เหมือนดาวไม่อยากจะเชื่อว่าเมียเด็กของพ่อสามีจะไร้ญาติขาดมิตร เลยพูดไม่ออกบอกไม่ถูก ด้วยถ้ารับปากใครแล้วหากทำไม่ได้ ตัวเองก็จะไม่ยอมพูดอะไรออกมาแน่
“หวานใจเป็นคนบึงกาฬ ครอบครัวยากจนไม่มีที่ทางหรือไร่นาเลย พ่อแม่กับพี่สาวตายด้วยอุบัติเหตุเมื่อห้าปีก่อน ก็ไล่ๆ กับพ่อเรานั่นล่ะ พ่อบังเอิญไปเจอเลยได้พาส่งโรงพยาบาล แต่ก็รักษาชีวิตใครไม่ได้ พอรู้ว่าหวานใจไม่มีใครพ่อก็เลยรับมาอยู่ด้วยตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา”
หวานใจเดินไปซบแก้มลงกับไหล่สามีคราวพ่อด้วยความซาบซึ้งใจ ทำเอาทุกคนต่างสงสารไม่ตามๆ กัน โดยเฉพาะเหมือนดาวที่ภายนอกจะแข็งแกร่ง แต่ภายในแล้วขี้สงสารคนเป็นที่สุด
“ถ้าหนูดาวไม่อับจนหนทางหรือล้มละลายไปก่อน หนูดาวก็จะดูแลหวานให้คุณพ่อเองค่ะ” เหมือนดาวเลยกล้าเอ่ยคำนี้ออกมา ด้วยเริ่มถูกชะตากับสาวกำพร้าผู้น่าสงสารขึ้นมาบ้างแล้ว “รับปากแล้วห้ามกลับคำนะหนูดาว”
“ค่ะ”
“งั้นเราเดินลงไปดูแปลงทานตะวันกับอิสเถอะ พ่อจะนั่งรอในรถ ขี้เกียจเดิน! เสร็จแล้วเราจะได้ไปดูคอกม้ากัน ไว้ถ้าเลือกม้าประจำได้กันแล้ววันหยุดเราค่อยขี่เที่ยวดีไหมล่ะ”
“ค่ะ” อาทิตย์มองสะใภ้เดินตามหลังอิสระไปยังแปลงทานตะวันที่เพิ่งสูงแค่เข่า หูก็ฟังคำอธิบายไป ส่วนมือก็จดอย่างตั้งอกตั้งใจ ทำให้ยิ้มออกมาอย่างนึกเอ็นดูสะใภ้ในนามขึ้นมาได้ไม่ยาก
เพราะเห็นตั้งอกตั้งใจกับงานเป็นอย่างดี แบบนี้คงจะใช้เวลาในการฝึกไม่นานก็น่าจะเก่งขึ้นเรื่อยๆ แน่ นี่คือสิ่งหนึ่งที่เขาเห็นว่า ‘หนูดาว’ คนนี้แตกต่างจาก ‘หนูเดือน’ คนก่อน นั่นคือความเอาการเอางานมาเป็นที่หนึ่ง เรื่องความสวยงามเป็นรองลงไป เพราะผมที่เขาเห็นปล่อยสลวยตอนออกไปทำงาน ถูกตรึงไว้ด้วยดินสอเพียงแท่งเดียว
‘หนูเดือนไม่ชอบออกแดดค่ะ แล้วก็เบื่อเรียนคณิตด้วย ยากจะตาย’
ส่วนอีกคนจะเน้นเรื่องความงามมาก่อน เรื่องงานไว้เป็นรอง ที่สำคัญสุดคือเข้ากับลูกชายเขาเป็นปี่เป็นขลุ่ย ผิดกับคนนี้ที่เสมือนขมิ้นกับปูนก็ไม่ปาน เรียกว่ามี ‘หนูดาว’ ที่ไหน ดูเหมือนจะไม่เห็น ‘ไอ้ตะวัน’ ที่นั่นเลยทีเดียว
“ลงทุนเป็นไกด์เองเลยเหรอครับ ไม่อยากเชื่อว่าแดดร้อนๆ อย่างนี้ป๋าจะออกจากห้องแอร์มาได้”
แต่พอไปถึงคอกม้าอาทิตย์กลับเห็นลูกชายกับแฟนสาวยืนอยู่เรียบร้อยแล้ว และสังเกตจากสีหน้ากับท่าทางของลูกแล้ว เขาก็เดาได้ว่าไม่ใคร่จะพอใจนักที่เขาพาสะใภ้เที่ยวจนทั่วฟาร์ม
“บ่ายแก่ๆ แดดที่ไหนจะแรง อีกอย่างฉันก็ต้องมาทำหน้าที่เจ้าของบ้านพาหนูดาวดูรอบๆ สิ เพราะผัวอย่างแกไม่ได้เรื่องนี่ แต่งงานทั้งทีก็ไม่ดูแลเมียสักนิดเดียว” เลยตอกหน้าลูกตรงๆ อย่างไม่เกรงใจใคร ทำเอาทุกคนที่เพิ่งลงจากรถต่างแอบหันหน้าหนีเพื่อไม่ให้เขาได้เห็นรอยยิ้มไปตามๆ กัน แต่มีเหรอเขาจะไม่รู้
