บทที่ 13 เอาคืนอย่างสาสาม

1330 คำ
“ไม่ใช่เพราะหล่อนเหรอที่ไม่ยอมมอบตำแหน่งงานในโรงงานยาสูบให้ เลยให้คนมาทำร้ายอาจ้ง มะรืนนี้จะได้ไปทำงานไม่ได้” ไม่รู้เพราะโมโห หรือสมองคิดช้า สะใภ้สามมู่เลยพูดในสิ่งที่บ้านสามกำลังจะช่วงชิงไปจากบ้านรองออกมา นี่จึงยิ่งทำให้ชาวบ้านไม่พอใจและดูจะรังเกียจการกระทำของบ้านสามมู่ยิ่งนัก ย่ามู่คล้ายกับยังมีสติ เธอจึงถลึงตาให้ลูกสะใภ้อย่างเหลืออด ไม่รู้ว่าเธอเลือกสะใภ้ที่แสนโง่เง่าคนนี้มาได้อย่างไรกัน “แต่ผมคิดว่าเรื่องนี้ควรจะให้เจ้าหน้าที่ตัดสินนะครับ หากบ้านรองมู่ได้กระทำอย่างที่คุณกล่าวหาจริง ๆ ผมยินดีจะชดใช้ค่าเสียหายให้เองตามที่บ้านสามมู่เรียกร้อง แต่หากสืบสาวราวเรื่องแล้วไม่จริงดั่งคำกล่าวหา บ้านสามมู่ย่อมต้องชดใช้ค่าเสียหายและค่าทำลายชื่อเสียงของว่าที่สะใภ้บ้านเฉินอย่างมู่อันเหมย ตกลงหรือไม่” เฉินหยางคุนเดินออกมาจากบ้านเพื่อมาดูเหตุการณ์เช่นกัน และคิดว่าเรื่องนี้คงเป็นคำสั่งของเขาเองที่ได้สั่งลูกน้องไปก่อนหน้านี้ไม่นาน ไม่คิดว่าเรื่องจะรวดเร็วเช่นนี้ นี่แสดงว่าทั้งสองเจอจื่อจ้งตรงนี้แน่เลยเล่นงานทันที มู่อันเหมยมองไปยังว่าที่คู่หมั้น เมื่อเห็นแววตาที่อ่อนโยนแตกต่างจากน้ำเสียงที่พูดกับบ้านสาม เธอจึงยิ้มอย่างอ่อนโยนไปให้และค้อมหัวขอบคุณเขาเล็กน้อย เฉินหยางคุนพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะหันมามองบ้านสามมู่ด้วยแววตาดุดัน และเหตุการณ์ในคราวนี้ไม่เพียงแต่เจ้าหน้าที่ทหารที่ประจำการในหมู่บ้านมาเท่านั้น ยังมีหัวหน้าหมู่บ้านและหัวหน้าคอมมูนอย่างต้านหม่าเจินที่เดินทางมาด้วย ซึ่งต้านหม่าเจินรู้เลยว่าหากบ้านสามมู่มีความฉลาดเสียหน่อยจะต้องไม่รับคำของเฉินหยางคุน ชายผู้ที่ไร้ไมตรีกับคนนอกและเย็นชายิ่งกว่าน้ำแข็งคนนี้ เพราะไม่เช่นนั้นบ้านสามมู่ย่อมมีจุดจบที่ไม่ดีนัก แต่กลายเป็นว่าย่ามู่เมื่อคิดว่าตนเองสามารถเรียกร้องเงินค่าเสียหายจากเรื่องนี้ได้ก็เกิดความละโมบขึ้นมาทันที ภายในใจนั้นคิดว่าต่อให้เรื่องนี้สืบสาวมาแล้วจะไม่เกี่ยวกับมู่อันเหมย ทว่าบ้านรองคงไม่กล้าที่จะเรียกร้องค่าเสียหายจากบ้านสามซึ่งตอนนี้เป็นบ้านหลักอย่างแน่นอน เพราะความกตัญญูมันค้ำคอ “ได้สิ หากเรื่องนี้เกี่ยวกับนังอันเหมยและบ้านรอง บ้านเฉินยินดีจ่ายเงินค่าเสียหายให้กับบ้านสามมู่สามร้อยหยวน