“เจ็บมากเลยเหรอ”
วิลเลียมชะงักพลางเอ่ยถาม เมื่อเห็นดวงตากลมโตมีน้ำตาคลอเบ้าแทบจะล้นทะลักออกมา ทั้งทีเขายังดันกายแกร่งแทรกเข้าไปในตัวเธอได้ไม่สุดหัว เขาสัมผัสได้ถึงความคับแน่น และอาการสั่นของคนใต้ร่างจนต้องหยุดตัวเองและแช่นิ่งอยู่แบบนั้นด้วยความตกใจปนอึ้ง
เขามองริมฝีปากเรียวสวยที่เม้มเข้าหากันแน่นจนเป็นเส้นตรงเพื่ออดทนต่อความเจ็บปวดด้วยความสับสน ในทีแรกเขาเข้าใจว่าเธอตัวเล็กและแตกต่างจากเขามากจนเกินไป จึงเป็นธรรมดาที่จะสร้างความเจ็บปวดให้กับเธอเมื่อดันความใหญ่โตเข้าไป แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาต้องเปลี่ยนความคิดเสียใหม่ เมื่อจิตสำนึกและประสบการณ์รักบอกกับเขาว่ามันไม่ใช่
“ค่ะ…เจ็บมากจนจะทนไม่ไหวแล้ว ฉันขอโทษนะคะที่ทำให้คุณผิดหวัง แต่ฉันขอค*****นให้กับคุณได้ไหมคะ ฉันขอร้องให้คุณหยุดมัน แล้วฉันจะคืนเช็คที่คุณเซ็นให้”
คนตัวเล็กบอกไปตามตรงด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ทั้งเจ็บปวด และหวาดกลัวปนกันไปหมด ทำให้วิลเลียมถึงกับถอนหายใจพลางโน้มลงมาจูบหน้าผากมนสวยเบาๆเป็นการปลอบปโลม พร้อมๆกับตัดใจหยุดการกระทำของตัวเองเพียงเท่านั้น
‘โถ่ เด็กน้อย ไม่เคยแล้วทำไมไม่บอกกันตรงๆ’
“อะไรที่ผมให้ไปแล้วผมไม่เอาคืน”
“ละแล้วคุณจะให้ฉันชดใช้ยังไงละคะ บอกฉันมาเลยฉันยินดีทำทุกอย่าง แต่ต้องไม่ใช่แบบนี้”
หญิงสาวช้อนสายตาขึ้นสบตากับเขา รู้สึกอบอุ่นหัวใจขึ้นมาแปลกๆกับความอ่อนโยนที่เขามอบให้เมื่อกี้
“ทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลาย”
ชายหนุ่มว่าพลางพลิกตัวลงจากร่างบางมานอนหงายข้างๆเธอ ทว่าคนถูกออกคำสั่งกลับย้อนถามด้วยความไม่เข้าใจ
“ทะ…ทำยังไงคะ”
“ใช้มือ”
“ใช้มือ?”
“อืม…ทำเป็นหรือเปล่า”
วิเลียมพยายามคุมเสียงให้เรียบ ไม่อยากสร้างความแตกตื่นให้สาวน้อย เขาไม่อยากเร่งรีบหรือเร่งเร้าหรือเอาแต่ใจ เพราะเขาไม่ชอบทำอะไรฝ่ายหญิงโดยที่พวกเธอไม่มีความสุขร่วมด้วย โดยที่พยายามข่มความทรมานของตัวเองเอาไว้ และเลือกวิธีที่คิดว่าน่าจะดีที่สุดสำหรับทั้งสองฝ่าย
บอกตามตรงว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขายอมแพ้ เพียงเพราะเห็นน้ำใสๆในดวงตาคู่สวย เขาก็ไม่สามารถย่ำยีความบริสุทธิ์ผุผ่องนั้นได้ลงคอ วิลเลียมตอบตัวเองไม่ได้ว่าเพราะอะไร รู้แต่เพียงว่าเขาอยากจะทะนุถนอมเธอเอาไว้ให้สวยงาม สดใส ไม่บอบช้ำ เพียงเพราะความปรารถนาชั่วค่ำคืน
“ค่ะ!”
