พยศรักพ่อเลี้ยงบ้านไร่ 04
ข่าวฉาว
วันต่อมา...
"อืออ~ อ๊ะ..." เสียงครางงึมงำในลำคอดังออกมาเบา ๆ ในยามที่ขยับตัวเมื่อถูกแสงแดดในช่วงสายสาดส่องเข้ามากระทบใบหน้าเกลี้ยงเกลาจนต้องรีบคว้าผ้าห่มขึ้นมาปิดหน้า มิลลิกาขยับพลิกตัวเล็กน้อยด้วยความเมื่อยขบก่อนที่จะค่อย ๆ เปิดเปลือกตาขึ้นมาทักทายช่วงวันใหม่ คิ้วสวยขมวดชนกันยุ่งเมื่อภาพโฟกัสตรงหน้าคือเพดานห้องที่เธอคุ้นตา
"นี่มาอยู่ที่นี่ได้ไงเนี่ย?" พึมพำออกมาพร้อมกับพยุงตัวลุกนั่งพิงหัวเตียงไว้พลางยกมือขึ้นมานวดขมับเบา ๆ เพื่อให้คลายความง่วงมึน
"แล้วนี่ใครเปลี่ยนชุดให้วะเนี่ย" เป็นอีกคำถามที่ไร้คำตอบเมื่อก้มลงมองชุดที่สวมใส่อยู่บนร่างกายมันคือชุดนอนตัวบางของเธอเองแต่ทว่าเธอกลับไม่ได้เป็นคนเปลี่ยน ในหัวเต็มไปด้วยคำถามว่าเธอกลับมาอยู่ที่บ้านได้ยังไงแล้วไหนจะชุดนอนที่สวมใส่อยู่บนร่างกายนี่อีก นางแบบสาวนั่งสงสัยได้ไม่นานเสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้นเสียก่อน
ก๊อก~ ก๊อก~
"คุณหนูตื่นหรือยังคะ"
"ตื่นแล้ว ๆ มีอะไรเหรอ?" เสียงหวานตะโกนถามออกไปในขณะที่ยังนั่งมึนอยู่บนเตียงนอนสีขาว
"คุณท่านให้มาตามคุณหนูลงไปข้างล่างค่ะท่านบอกว่ามีเรื่องสำคัญจะคุยด้วยค่ะ"
"อืม ๆ บอกคุณพ่อว่าเดี๋ยวลงไป" มิลลิกาตะโกนบอกในขณะที่เสียงฝีเท้าดังห่างออกไปเรื่อย ๆ เธอยังไม่สามารถหาคำตอบที่แน่ชัดให้ตัวเองได้ว่ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไงเพราะเมื่อคืนเธอจำได้ลาง ๆ ว่าเธอนั่งดื่มเหล้าอยู่ที่หน้าโต๊ะบาร์แล้วเกิดอาการง่วงงุนจนพยายามเดินไปที่ห้องน้ำหลังจากนั้นเธอก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย
"คุณพ่อน่าจะรู้แหละนะ" ถ้าผู้เป็นพ่อให้คนมาตามเธอลงไปแบบนี้ก็คงจะตอบคำถามเธอได้ไม่ยากว่าเธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง คงไม่ใช่ละเมอขับรถกลับมาเองหรอกใช่ไหม
"งั้นผมต้องขอตัวกลับก่อนนะครับ" อีกมุมหนึ่งของบ้านมีร่างสูงของชายหนุ่มวัยกลางคนนั่งพูดคุยอยู่กับหนุ่มรุ่นลูกอย่างเป็นกันเองก่อนที่เสียงทุ้มจะเอ่ยขึ้นอย่างมีมารยาท
"อ้าวจะกลับแล้วเหรอ ไม่อยู่ทานข้าวเช้ากับอาก่อนเหรอ" ทินกฤษณ์เอ่ยถามชายหนุ่มรุ่นลูกซึ่งเป็นลูกขายของเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเขาเอง
"ไม่เป็นไรครับ พอดีผมมีธุระที่ต้องไปทำก่อนกลับ"
"อ่า...ไม่เป็นไร โอกาสหน้ายังมี ยังไงก็ขอบคุณสำหรับเรื่องเมื่อคืนนะที่ช่วยเหลือน้องไว้" หากเมื่อคืนไม่ได้คนตรงหน้าช่วยเหลือไว้อาจจะมีเรื่องร้ายแรงกว่านี้เกิดขึ้น นึกเป็นโชคดีจริง ๆ
"ไม่เป็นไรครับ ผมขอตัวก่อนนะครับคุณอา สวัสดีครับ" ร่างสูงยกมือไหว้ชายวัยกลางคนอย่างนอบน้อม
"สวัสดี เดินทางปลอดภัยนะ"
"คุณพ่อคะ...นั่นใครคะท่าทางดูน่ากลัว" มิลลิกาที่ใช้เวลาทำธุระส่วนตัวราวหนึ่งชั่วโมงที่เดินลงมาจากชั้นสองของบ้านเอ่ยขึ้นเมื่อทันได้เห็นร่างสูงของชายหนุ่มที่เดินออกไปเมื่อครู่ แม้จะเห็นเพียงด้านหลังแต่ทว่ากลับดูน่าเกรงขามไม่น้อยราวกับมาเฟียในละคร
พรึ่บ!
