“คุณคะใจเย็นๆ ก่อน ค่อยๆ พูด ค่อยๆ จากันเถอะค่ะ”
พรพิมลรีบห้ามเมื่อเห็นสามีตะคอกบุตรสาวหนักขึ้น นางมองลูกเลี้ยงด้วยความห่วงใยเสมอไม่เคยเปลี่ยน
“ใจเย็นได้ยังไงล่ะคุณ นี่จะจบม.สามแล้ว ผลการเรียนแย่แบบนี้จะสอบเข้าที่ไหนได้ โรงเรียนไหนจะรับ” ทรงศักดิ์ถอนหายใจหนักๆ
“ไม่รับก็ไม่ต้องเรียนสิคะ เรารวยจะตาย คุณพ่อยังเลี้ยงคนเป็นร้อยๆ แถมเลี้ยงลูกคนอื่นได้เลย ทำไมจะเลี้ยงลูกตัวเองไม่ได้”
เด็กสาวเถียงคำไม่ตกฟาก
“ไปเอาความคิดแบบนี้มาจากไหน ใครสอนให้แกคิดอะไรงี่เง่าแบบนี้ ห๊า! ยัยบัว”
ทรงศักดิ์ผิดหวังกับบุตรสาวอย่างที่สุด ไม่คิดว่าพลอยชมพูจะคิดแบบนี้
“อย่าดุแกเลยค่ะคุณ ใจเย็นๆ”
พรพิมลรู้สึกไม่สบายใจ พูดให้สามีใจเย็นลง การใช้อารมณ์ไม่ได้ช่วยให้ปัญหาทุกอย่างคลี่คลายลงไปได้ แต่จะยิ่งเลวร้ายมากขึ้น
“ถ้าผลการเรียนยังตกต่ำอีก พ่อจะส่งบัวไปอยู่โรงเรียนประจำ อยู่บ้านสบายนัก หนีเรียน หรือนัดพบกับผู้ชาย อายุยังไม่ถึงสิบห้าริอาจจะมีแฟน”
พลอยชมพูมองบิดาตาเขม็ง เธอไม่ชอบที่สุดคือถูกยัดเยียดในสิ่งที่ไม่ได้ทำ
“ใช่ค่ะหนูมีแฟน พ่อพอใจไหมคะ แล้วจะทำไม เขารักบัวมาก มากกว่าพ่ออีก” พลอยชมพูประชดประชัน
“บัว นี่แก!”
ทรงศักดิ์โมโห ตบหน้าบุตรสาวฉาดใหญ่ เขาเป็นคนอารมณ์ค่อนข้างรุนแรง หากใครมายั่วโมโห อารมณ์ก็เดือดได้ง่าย และเป็นคนตรงไปตรงมา
พรพิมลซึ่งเป็นคนใจเย็นจึงใช้ชีวิตอยู่กับเขาได้ ก็เหมือนกับภรรยาที่จากไป คนหนึ่งร้อนคนหนึ่งเย็น ถ้าร้อนทั้งคู่ก็พัง
“คุณ!” พรพิมลทาบอกด้วยความตกใจ รีบห้ามปรามเสียงสั่น
“พ่อตบบัวอีกแล้ว เพราะเค้าใช่ไหม”
พลอยชมพูมองหน้าแม่เลี้ยงเขม็ง รู้สึกเกลียดชังจับใจ ตั้งแต่ พรพิมลเข้ามาอยู่ในบ้าน บิดาก็รักเธอน้อยลง นั่นคือความคิดของเธอในตอนนั้น
พลอยชมพูคิดว่าท่านไม่ได้สนใจเธอเหมือนแต่ก่อน แต่จริงๆ พักนี้ทรงศักดิ์งานยุ่ง ต้องจัดการอะไรหลายอย่าง ทั้งปัญหาเรื่องไร่ข้างเคียง ปัญหาเรื่องคนงานใหม่บางส่วน ดีที่มีหัสดินคอยช่วยเหลือ ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่ไหวเป็นแน่
“โธ่... หนูบัว”
พรพิมลพูดเสียงเบาสะท้อนใจ ไม่คิดว่าลูกเลี้ยงจะเกลียดเธอถึงเพียงนี้
“บัว คือว่าพ่อ..”
ทรงศักดิ์เรียกบุตรสาวอย่างสำนึกผิด มองมือตัวเองนิ่ง เห็นบุตรสาวน้ำตานองหน้า แล้วเครียดจัดแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“ได้ บัวจะไปอยู่โรงเรียนประจำ ไปให้พ้นหน้าพ่อไง พ่อมีเมียใหม่ มีลูกคนใหม่แล้วนี่ บัวมันจะมีความหมายอะไร”
พลอยชมพูตะโกนใส่หน้าบิดา วิ่งหนีขึ้นบ้านด้วยความน้อยใจ
“บัว เดี๋ยวก่อน บัว!”
