“ก็ไม่มีอะไรมากค่ะ คุณอิสพาไปแนะนำให้รู้จักพนักงานในออฟฟิศ ให้ศึกษาเรื่องการการเงินและเอกสารอื่นๆ บ่ายแก่ๆ ก็จะพาไปดูส่วนต่างๆ ทั้งในไร่และฟาร์มค่ะ” ปากรายงานพ่อสามีไป ส่วนนิ้วเรียวยาวก็ปั้นข้าวเหนียวกับไก่ย่างเข้าปากไปด้วยโดยไม่ได้เคอะเขินใดๆ ประหนึ่งเด็กน้อยก็ไม่ปาน นั่นทำให้อาทิตย์อดคิดถึงหนูเดือนผู้จากไปไม่ได้
‘แม่สอนว่าอย่าคุยตอนมีข้าวอยู่ในปากค่ะ แต่หนูดาวชอบทำ จะถูกแม่ดุประจำค่ะคุณลุง พูดแล้วก็คิดถึงหนูดาวจังเลยค่ะ เมื่อไหร่จะปิดเทอมก็ไม่รู้จะได้เจอกันบ้าง’
แล้วภาพสาวน้อยในชุดเดรสชายกระโปรงยาวเสมอหรือปิดเข่าก็แล่นเข้าสู่ความทรงจำของอาทิตย์ได้ไม่ยาก เพราะสาวน้อยตรงข้ามที่มีหน้าตาเหมือนกันยังกับแกะ แต่นิสัยนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง อย่างน้อยๆ ก็เรื่องความไม่ยอมคน กับความดื้อดึงอยากเอาชนะที่เขาได้เห็นมาแล้ว จนต้องลุกขึ้นมาจัดงานแต่งให้ทั้งๆ ชีวิตนี้ไม่คาดคิดว่าพ่อลูกชายหวงความโสดจะยอมเข้าพิธีใดๆ ให้พ่อได้มีหวังลุ้นหลานเลย
“จริงเหรอ! งั้นบอกเจ้าอิสนะว่าก่อนไปให้วนรถมารับพ่อด้วย พ่ออยากอวดม้าตัวโปรดให้หนูดาวดู ถ้าอยากได้ตัวไหนพ่อจะให้ไว้ใช้ประจำเลย เพราะที่นี่ส่วนใหญ่จะไม่ใช้รถ นอกจากรถกอล์ฟ จักรยานกับม้าเท่านั้น”
“แล้วเราล่ะคะคุณลุง” นรรยารีบตาโตด้วยความอยากรู้
“อยากขี่ตัวไหนก็ไปดูได้เลย ลุงอนุญาตให้เอาไว้ใช้ตลอดเวลาที่เราสองจะอยู่ช่วยงานหนูดาวได้”
“เย้!!! ไชโย! ดีใจจังเลยค่ะ” ทั้งสามลืมตัวถึงขนาดยกสองแขนขึ้นพร้อมรอยยิ้มกันเลยทีเดียว และนั่นทำให้แสงตะวันกับสนันตนาที่เพิ่งลงจากรถกอล์ฟเพื่อมากินมื้อเที่ยงต้องมองมาหาเป็นตาเดียวกัน
“ป๋านะป๋า”
เขาอดบ่นเบาๆ ไม่ได้ที่เห็นพ่อทำตัวเป็นเด็กด้วยการมีเมียเด็กไม่พอ ยังจะคบสะใภ้เด็กกับเพื่อนเด็กๆ ไปด้วย เดาไม่ออกจริงๆ ว่าป่านนี้ถ้าแม่ยังอยู่แม่จะพูดอะไรออกมากันแน่ ส่วนเขานั้นพูดอะไรไม่ออก บอกอะไรไม่ถูก เลยหันไปเกี่ยวมือแฟนสาวเดินเข้าไปในห้องอาหารที่สมหมายเปิดแอร์เย็นฉ่ำไว้รออย่างรู้งานอยู่ก่อนแล้ว
“ตกลงป๋าสนุกสนานอะไรกับเด็กพวกนั้นนักคะ” สนันตนาส่งสีหน้าและท่าทางเชิงเย้ยหยันคนข้างนอกอย่างเห็นได้ชัด เพราะโดยส่วนตัวแล้วไม่ได้ปลื้มอาทิตย์นัก ที่มักจะประพฤติตัวสวนกับวัยตัวเองอยู่เสมอๆ
“ไม่รู้สิ อย่าไปสนใจเลยกินข้าวดีกว่า ผมหิวแล้วล่ะ วันนี้ป้าหมายทำอะไรให้กินบ้างครับ” แสงตะวันทำท่าทางไม่สนใจนัก และไม่ยอมหันหน้าออกไปมองทางหน้าต่างกระจกที่เห็นภายนอกได้ชัดเจนด้วยซ้ำ เพราะมีแต่คนที่เขาไม่อยากจะเห็นหน้า โดยเฉพาะแม่เมียปากกล้าด้วยแล้ว ยิ่งไม่อยากเห็นเอาเสียเลยก็ว่าได้
