“เงินใครครับ” ม้าตัวหนึ่งๆ ต้องจ่ายไม่ต่ำกว่าล้านบาท เขาเลยเหน็บพ่อหนักๆ แม้ว่าจะไม่มีปัญหาเรื่องเงินนัก แต่ก็อยากจะต่อปากต่อคำกับพ่อกระทบอีกคนอยู่ดี ผู้พ่อเลยทำหน้าไม่แคร์ใส่ทันที
“ถ้าแกไม่จ่าย ฉันออกให้ก็ได้ แค่นี้เองจิ๊ปๆ”
“แนทรู้จักป๋าตั้งนานป๋ายังไม่เคยจะซื้อม้าให้สักตัวด้วยซ้ำ” ลูกทนไม่ได้เลยบ่นใส่เช่นกัน
“แกก็หัดดูแลแล้วก็หัดสรรหาสิ่งดีๆ ให้เมียเหมือนทำให้แฟนบ้างสิ ฉันจะได้ไม่ต้องมาคอยหาให้แทน” พ่อเลยสวนมาหาแบบไม่ใส่ใจนัก
“เรื่องอะไรล่ะครับ ในเมื่อผมไม่ใช่คนอยากจะมีเมียเป็นตัวเป็นตนนี่ครับ”
“งั้นแกก็ไม่ต้องมาบ่นเวลาฉันจะทำอะไรให้เมียแกก็แล้วกัน อ้าว! เจ้าอิสมาอธิบายให้หนูดาวฟังสิ จะได้รีบเสร็จแล้วไปขี่ม้าเที่ยวกัน”
ผู้พ่อตัดความรำคาญ ความปากไม่อยู่สุขของลูก ด้วยการหันไปเรียกอิสระที่หนีศึกสองพ่อลูกไปอยู่อีกฟากของคอกรวมกับคนเลี้ยงม้า
“ไปดีกว่าแนทอยู่แถวนี้นานๆ แล้วไม่เจริญหูเจริญตา”
ลูกก็ตัดความรำคาญด้วยการหันไปคว้ามือแฟนสาวแล้วพาก้าวขึ้นไปอยู่บนหลังเจ้าอีคลิปม้าพันธุ์ลิปิซานเนอร์สีขาวหมอกเมฆ ที่เขาอุตส่าห์ไปหามาจากออสเตรียให้แฟนสาวไว้ใช้ประจำ ก่อนจะกลับมาขึ้นหลังเจ้าวินเนอร์แล้วพากันควบออกไปทันที
และเขาก็มักจะทำแบบนั้นเสมอๆ ในอีกสองเดือนถัดมา นับตั้งแต่ได้ชื่อว่ามีเมียเป็นตัวเป็นตนในสายตาคนอื่น ด้วยเบื่อการที่มีพ่อชอบเข้ามาเป็นเสมือนเกราะคุ้มกันเจ้าหล่อนไว้ตลอดเวลานั่นเอง
“ไปแล้วต้องรีบกลับมานะยะหล่อนสองคนน่ะ อย่าทิ้งให้ฉันสู้กับนายตะวันคนเดียวนานเกินไปล่ะ” เหมือนดาวทำหน้าละห้อยขณะช่วยเพื่อนแพ็กกระเป๋า เพราะนรรยาจะต้องกลับกรุงเทพฯ ไปดูแลแม่ที่ทางบ้านโทรมาบอกว่าผ่าตัดไส้ติ่งเมื่อคืนนี้
“รู้แล้วล่ะน่ะ ถ้าชั้นยังไม่กลับก็จะให้นังนุกลับมาช่วยหล่อนก่อน ว่าแต่ตอนนี้ก็ไม่น่ามีอะไรแล้วนี่นา ป้าหมายแกก็ตีซี้ไว้แล้ว คุณนุกูลแกก็ตีสนิทแล้ว ที่เหลือก็เพียงแค่รอโอกาสเรียบๆ เคียงๆ สืบเอาเท่านั้น”
นรรยาพับเสื้อผ้าใส่ไปด้วยปากก็ปลอบใจเพื่อนไปด้วย “แต่ฉันอยากจะหาทางเข้าไปดูในห้องนายตะวันด้วยนี่นา มันต้องมีอะไรซ่อนอยู่แน่ๆ ไม่งั้นคงไม่หวงขนาดแฟนก็เข้าไปยุ่งไม่ได้หรอก” เพราะตลอดสองเดือนที่ผ่านมานั้น ตัวเองในฐานะเมีย ไม่มีโอกาสได้เข้าไปในห้องสามีในนามเป็นครั้งที่สอง นอกจากตอนส่งตัวเข้าห้องหอเลยด้วยซ้ำ
“เอ่อๆ ไปไม่นานหรอก เสร็จหรือยัง จะได้ลงไปกินอะไรแล้วยิงยาวโดยไม่ต้องจอดเลย”