ทรงศักดิ์ทรุดนั่งบนโซฟาอย่างอ่อนใจ ลูบใบหน้าตัวเองแรงๆ
“คุณคะใจเย็นๆ ค่อยๆ พูด ค่อยๆ จา คุณไม่น่าไปตบแกเลย”
พรพิมลพูดด้วยความไม่สบายใจ พาและสายที่มองเหตุการณ์อยู่เป็นห่วงพลอยชมพูยิ่งนัก ป่านนี้คุณหนูของนางคงน้อยใจเสียหนักหนาที่โดนบิดาตบเอาอีก
หลังจากวันนั้นเหตุการณ์ยิ่งเลวร้ายกว่าเดิม พลอยชมพูเอาแต่ใจมากขึ้น โมโหร้าย ผลการเรียนย่ำแย่กว่าเดิม แต่เธอเรียนจบม.สามในที่สุด
หัสดินผลการเรียนดีในการเข้าเรียนปีแรกของมหาลัย สร้างความชื่นชมให้ทรงศักดิ์และพรพิมลเป็นอันมาก
“เก่งจริงๆ เลยดิน เรียนแบบนี้ต้องได้เกียรตินิยมแน่นอน”
ทรงศักดิ์เอ่ยชมขณะนั่งรับประทานอาหารด้วยกัน พลอยชมพูกระแทกช้อนกับจานข้าวก่อนดื่มน้ำ
“บัวทำอะไรไม่สุภาพเลยลูก แล้วนั่นจะไปไหน”
ทรงศักดิ์ตำหนิบุตรสาว
“อิ่มแล้ว ขอตัวค่ะ”
พลอยชมพูลุกขึ้นเนื่องจากความหงุดหงิดใจ
“นั่งลง เดี๋ยวต้องคุยกันเรื่องเรียนต่อ คิดไว้หรือยังว่าจะเรียนอะไร”
คำถามของบิดาทำให้เธอแอบดีใจวูบหนึ่ง ที่ท่านยังสนใจ แต่เพียงวูบเดียวเท่านั้น
“ยังไม่ได้คิดเลยค่ะ”
เด็กสาวตอบบิดาเสียงเบา เธอยังไม่ได้คิดว่าจะเรียนต่ออะไรด้วยซ้ำ ส่วนเพื่อนของเธอคือศศิกานต์ ตะเภา แก้ว อยากเรียนต่อสายวิทยาศาสตร์- คณิตศาสตร์ ส่วนเพชรกับพจน์ได้โควตาเข้าเรียนโรงเรียนเตรียมทหาร
“ตอนนี้คนอื่นๆ เค้าสอบเรียนต่อกันแล้ว เราควรจะคิดได้แล้วว่าจะเรียนอะไร เดี๋ยวจะสอบไม่ทันเพื่อนเค้า”
ทรงศักดิ์พูดด้วยความห่วงใยในตัวบุตรสาวคนเดียว
“แล้วจะบอกค่ะ บัวขอตัวนะคะ รู้สึกปวดหัว”
เด็กสาวตัดบท แม้ในใจจะมีเป้าหมายการเรียนเอาไว้แล้วบ้าง แต่เธอไม่อยากรับโควตาอะไรของทางโรงเรียนทั้งนั้น อยากดูว่าบิดาจะกระตือรือร้นเรื่องเรียนของเธอขนาดไหน
“ทานยาสักหน่อยไหมจ๊ะหนูบัว” พรพิมลถามอย่างใส่ใจ
“ไม่ต้อง ไม่จำเป็น”
พลอยชมพูปฏิเสธ เดินหนีขึ้นห้องไป สร้างความเป็นห่วงมายังทุกคนที่อยู่ด้านหลังโดยที่เด็กสาวไม่รู้ตัว
หัสดินมองตามอย่างห่วงแสนห่วงไม่ต่างจากคนอื่นๆ สาเหตุมาจากเขาและมารดา เขารู้ดี
“มาหาใครครับ”
เสียงห้าวทุ้มที่คุ้นหูทำให้พลอยชมพูหันไปมองด้านหลัง หัสดินจ้องมองหญิงสาวด้วยความตะลึง
พลอยชมพูมองร่างสูงบึกบึนที่ดูจะคล้ำไปมากกว่าเดิม ชายหนุ่มดูร่างหนาขึ้นแต่อุดมไปด้วยมัดกล้าม ใบหน้าดูคมสันมากขึ้น ที่สำคัญเขาดูหล่อเหลามากกว่าเดิม ตามสันกรามมีหนวดเคราขึ้นจนเขียวครึ้ม ทำให้เขาดูแปลกตาหน้าดุขึ้นกว่าเมื่อหลายปีก่อน
“น้องบัว”