“คนงานที่อยู่ในช่วงนั้นมีหลายคนนะหนูดาว แต่ที่เด่นๆ และตำแหน่งสูงหน่อยก็จะมีคุณอิส คนชื่อนุกูลที่เป็นเทรนเนอร์ พวกจ๊อกกี้กับคนดูแลม้า แล้วก็ป้าสมหมาย”
อนุทัยรีบสรุปให้ฟังหลังจากเร่งตรวจประวัติคนงานในแฟ้มอย่างละเอียดแล้ว นรรยาดูอีกแฟ้มก็เสร็จพอดีเลยก้มดูรายชื่อที่จดไว้ตั้งแต่แรกแล้วส่งให้ด้วยเช่นกัน “จากแฟ้มนี้จะมีคนทำงานออฟฟิศส่วนใหญ่ มีฝ่ายบัญชีกับฝ่ายบุคคลเท่านั้นล่ะที่ทำงานนานหน่อย นอกนั้นก็เข้าๆ ออกๆ ไปเรื่อย โดยเฉพาะคนในไร่ของพ่อหนูดาวน่ะ”
“เหรอ แล้วเราจะสืบจากใครได้ล่ะ ในเมื่อไม่รู้จักและไม่สนิทสักคน”
อนุทัยอดกังวลไม่ได้ แต่สำหรับเหมือนดาวแล้วไม่ถือว่านี่คือเรื่องใหญ่ “กลัวอะไรป้าหมายมี คุณอิสก็มี ไหนจะคุณนุกูลที่เราจะตีสนิทตอนไปคอกม้าพร้อมคุณพ่อนี่ไงล่ะ รับรองว่าหนึ่งในสามคนนี้จะต้องมีคำตอบให้เราได้แน่ คุณนุกูลน่าสนใจสุดนะ เพราะอยู่กับพ่อก่อนจะตกจากหลังม้า”
“ส่วนป้าหมายก็น่าจะรู้เรื่องความสัมพันธ์ของคุณตะวันมีกับพี่หนูเดือนนะว่ามั้ย”
นรรยาให้ข้อคิดทำเอาเหมือนดาวต้องนิ่งไปครู่หนึ่ง “ใช่ อย่างน้อยๆ พี่หนูเดือนก็คงจะไปกินข้าวบ้านนายตะวันบ้างล่ะ งั้นเราจะค่อยตีซี้กับป้าหมายไปเรื่อยๆ สักวันต้องเผยอะไรมาให้เรารู้แน่ แต่ตอนนี้รีบเก็บของดีกว่า ใกล้จะได้เวลานัดกับคุณอิสแล้ว”
สามเพื่อนต่างช่วยกันเก็บของพร้อมกับปิดแท็บเลสทันที เมื่อกะว่าจะไม่เข้าออฟฟิศอีกแล้ว ไม่นานรถก็ไปรับอาทิตย์กับหวานใจ การนั่งรถกอล์ฟชมฟาร์มก็เริ่มขึ้น “ที่มีทั้งหมดสามพันห้าร้อยเก้าสิบเก้าไร่ แต่ใช้ประโยชน์จริงๆ ก็แค่สองพันนิดๆ นอกนั้นก็เป็นทุ่งหญ้าไว้ให้ม้าเท่านั้น เจ้าตะวันไม่ชอบให้ใครมาเช่าด้วย ขายก็ไม่ขายเลยปล่อยไว้อย่างนี้”
โดยมีอาทิตย์เป็นไกด์กิติมศักดิ์ให้ อิสระกลายเป็นคนขับรถโดยปริยาย ส่วนผู้จัดการคนใหม่ก็จะจดทุกอย่างลงในสมุดบันทึก อีกสองเพื่อนช่วยกันใช้แท็บเลสบันทึกภาพที่ต่างๆ ไว้ให้อย่างเต็มอกเต็มใจ
“ที่ร้อยกว่าไร่ของพ่อเราโอนคืนเจ้าตะวันเป็นการใช้หนี้น่ะ ไม่แน่ว่าพ่ออาจจะโอนให้หนูดาวไปเลยก็ได้ แต่นั่นต้องให้พ่อมั่นใจก่อนนะว่าหนูดาวจะรับผิดชอบได้ทุกอย่างที่พ่อเราวางไว้”
เหมือนดาวกำลังจดบันทึกอยู่ตรงแปลงดอกทานตะวันถึงกับหันไปหาพ่อสามีในนามด้วยความไม่เข้าใจ และไม่แน่ใจว่าที่ได้ยินนั้นเป็นความจริง แต่พอเห็นหน้าสองเพื่อนที่มองมาหาอย่างสงสัย ก็รู้ว่าหูไม่ฝาดแน่
“แล้วถ้าหนูดาวจะต้องซื้อกลับล่ะคะคุณพ่อ ต้องใช้เงินเท่าไหร่”
แต่ก็ไม่คิดจะรับมาฟรีๆ แน่ เพราะตัวเองถือว่าได้มามากแล้วจากเงินที่ส่งให้เรียน “พ่อไม่รู้ว่าเท่าไหร่ แต่ถ้าพ่อบอกว่าให้ก็คือจะให้ ไม่เอาเงินแม้แต่สตางค์แดงเดียว ถ้าจะตอบแทนน้ำใจพ่อ หนูดาวก็ช่วยดูแลหวานใจช่วยพ่อก็แล้วกัน เพราะไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน”
“...”