“เอ่อๆ เร่งจริงยัยนี่ เดี๋ยวแม่ก็ให้นั่งรถทัวร์กลับเลย” อนุทัยบ่นน้อยๆ มือก็รีบรูดซิปกระเป๋าแล้วหิ้วเดินตามหลังเหมือนดาวลงไปชั้นล่าง ที่มีอาทิตย์กับหวานใจนั่งอยู่ที่เดิมเหมือนทุกอย่างรออยู่แล้ว
เหมือนดาวจ้องมองสองเพื่อนรีบพากันกินรีบพันกันกลืนอาหารตาละห้อย เพราะอดใจหายไม่ได้ที่จะต้องอยู่บ้านนี้คนเดียวไปอีกเป็นอาทิตย์ๆ
“คุณจะลางานตามแฟนไปด้วยก็ได้นะ ถ้าห่วงกันมากขนาดนี้ ผมจะได้สบายหูสบายตาหน่อย” สามีในนามที่มีแฟนสาวนั่งข้างๆ เลยถือโอกาสเหน็บตรงๆ ทันที เพราะหมั่นไส้ใบหน้าสวยใสดูจะอาลัยอาวรณ์แฟนหน้าหล่อจนเกินเหตุ อาทิตย์กับหวานใจนั่งอยู่ได้แค่หันไปยิ้มให้กัน
“อ๋อ! ไม่เอาดีกว่าค่ะ ฉันจะปักหลักอยู่นี่ไม่ไปไหน คุณจะได้ชินตาไวๆ ไงคะ” แต่คนปากกล้าไม่คิดจะปล่อยให้เขาเหน็บได้ฝ่ายเดียว เลยรีบสวนกลับทันที และไม่เปิดโอกาสให้เขาสวนกลับด้วยการลุกขึ้นไปส่งเพื่อนที่อิ่มในเวลารวดเร็วแทน
“รีบไปรีบมานะ อย่าลืมฉันล่ะ” พร้อมกับโบกมือลาสองเพื่อนและยืนมองท้ายรถตาละห้อยอีกครั้ง ก่อนจะเดินกลับไปนั่งกินมื้อเช้าที่เพิ่งตักข้าวต้มเข้าปากได้ไม่กี่คำต่อ
“ไม่ต้องกลัวเหงาหรอกหนูดาว งานมีให้ทำเยอะแยะ พอตกเย็นก็ไปขี่ม้าเที่ยวกับพ่อ หรือวันไหนเบื่อๆ ก็ขับรถออกไปเล่นข้างนอก จะไปดูหนังฟังเพลงหรือช้อปปิ้งก็ได้”
“ค่ะคุณพ่อ”
เหมือนดาวรักและผูกพันกับอาทิตย์ขึ้นทุกวันๆ เพราะใจดีเกินหน้าเกินตาลูกชายจอมกวนมาก และกับประโยคนี้ก็ยิ่งทำให้ลูกชายเบื่อพ่อขึ้นมาได้อีกเป็นกองที่เอาอกเอาใจสะใภ้เด็กออกนอกหน้า
‘ดีแค่ไหนแล้วที่น้ารงค์ขอให้เราจดทะเบียนกับเด็กปากกล้านี่ ถ้าขอป๋าแทนล่ะก็ได้ยุ่งกว่านี้แน่ๆ’
เขาอดดีใจไม่ได้ อย่างน้อยๆ ก็เป็นคนขวางทางพ่อเอาไว้ด้วยใบทะเบียนสมรส ไม่อย่างนั้นป่านนี้พ่อคงจะหลงเจ้าหล่อนหัวปักหัวปำจนลืมเมียเด็กข้างๆ เป็นแน่ หรือไม่ก็บ้านเขาคงจะลุกเป็นไฟเพราะแรงหึงหวงผัวแก่คราวพ่ออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยทีเดียว
“ว่าแต่ไม่มีรถเป็นของตัวเองแล้วจะเอาที่ไหนขับกันล่ะ พ่อก็ลืมคิดไป”
“ถ้าจะไปไหนหวานพาไปก็ได้ค่ะหนูดาว” เมียเด็กรีบอาสาอย่างเข้าขากันในความคิดของสนันตนาที่เพิ่งกลับจากเดินแบบเมื่อวานนี้ก็ถึงกับออกอาการเบื่อนิดๆ ทันที เหมือนดาวใช่ว่าจะไม่รู้แต่ทำเป็นไม่สนใจกลับหันไปหาหวานใจแทน
“ขอบคุณค่ะหวาน”
“ได้ยังไงล่ะ เดี๋ยววันนี้กินมื้อเที่ยงเสร็จแล้วพ่อกับหวานจะพาไปดูรถเล็กๆไว้ให้ใช้สักคันก็แล้วกัน ไปไหนมาไหนจะได้สะดวกด้วย ไม่ต้องรอไหว้วานใครให้เสียเวลา เสียอารมณ์ อีกอย่างพ่อกับหวานไปเที่ยวต่างประเทศบ่อยๆ ก็พอดีไม่ต้องไปไหนกันล่ะทีนี้”