“ช่วยไม่ได้นี่ครับ ก็ผมไม่ใช่คนอยากมีเมียนี่นา โดยเฉพาะเมียเด็กๆ ด้วยแล้ว ผมไม่ชอบ ไม่อยากได้ และไม่คิดว่าจะได้ด้วย จะรีบหย่าแล้วรีบหอบผ้าหอบผ่อนหนีกลับไปนอนรอกินเงินปันผลก็ยังไม่สายนะ ผมพร้อมทำได้เสมอๆ”
ลูกเลยใส่กลับบ้าน แต่ไม่ได้จงใจว่าพ่อหากหันหน้าไปหาเมียจำเป็นของเขาแทนเท่านั้น นั่นทำเอาสนันตนาถึงกับยิ้มออกมาอย่างผู้ชนะกรายๆ ให้แม่เมียตีทะเบียนได้เห็น “ไม่ล่ะค่ะ เป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว ฉันเป็นเมียมีทะเบียนสมรสกอดไว้ทั้งใบ ดีกว่ากอดตัวผัวห่วยๆ ไว้เป็นไหนๆ สบายจะตายมีคนคอยทำหน้าที่ให้ ไม่เปลืองตัวด้วย”
เลยถูกอีกคนใส่กลับอย่างไม่เกรงใจใคร เพราะมีพ่อสามีคอยเป็นกำแพงให้วิ่งไปหลบอยู่แล้ว “นี่คุณว่าใครห่วยไม่ทราบ หัดระวังปากเอาไว้บ้างนะ เป็นเด็กเป็นเล็กอย่าริมาปะคารมกับผู้ใหญ่ ไม่งั้นจบไม่สวย แล้ว...”
“พอได้แล้วเจ้าตะวัน อะไรกันโตจะตายแล้วยังจะลดตัวมาทะเลาะกับเด็กอยู่ได้ ไม่อายคนงานหรือไง” พ่อเห็นท่าไม่ดีเลยรีบขวาง แม้จะถูกใจกับคำของสะใภ้ไม่น้อย แต่ก็ไม่อยากให้เกิดเหตุขึ้นเลยรีบห้าม
“ก็ป๋าไม่ดูล่ะว่าเด็กของป๋าปากกล้าแค่ไหน ระวังไว้เถอะไม่มีเกราะเมื่อไหร่จะจัดการให้เข็ด”
“แกจะไปทำอะไรก็ทำเหอะ ฉันจะพาหนูดาวไปดูม้าโปรดของฉัน”
แสงตะวันหมั่นไส้พ่อไม่น้อย แต่ก็เลือกที่จะเงียบแล้วจูงแฟนสาวเข้าไปในคอกม้าอย่างเบื่อหน่ายในความเห่อเด็กของพ่อ
“ไปกันสาวๆ เจ้าสลาตันของพ่อรอให้ยลโฉมอยู่ ความจริงวันนี้เราเสร็จงานแล้วก็ขี่ม้าเล่นได้นะ นานๆ ออกมาทีพ่อชักนึกสนุกแล้วล่ะ”
“จริงเหรอคะคุณลุง เย้ๆ จะได้ขี่ม้าเที่ยวแล้ว”
นรรยากระดี้กระด้ามากกว่าสองเพื่อน เพราะโปรดปรานกีฬาขี่ม้ามาแต่ไหนแต่ไร ส่วนเหมือนดาวกับอนุทัยนั้นเพียงแค่เริ่มฝึกขี่ไม่ถึงปี เพราะรู้ว่าถ้ามาทำงานที่นี่จะต้องใช้ม้าให้เป็น
“ว่าแต่มีชุดกันหรือเปล่าล่ะเด็กๆ” อาทิตย์เพิ่งนึกขึ้นได้ เลยได้รอยยิ้มจากทั้งสามไปตามๆ กัน เพราะมีหรือจะไม่ได้หอบมาด้วยในเมื่อมาฟาร์มม้าทั้งที
“หนูดาวขึ้นเจ้าเมขลาไปพลางๆ ก่อนก็ได้ ไว้ชอบพันธุ์ไหนค่อยบอกอีกที พ่อจะให้เจ้าตะวันหามาไว้ประจำให้” อาทิตย์กำลังยืนลูบหัวสลาตันม้าพันธุ์อาราเบียนสีน้ำตาลอยู่หันมาบอกเบาๆ แล้วบุ้ยหน้าไปยังคอกม้าสีขาวสะอาดตาพันธุ์เดียวกัน เหมือนดาวส่งยิ้มให้แล้วเดินไปหน้าคอกทันที
“ต้องถึงขนาดนั้นเลยเหรอครับป๋า” ลูกชายยืนอยู่คอกเจ้าวินเนอร์ได้ยินเข้าทนไม่ไหว
“ทำไมล่ะ ก็เดือนหน้าแกต้องไปดูม้าให้ลูกค้าที่สเปนอยู่แล้วนี่ จะดูให้เมียสักตัวจะเป็นไรไป”