หัสดินอุทานด้วยความดีใจ เขาเพิ่งกลับมาจากในเมืองเพราะไปทำธุระสำคัญ ส่วนบิดาเลี้ยงและมารดาไปรับหญิงสาวที่โรงเรียนเพราะทางโรงเรียนแจ้งมาว่าพลอยชมพูจะกลับบ้านวันนี้ แต่ทำไมเธอถึงกลับมาคนเดียว
“บัวเองค่ะ”
พลอยชมพูเผยยิ้มสดใส ฟันซี่สวยมีเขี้ยวสองข้างดูน่ารักน่าเอ็นดู รูปร่างผุดผ่องตามวัยสาวทำให้จิตใจหนุ่มหล่อแทบลอยละลิ่วออกไปนอกอกเมื่อได้สัมผัสกับรอยยิ้มพิมพ์ใจนั้น
“คุณลุงกับคุณแม่ไปรับน้องบัวนี่คะ ไม่กลับมาพร้อมพวกท่านหรอกหรือ”
เขาเลิกคิ้วด้วยความสงสัยใคร่รู้ คำพูดสุภาพของเขายังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
“รอแล้ว คุณพ่อกับ... น้าพรไปช้า บัวเลยกลับมาก่อนน่ะค่ะ”
ประโยคหลังเธอเอ่ยถึงมารดาของเขาเสียงนุ่มขึ้น
“งั้นมาเหนื่อยๆ ไปพักผ่อนก่อนนะคะ คุณแม่ให้คนจัดห้องของน้องบัวเอาไว้แล้ว”
เขาไม่ติดใจสงสัยอีก ก่อนจะช่วยเหลือหญิงสาวหิ้วของขึ้นไปด้านบน
“ป้าพากับพี่สายไปไหนเสียล่ะคะ”
เธอถามพี่ชายร่วมบ้านขณะเดินตามเขาไป
“ไปตลาดค่ะ อีกไม่นานคงกลับ”
พลอยชมพูเปิดประตูห้องเข้าไปด้วยหัวใจระทึก ทุกอย่างยังเหมือนเดิม เธอคิดว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลยด้วยซ้ำ
“คุณแม่ให้คนดูแลห้องน้องบัวเหมือนเดิม ตั้งแต่น้องบัวไปก็ไม่ได้ปรับเปลี่ยนอะไรเลย”
หัสดินบอกกล่าวเมื่อเห็นอีกฝ่ายยิ้มกว้างพึงพอใจ
“ความจริงน่าจะเปลี่ยนนะคะ บัวไม่ค่อยชอบอะไรเดิมๆ”
หัสดินเหลือบมองใบหน้าสวยใสน่ารักของหญิงสาวที่ดูเรียบดังเดิม แต่แววตาพราวระยับนั้นดูแสนซนนัก เขารู้สึกหลงใหลสายตาคู่นี้ตั้งแต่เมื่อสี่ปีก่อน ตั้งแต่เจอหน้ากันครั้งแรก
“อยากให้น้องบัวเปลี่ยนเอง น่าจะเหมาะกว่า พี่ขอตัวก่อน เชิญน้องบัวตามสบาย”
หัสดินพูดเสียงเรียบ ตลอดสี่ปีที่เขาเรียนและต้องฝึกงานดูแลคนงานมากมายของทรงศักดิ์ ทำให้เขามีประสบการณ์หลายด้าน ความเฉียบขาด ความแข็งแกร่งคือสิ่งที่เขาต้องเป็น... เพื่อควบคุมคนงาน รวมถึงเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่เป็นสิ่งที่เขาต้องมีให้ลูกน้องทุกคน
การทำตัวให้คนงานเคารพยำเกรง แต่ไม่ใช่กลัวจนพานเป็นเกลียด การปกครองคนหมู่มากต้องใช้หลักจิตวิทยาเป็นสำคัญ ใครดีก็ตอบแทนไปตามผลงาน ใครไม่ดีก็ตักเตือนกล่าวโทษตามสมควร ประสบการณ์บางอย่างสอนให้เขาเหี้ยมบ้าง
ทรงศักดิ์ปล่อยให้เผชิญกับปัญหาทุกอย่าง คอยดูอยู่ห่างๆ เข้ามาช่วยเหลือในบางครั้งเมื่อเขารับมือกับปัญหานั้นไม่ไหวจริงๆ ประคับประคองให้เขาฝ่าฟันและเป็นคนแกร่งได้สมบูรณ์แบบ