาดใจ
“น้องบัวมาเยี่ยมผมนะครับคุณลุง”
หัสดินชิงพูดขึ้นก่อน พยุงตัวขึ้นจากเตียง เขาไม่อยากให้เด็กสาวโดนบิดาดุ
พลอยชมพูกัดริมฝีปากแน่น เลือกที่จะเงียบมากกว่าโต้เถียงหรือปฏิเสธ เพราะถ้าเขาไม่บอกเช่นนั้น เธอจะเป็นคนบอกบิดาเองว่ามาสมน้ำหน้าเขา
“บัวขอตัวก่อนนะคะ”
เด็กสาวรีบขอตัว เมื่อเห็นสายตาของบิดาและมารดาเลี้ยงมองมาด้วยความประหลาดใจอยู่ไม่คลาย แล้วทั้งสองก็เผลอยิ้มเมื่อคิดตามคำพูดของหัสดินที่เด็กสาวแสดงความห่วงใยโดยมาเยี่ยมหัสดินถึงห้อง
“ลูกเป็นยังไงบ้าง”
พรพิมลถามบุตรชายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ดีที่หัสดินเคยฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้าไปแล้ว และยังไม่เกินหกเดือนจึงฉีดวัคฉีดแค่อีกเข็มเดียวเท่านั้น และต้องฉีดภายใน 72 ชั่วโมง ซึ่งกณวรรธได้จัดการเรียบร้อย หลังจากบุตรชายถูกสุนัขกัด
“ไม่เป็นไรแล้วครับแม่ ไม่ต้องเป็นห่วง”
เขายิ้มให้บิดาเลี้ยงและมารดา ทั้งสองจึงคลายใจไปได้มาก
หัสดินมีความอดทนสูงอย่างที่สุด ทรงศักดิ์นึกทึ่งในตัวลูกเลี้ยง บุคลิกลักษณะเหมือนหาญซึ่งเป็นเพื่อนรักของเขาเหลือเกิน
แต่นั่นคือข้อด้อยที่เขาคิด เพราะความใจดี ใจอ่อน หรือยอมคนอื่นมากเกินไป หาญจึงต้องสูญเสียทุกอย่างให้น้องชาย หากเขาไม่ยื่นมือเข้าไปช่วย ป่านนี้พรพิมลกับหัสดินจะเป็นเช่นไร
พายัพไม่ทำงานทำการอะไร ติดการพนัน เจ้าชู้เปลี่ยนผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า ตอนเพื่อนของเขายังอยู่ก็ขอเงินใช้ไม่หยุด ตอนจากไปก็ทำหลักฐานปลอมฮุบทรัพย์สมบัติไปอีก แต่คงอีกไม่นาน ทรัพย์สมบัติเหล่านั้นคงไม่แคล้วตกอยู่ในมือของคนอื่น ก่อนถึงเวลานั้น เขาคงต้องทำอะไรสักอย่าง
เขาต้องฝึกหัสดินให้เข้มแข็งและแกร่ง สำหรับปกครองดูแลคนงานมากมาย หากหัสดินยังใจอ่อน คงไม่สามารถรักษาทรัพย์สมบัติอันใดได้ กลายเป็นคนอ่อนแอให้คนอื่นข่มเหง
ถ้าเขาจะฝึกเด็กคนนี้ให้แข็งแกร่งขึ้นได้คงดีไม่น้อย ที่สำคัญหัสดินมีจิตใจเมตตาต่อคนอื่น เหมาะสำหรับการดูแลลูกน้องที่ต้องใช้ทั้งพระเดชพระคุณ เด็กหนุ่มจะเป็นคนที่สมบูรณ์แบบหาตัวจับยาก
การทวงคืนทุกอย่างของตัวเองกลับคืนมา เป็นสิ่งที่ลูกเลี้ยงควรทำ เขาคิดเช่นนั้น แม้จะอีกกี่สิบปีก็ยังไม่สาย
ในใจหนุ่มใหญ่วาดหวังให้เด็กหนุ่มตรงหน้าดูแลทรัพย์สมบัติต่อจากเขา ดังนั้นหัสดินจะต้องเด็ดขาด เป็นที่ยำเกรงและเป็นที่รักของลูกน้องทุกคน
พลอยชมพูสาวน้อยวัย 18 สำเร็จการศึกษาในชั้นมัธยมตอนปลาย ด้วยเกรดเฉลี่ย 4.00 วันนี้เป็นวันแรกที่เธอเหยียบเข้ามาในบ้าน...
บ้านที่ไม่ได้กลับไปเยี่ยมเยียนเลยตลอดสามปี หลังจากบิดาส่งเธอไปอยู่โรงเรียนประจำ
หญิงสาวมองรูปบิดากับมารดาแขวนอยู่ที่กลางห้องกว้างของตัวบ้าน นึกประหลาดใจว่าท่านไม่ได้ปลดไปทิ้งที่ไหนหรอกหรือ
แต่อีกด้านมีรูปของท่านกับพรพิมลอยู่ด้วย หญิงสาวเม้มริมฝีปากเล็กน้อย แม้จะทำใจได้แล้ว แต่อดคิดหวั่นๆ เสียไม่ได้
ร่างอรชรอวบอิ่มมีน้ำมีนวล ผิวเนียนนุ่มสุขภาพดี ผมยาวสลวยสีดำดุจเส้นไหม แขนเรียวกลมกลึง ขาเพรียวได้รูป อกอวบรับกับเอวคอดและสะโพกผาย ความสูงร้อยหกสิบเจ็ดเซนติเมตรสะดุดตาผู้พบเห็น
เหตุการณ์ในอดีตผ่านเข้ามาเหมือนหนังที่ฉายซ้ำไปซ้ำมา ก่อนที่บิดาจะส่งเธอไปอยู่ไกลหูไกลตาท่าน
“บัว! ทำไมผลการเรียนแย่แบบนี้”
ทรงศักดิ์ตวาดบุตรสาวเสียงดัง อารมณ์ขุ่นมัวสุดขีดเมื่อผลการสอบของพลอยชมพูตกเกือบทุกวิชา ที่สำคัญระยะหลังเขาต้องไปโรงเรียนบ่อยเพราะโดนฝ่ายปกครองเชิญไปพบด้วยสาเหตุว่าบุตรสาวไม่เข้าเรียน แต่ละวิชาแทบไม่มีสิทธิ์สอบ
“ก็บัวทำได้แค่นี้ ครูสอนไม่เข้าใจ”
พลอยชมพูตอบส่งๆ เธออยากให้บิดาสนใจเธอบ้าง การที่ผลการเรียนตกต่ำเช่นนี้ท่านจะได้สนใจ ไม่ใช่อะไรก็สนใจแต่แม่เลี้ยง
“บัวไม่เคยคะแนนตกแบบนี้มาก่อนนี่ลูก ทำไม บอกพ่อมาสิ”
ทรงศักดิ์คาดคั้น เพราะบุตรสาวสอบได้ที่หนึ่งทุกปี เกรดเฉลี่ย 4.00 ตลอดทุกภาคเรียน แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมตอนนี้ผลการเรียนของบุตรสาวถึงย่ำแย่ขนาดนี้