และหนี้สินที่ติดค้างก็ต้องยกให้ด้วย” ทันทีที่ย่ามู่เอ่ยเรื่องเงินออกมา ชาวบ้านรวมถึงบ้านใหญ่และบ้านรองไม่คิดว่าย่ามู่จะไม่มีความละอายอะไรเลย ทำแบบนี้ไม่เท่ากับใส่ร้ายบ้านรองหรือ มู่เฟยหยวนรับไม่ได้กับสิ่งที่ย่าของตนเองกำลังกระทำ การที่เรียกร้องค่าเสียหายตามที่พี่หยางคุนเสนอ ไม่เท่ากับว่าย่าและบ้านสามมั่นใจแล้วเหรอว่าอันเหมยน้องสาวเขาเป็นคนกระทำ “ย่า...” ทว่ากลับมีสายตาของเฉินหยางคุนห้ามไว้ และให้มั่นใจว่าเขาไม่ยอมให้ใครทำร้ายมู่อันเหมยได้เด็ดขาด “ในเมื่อรับปาก ผมต้องการให้คนในที่นี้เป็นพยาน เมื่อผลสรุปออกมาว่าบ้านรองมู่และอันเหมยไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง กับเรื่องที่ลูกชายคนรองบ้านสามถูกทำร้าย ผมจะขอเรียกร้องค่าเสียหายให้กับว่าที่สะใภ้เฉินด้วยเงินสามร้อยหยวนเช่นกัน และเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับความกตัญญูหรืออกตัญญูอะไรทั้งนั้น เพราะคนที่ยื่นข้อเสนอคือบ้านเฉินไม่ใช่บ้านมู่ตั้งแต่แรก หวังว่าทุกคนจะเข้าใจนะครับ” เฉินหยางคุนตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา จากนั้นจึงกล่าวขึ้นอีกว่า “หากจะสืบเรื่องนี้ ผมแนะนำให้เจ้าหน้าที่ลองไปสืบที่ตรอกอี้หลันดู ตอนผมเข้าในอำเภอ มักจะเห็นลูกชายบ้านสามออกมาจากที่นั่นบ่อย ๆ ไม่ใช่ว่าไปติดหนี้ใครไว้แถวนั้นแล้วโดนเอาคืนหรือ” เพียงแค่เอ่ยชื่อตรอกอี้หลัน สหายของมู่จื่อจ้งสะดุ้งเล็กน้อย เรื่องนี้พวกเขารู้แก่ใจดี ด้านหน้าอาจจะเป็นร้านเหล้า แต่ด้านบนนั้นคือบ่อนการพนันย่อม ๆ นั่นเอง และตัวจื่อจ้งเป็นหนี้ไว้ไม่น้อย หากรวมดอกเบี้ยก็เกือบห้าสิบหยวน ความเป็นไปได้ที่จะโดนเจ้าหนี้ส่งลูกน้องมาทำร้ายเพราะเบี้ยวเงินนั้นสูงนัก “แกหมายความว่ายังไง” ย่ามู่เอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ การที่หลานชายคนโปรดถูกทำร้ายมันเกี่ยวอะไรกับตรอกอี้หลัน เฉินหยางคุนเลือกที่จะไม่ตอบแต่กระดกลิ้นขึ้นมาเล็กน้อยก่อนจะมองไปยังสหายของมู่จื่อจ้ง นั่นจึงทำให้ทุกคนมองตาม เมื่อเห็นท่าทางและอาการของชายหนุ่ม ทุกคนรู้ได้ทันทีว่าสิ่งที่เฉินหยางคุนกล่าวมานั้นน่าจะเป็นเรื่องจริง ทันทีที่สายตามากมายของชาวบ้านหันเหมาทางอาฟง ชายหนุ่มน้ำตาไหลแทบจะร้องไห้ด้วยความหวาดกลัว