"อะไรคะ?" นางแบบสาวเอ่ยถามด้วยความไม่เข้าใจเมื่ออยู่ ๆ ผู้เป็นพ่อก็โยนหนังสือพิมพ์มาตรงหน้าเธอ
"เปิดดูซะจะได้รู้ว่าเมื่อคืนไปทำงามหน้าอะไรเอาไว้" มือเรียวหยิบหนังสือพิมพ์ตรงหน้าขึ้นมาเปิดดูทันทีก่อนจะเบิกตากว้างกับข้อความพาดหัวข่าวพร้อมกับรูปภาพประกอบ
"มีภาพหลุดของนางแบบสาวชื่อดัง มิลลิกา กับประเด็นใหม่สด ๆ ร้อน ๆ ในงานเลี้ยงปิดกล้องของโปรเจ็กต์หนึ่งที่จัดขึ้นในคลับหรูเมื่อคืนนี้ มีคนตาดีไปเห็นมาว่านางแบบสาวคลอเคลียอยู่กับชายหนุ่มคนหนึ่งก่อนที่ชายหนุ่มคนนั้นจะอุ้มขึ้นแล้วตรงขึ้นไปยังห้องพักชั้นบนก่อนที่ทั้งคู่จะหายเข้าไปในนั้น ตามภาพถ่ายที่แนบมาโดยในภาพชัดเจนว่าเป็นนางแบบสาวคนดังจริงเพราะจากที่ถามคนที่มาร่วมงานระบุว่าในเวลานั้นนางแบบสาวไม่ได้อยู่ภายในงาน ส่วนชายหนุ่มนิรนามในรูปไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่าเป็นใคร หรืออาจจะเป็นแฟนหนุ่มนอกวงการ ในส่วนนี้ต้องรอทางนางแบบสาวออกมาชี้แจงอีกครั้ง"
มิลลิกามองภาพถ่ายที่แนบมาเป็นหลักฐานก็สบถออกมา ใบหน้าขอเธอที่ถูกซูมเด่นหราอยู่หน้าหนังสือพิมพ์ในขณะที่ผู้ชายในข่าวกลับเห็นแต่ทางด้านหลัง
"มันไม่ใช่..."
"รู้ไหมว่าชื่อเสียงของแกตอนนี้มันป่นปี้ไปถึงไหนต่อไหนแล้ว" ยิ่งในตอนนี้ถูกฝั่งแอนตี้โจมตีโดยการขุดคุ้ยข่าวเสียหายต่าง ๆ ออกมาเล่นงาน ยิ่งใบหน้าของลูกสาวเด่นหราบนหน้าหนังสือพิมพ์อีกทั้งในโลกโซเชียลถึงจะแก้ข่าวยังไงก็ใช่ว่าคนจะเชื่อ
"แต่ในข่าวนั่นมันไม่ใช่เรื่องจริงนิคะ ใช่สิเมื่อคืนต้องมาคนพาหนูมาส่งแน่ ๆ หนูจะไปพูดให้เขายอมเป็นมาเป็นพยานให้ว่าที่ข่าวมันเขียนมันไม่ใช่เรื่องจริงเลยสักนิด" เธอไม่รู้ว่าไอภาพในข่าวมันหมายความว่ายังไงเพราะเธอจำเหตุการณ์เมื่อคืนไม่ได้ทั้งหมดแต่เธอก็มั่นใจว่าเธอไม่ได้ขับรถกลับมาที่บ้านเองแน่ เพราะฉะนั้นคนที่เป็นคนมาส่งเธอจะต้องรู้เรื่องทั้งหมดเป็นแน่
"มันไม่มีใครมาส่งทั้งนั้นแหละ คนที่พาแกกลับมาก็คือลูกน้องของฉัน รู้ไหมว่าแกทำตัวเหลวแหลกจนฉันไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว!"
"คุณพ่อ!!"
"ต่อไปฉันจะไม่ปล่อยให้แกใช้ชีวิตลอยตัวไปมาจนมีข่าวเสียหายไม่เว้นวันแบบนี้อีกแล้ว ฉันจะส่งแกไปดัดนิสัยที่ไร่นฤบดินทร์" ผิดที่เขาเองที่เลี้ยงดูมิลลิกาอย่างจามใจมาตั้งแต่เด็กตั้งแต่สูญเสียภรรยาไปเพราะกลัวว่าลูกสาวเพียงคนเดียวจะรู้สึกขาดอะไรไป อยากได้อะไรก็หามาให้อยากทำอะไรเขาก็ไม่เคยขัดจนกระทั่งมิลลิกาใช้ชีวิตอย่างตามใจอยากทำอะไรก็ทำไม่อยากทำอะไรก็ไม่ทำตามใจตัวเอง ใช้เงินฟุ่มเฟือยจนไม่รู้จักคุณค่าของเงินแบบนี้ มันถึงเวลาแล้วที่เขาจะต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อตัวของมิลลิกาเอง
"อะไรนะคะ!? ไม่เด็ดขาด!! ยังไงหนูก็ไม่ไปไหนทั้งนั้น!!" นางแบบสาวยืนกรานเสียงแข็งไม่ว่ายังไงเธอก็จะไม่มีทางไปไร่บ้าบออะไรนั่นเด็ดขาด ให้ตายเธอก็ไม่มีวันไป
"แกไม่มีสิทธิ์ที่จะไปหรือไม่ไปเพราะนี่เป็นคำสั่งของฉัน ฉะนปล่อยให้แกใช้ชีวิตอย่างไร้ค่ามานานแล้วต่อไปนี้ฉันจะให้แกได้รู้ซึ้งถึงคุณค่าของเงินที่แกใช้ฟุ่มเฟือยอยู่อย่างทุกวันนี้ ฉันให้เวลาแกเตรียมตัวฉันจะเป็นคนไปส่งแกเอง" ทินกฤษณ์บอกด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดต่อไปนี้เขาจะไม่ยอมให้มิลลิกาใช้ชีวิตอย่างตามใจตัวเองอีกต่อไป
"ไม่!! ไม่ว่ายังไงหนูก็ไม่ไปไอ้ไร่บ้าบออะไรนั่น คุณพ่อไม่มีสิทธิ์มาบังคับหนู!!" นางแบบสาวเอ่ยออกไปอย่างไม่ยอมเช่นกัน ตั้งแต่เด็กเธอใช้ชีวิตมาอย่างสุขสบายอยากได้อะไรก็ได้งานทุกอย่างก็มีคนคอยทำให้คอยเอาอกเอาใจมาตลอดแล้วจะให้เธอไปใช้ชีวิตลำบากอยู่ในไร่กับใครที่ไหนก็ไม่รู้เธอไม่มีทางไปเด็ดขาด ไม่ว่ายังไงเธอก็ไม่ยอม
"ให้ตามไหมครับท่าน" เสียงลูกน้องคนสนิทเอ่ยขึ้นหลังจากที่คุณหนูของบ้านขับรถออกไป เสียง
"ไม่ต้อง ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าถ้าไม่มีเงินใช้จะทนอยู่ได้สักกี่วัน"
@คอนโดมิลลิกา
กึก! กึก!
"ทำไมมันเปิดไม่ได้สักทีเนี่ย!" นางแบบสาวสบถออกมาด้วยความหัวเสียหลังจากที่ใช้คีย์การ์ดสแกนหน้าประตูห้องพักอยู่นานแต่ทว่ามันกลับเปิดไม่ออกจากที่อารมณ์เสียอยู่แล้วกับต้องทวีขึ้น สุดท้ายเธอจึงต้องหยิบโทรศัพท์ออกมากดโทรหาฝ่ายบุคคลของคอนโดแทน
"ขอโทษจริง ๆ นะคะคุณมิลคือทางเราไม่สามารถเปิดห้องให้ได้จริง ๆ ค่ะ" ฝ่ายบุคคลสาวเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงนอบน้อม เธอได้รับคำสั่งจากเจ้าของคอนโดมิเนียมว่าให้จัดการเปลี่ยนรหัสล็อกห้องพักของนางแบบสาวซึ่งเธอเป็นเพียงแค่พนักงานที่อยู่ภายใต้คำสั่งของเจ้านายจึงไม่สามารถถามไถ่อะไร
"อะไรนะ!? แต่นี่มันห้องพักของฉันนะมีสิทธิ์อะไรมาทำแบบนี้!?" ค่าห้องเธอก็จ่ายล่วงหน้าไว้หลายเดือนแล้วมีสิทธิ์อะไรมาทำกันแบบนี้ มันน่าฟ้องนักว่าคอนโดมิเนียมชื่อดังทำกับลูกค้ายังไง
"ปะ...เป็นคำสั่งของท่านทินกฤษณ์ค่ะ" ฝ่ายบุคคลสาวเอ่ยออกมาเสียงสั่น ๆ เมื่อเห็นนางแบบสาวกำลังปรี๊ดแตก คำตอบที่ได้ยินทำให้มิลลิกากำมือแน่นก่อนจะเดินกระทืบเท้ากลับออกไป
"คิดว่าทำแบบนี้แล้วหนูจะยอมหรือไง" แค่นี้ทำอะไรคนอย่างเธอไม่ได้สักนิด ถึงจะเข้าห้องตัวเองไม่ได้แต่เธอก็ยังมีที่อื่นให้ไปอีกเยอะแยะ
@คอนโดมินนี่
"แล้วแกจะทำยังไงต่อ?" มินนี่เอ่ยถามหลังจากวางแก้วน้ำส้มไว้ตรงหน้าเพื่อนรักแล้วขยับถอยหลังมานั่งโซฟาอีกตัวเมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดจากปากของเพื่อนรัก
"เรื่องแค่นี้ทำอะไรฉันไม่ได้หรอก ยังไงฉันก็ไม่ยอมไปที่ไร่บ้าบอนั่นแน่ ฉันไม่ยอมเด็ดขาด"
"เฮ้ออ แต่ฉันอยากให้แกคุยกับคุณอาให้เข้าใจนะอย่างน้อยก็ไม่ต้องทะเลาะกันแบบนี้" นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มิลลิกากับทินกฤษณ์ทะเลาะกันแต่ก็ไม่เคยมีครั้งไหนที่ชายวัยกลางคนจะทำกับลูกสาวแบบนี้มาก่อน
"เหอะ! ไม่มีทางหรอกแกก็รู้จักพ่อฉันนิ"
"เฮ้ออ" มินนี่ถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อนเพราะนิสัยของมิลลิกากับมินกฤษณ์นั้นเหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยนในเรื่องที่ไม่ยอมคนน่ะนะ แล้วยิ่งเรื่องนี้ทั้งสองพ่อลูกไม่มีทางยอมอ่อนข้อให้กันแน่ ๆ
"หรือว่าถ้าแกไม่สะดวกให้ฉันอยู่..."
"จะบ้าเหรอ แกจะอยู่ถึงเมื่อไรก็ได้แต่ที่ฉันพูดก็เป็นห่วงแกนั่นแหละไหนจะเรื่องงานเรื่องส่วนตัว"
ครืด~ ครืด~
"พี่เอมมี่โทรมา" มินนี่เอ่ยขึ้นเมื่อมองหน้าจอโทรศัพท์มือถือที่ปรากฏชื่อของเอมมี่ผู้จัดการส่วนตัวของเพื่อนรักที่นั่งอยู่ด้วยกันทำให้นางแบบสาวพยักหน้าก่อนที่นิ้วเรียวของเจ้าของโทรศัพท์จะกดรับสายพร้อมกับเปิดสปีกเกอร์โฟนแล้ววางไว้บนโต๊ะกระจกด้านหน้า
(ยัยมิลฉันรู้นะว่าแกอยู่ตรงนั้น) นางแบบสาวกลอกตามองบนอย่างเบื่อหน่ายเมื่อได้ยินชื่อของตัวเองออกมาจากปลายสายคงไม่พ้นเรื่องข่าวของเธอเอง
(ฉันพยายามโทรหาแกแต่แกไม่ยอมรับสายรู้ไหมว่าฉันจะบ้าตายอยู่แล้ว!) ไหนจะเรื่องงานไหนจะต้องดูแลนายแบบนางแบบในสังกัดยังต้องมาปวดหัวกับเรื่องข่าวของมิลลิกาที่ต้องตามแก้ให้อยู่ทุกวันจนเธอจะบ้าตายอยู่แล้ว
"..."
(แกอธิบายเรื่องข่าวเมื่อคืนมาเดี๋ยวนี้เลยนะ ฉันไม่น่าปล่อยให้แกอยู่คนเดียวเลยจริง ๆ) ถ้าหากเมื่อคืนเธอไม่กลับมาก่อนเรื่องมันคงจะไม่เป็นแบบนี้
"มิลไม่รู้ว่าไอ้รูปนั่นมันมาได้ยังไง มิลนั่งดื่มอยู่ที่บาร์จากนั้นก็รู้สึกมึน ๆ พยายามจะไปล้างหน้าที่ห้องน้ำหลังจากนั้นก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย"
(แกลองนึกดูดี ๆ ซิ ถ้ามันเป็นอย่างที่แกว่าแสดงว่าเรื่องนี้มันต้องมีอะไรมากกว่านั้น) เพราะจากที่รู้จักและมิลลิกาเป็นนางแบบในสังกัดเธอมาหลายปีตั้งแต่สมัยเรียนมันก็ทำให้เธอเชื่อมั่นในตัวคนของตัวเองว่าไม่ได้เป็นอย่างที่ในข่าวนำเสนอแต่แล้วยังไงเพราะสุดท้ายการที่จะทำให้คนอื่นเชื่อก็ต้องหาหลักฐานมาประกอบ
"คลับดังขนาดนั้นนมันไม่มีกล้องวงจรปิดเหรอคะ?" เป็นเสียงของมินนี่ที่เอ่ยขึ้น คลับเมื่อคืนเป็นคลับหรูจะเป็นไปได้อย่างไรถ้าไม่มีกล้องวงจรปิด
(พี่โทรไปถามแล้วทางผู้จัดการร้านบอกว่ากล้องเสียยังไม่ทันได้ซ่อม)
"มันจะไม่เป็นการบังเอิญเกินไปเหรอคะ? ยัยมิลโดนแอบถ่ายแถมกล้องที่จะเป็นหลักฐานยังจะมาเสียอีก)
(มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญพี่ว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านั้น แล้วทางเดียวที่เราจะรู้ได้ว่าใครเป็นคนทำแบบนี้ก็คือการที่ยัยมิลจะจะต้องนึกให้ออกว่าผู้ชายในรูปเป็นใคร) เพราะถ้าหากมิลลิกาจำได้ว่าชายนิรนามในรูปที่เป็นคนอุ้มเธอไปยังห้องนั้นเป็นใครทุกเรื่องมันก็จะง่ายขึ้น
นางแบบสาวนิ่งไปพยายามคิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืน เธอพยายามนึกให้ออกว่าใครกันแน่ที่เป็นคนอุ้มเธอไปที่ห้องข้างบนนั่น
"มิลจำได้แล้ว ถ้ามิลจำไม่เป็นผู้ชายคนเมื่อคืนคือพี่ธันวา"
(อะไรนะ!?)
"อะไรนะ!?" เสียงของเอมมี่และมินนี่ประสานกันออกมาเมื่อได้ยินชื่อของชายนิรนามในรูปที่เป็นตัวต้นเหตุ
--------
นึกภาพลูกคุณหนูไปอยู่ที่ไร่ก็สนุกแล้วแต่เวลาเขียนออกมานี่สิ....