เมลดาลุกขึ้นมานั่งคุกเข่าพลางพยักหน้ารัวเร็ว แม้จะไม่เคยทำมาก่อน และรู้สึกกระดากอายเกินกว่าจะจ้องมองมันได้ แต่เธอก็จะตั้งอกตั้งใจและพยายามตอบแทนเงินห้าหมื่นที่เขาได้มอบให้กับเธออย่างเต็มที่
เมื่อเห็นท่าทางเงาะงะของคนตัวเล็ก วิลเลียมก็รู้ได้ในทันทีว่าเธอทำไม่เป็นและไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างอ่อนอกอ่อนใจก่อนจะจับมือเล็กมาวางลงบนกายแกร่งโดยที่มือของเขาวางทับมือของเธออีกที จากนั้นก็ค่อยสอนให้เธอจับมันรูดขึ้นลงอย่างใจเย็น โดยที่นักเรียนป้ายแดงนั้นตั้งอกตั้งใจเรียนรู้มันเป็นอย่างดี เพราะเจ้าหล่อนไม่งอแง หรือบ่นอะไรกระทั่งสามารถทำให้เขาผ่อนคลายได้สำเร็จ
“พักผ่อนเถอะ”
เสียงทุ้มบอกกับนักเรียนดีเด่นของตนพร้อมจัดการกับคราบลาวาบนตัวด้วยกระดาษทิชชู่ที่เธอส่งมาให้
“ฉะ…ฉันขอโทษนะคะ และก็ขอบคุณด้วยที่คุณเข้าใจ”
“ไม่เป็นไร แต่ทีหลังอย่าพาผู้ชายเข้ามาในห้องแบบนี้อีก มันอันตรายสำหรับผู้หญิงอย่างคุณ”เขาบอกด้วยความหวังดี ก่อนจะบอกกับเธออีกครั้ง “ไปสวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อย แล้วมานอนกันได้แล้ว”
“แล้วคุณไม่กลับไปเหรอคะ”
“ผมจะนอนที่นี่กับคุณจนกว่าจะเช้า ไม่ต้องกังวล ผมไม่ทำอะไรนอกจากนอนกอดเฉยๆ”
เขาบอกพร้อมกับให้คำมั่นสัญญาในตอนท้ายด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเพื่อให้เธอสบายใจ ซึ่งหญิงสาวก็พยักหน้าเบาๆ ก่อนจะพาร่างอันเปลือยเปล่าของตัวเองเดินไปหยิบผ้าขนหนูที่เขากระชากทิ้งไปอีกทางมาพันไว้ พร้อมทำตามคำสั่งของเขาด้วยความรีบร้อน
หลังจากแต่งตัวเสร็จ เมลดาก็กลับมานั่งลงบนที่นอนข้างๆร่างใหญ่ที่ยังคงนอนเปลือยกายมีเพียงกางเกงบ๊อกเซอร์ตัวเดียวติดกาย แต่ก่อนที่จะได้พูดอะไรมือใหญ่ก็รั้งเอวคอดให้ลงมานอนกอด เขาฝังใบหน้าหล่อเหลาลงกับซอกคอระหงพร้อมหลับตาลงเตรียมเข้าสู่ห้วงนิทราเมื่อแผนทุกอย่างพังไม่เป็นท่า นึกแล้วก็ขบขันสภาพของตัวเองที่ต้องมานอนเป็นท่อนไม้ โดยที่ไม่สามารถแตะต้องอาหารหวานตรงหน้าได้เลย
“กู๊ดไทน์ครับเด็กน้อย”
เสียงทุ้มพึมพำบอก พร้อมกดจูบหนักๆลงบนลำคอระหงไปทีหนึ่งอย่างอดใจไม่ไหว คนถูกจูบทำได้เพียงนอนนิ่งๆแข็งทื่อไม่กล้าขยับ แม้จะไม่เคยนอนในอ้อมกอดของผู้ชายมาก่อน แต่ก็ไม่ได้รู้สึกรังเกียจเขาเลยแม้แต่น้อย
ความเชื่อใจและไว้ใจเกิดขึ้นกับผู้ชายคนนี้ที่เพิ่งเจอเพียงวันแรก นั้นอาจจะเป็นเพราะเขาทำให้เธอเห็นว่าเขาเป็นสุภาพบุรุษแค่ไหนตอนที่อยู่กับเธอ เพราะแบบนี้เธอเลยรู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่สุดที่ได้เจอกับเขาคนนี้ เมลดาคิดพลางระบายยิ้มเต็มดวงหน้างาม และเมื่อเวลาผ่านไปดวงตาคู่สวยก็ค่อยๆปิดลงและเข้าสู่ห้วงนิทราในที่สุด
……………………………………………