ก่อนจะบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดก่อนหน้านี้ ว่ามู่จื่อจ้งนั้นเล่นการพนันและติดหนี้ไว้เกือบห้าสิบหยวน เหตุการณ์ในครั้งนี้น่าจะเกิดขึ้นเพราะคนของบ่อนพนันไม่ผิดแน่ ย่ามู่และสะใภ้สามแทบล้มทั้งยืนเมื่อรู้ว่าลูกและหลานเข้าไปเกี่ยวข้องกับการพนัน และยิ่งอยากจะเป็นลมเมื่อรู้ว่าก่อนหน้านี้ได้ไปรับข้อเสนอของลูกชายบ้านเฉินไปแล้ว นั่นหมายความว่าบ้านสามมู่จะต้องชดใช้เงินให้กับบ้านรองมู่เป็นเงินสามร้อยหยวน แล้วจะไปหาเงินจากไหนกันล่ะ ทั้งบ้านมีไม่กี่สิบหยวนเท่านั้น ทันทีที่ความจริงเริ่มปรากฏ ไม่มีบ้านไหนที่เห็นใจบ้านสามมู่เลย มีแต่สมน้ำหน้าทั้งนั้น เงินสามร้อยหยวนหากี่ปีถึงจะหาได้ ยิ่งชาวบ้านเช่นพวกเขาชาตินี้จะหาได้หรือไม่กับเงินสามร้อยหยวน “อาเสียน แกต้องช่วยแม่นะ แม่จะเอาเงินจากไหนมาจ่าย เงินสามร้อยหยวนนะไม่ใช่สามหยวน” ย่ามู่เมื่อเห็นว่าตนเองต้องเสียเงินมากมายจึงได้พุ่งเป้ามาหาบุตรชายคนรอง เพราะรู้ว่ามู่เสียนมักจะใจอ่อนเสมอ แต่สิ่งที่เธอได้รับกลับมาทำให้ย่ามู่ล้มตึงไปทันที “เรื่องนี้ผมช่วยไม่ได้หรอกครับ แม่ต้องตกลงกับบ้านเฉินเอง ต่อให้บ้านรองของผมจะมีชื่ออยู่ในข้อเสนอ แต่การตัดสินใจล้วนเป็นบ้านเฉินครับ” กล่าวจบมู่เสียนเดินจับมือภรรยาและลูกชายคนเล็กเดินกลับบ้าน ไม่แม้แต่มองหน้าบ้านสามเลยสักคนเดียว จะให้เขาช่วยเหรอ ไม่มีทางเสียหรอก เรื่องนี้แม่เขาแทบจะประกาศต่อหน้าคนมากมายว่าอันเหมยของเขานั้น ทำร้ายหลานชายจากบ้านสาม เรื่องนี้บ้านสามควรจัดการเอาเอง ส่วนมู่เฟยหยวนนั้นรอกลับพร้อมน้องสาวเพราะรู้ว่าเฉินหยางคุนย่อมต้องเจรจาเรื่องเงินที่บ้านสามต้องชดใช้ “เรื่องเงินที่ต้องชดใช้พรุ่งนี้เราไปจัดการที่บ้านของหัวหน้าหมู่บ้านดีกว่า ผมรบกวนให้หัวหน้าคอมมูนและเจ้าหน้าที่ไปด้วย บ้านเฉินหรือบ้านสามจะได้ไม่มีใครบิดพลิ้วได้” กล่าวจบเฉินหยางคุนจึงพยักหน้าให้ว่าที่คู่หมั้นเดินออกมา โดยมีมู่เฟยหยวนตามมาด้วย ปล่อยให้เรื่องทุกอย่างเป็นไปอย่างที่เขาต้องการ คิดจะแย่งชิงงานของมู่อันเหมยไป แค่เจ็บตัวยังน้อยไปด้วยซ้ำ ส่วนบ้านสาม ไม่ว่าจะเป็นใคร หากคิดจะทำร้ายมู่อันเหมยของเขาย่อมได้รับผลตอบแทนอย่างสาสม สามร้อยหยวนมันน้อยไปด้วยซ้ำ!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม