พยศรักพ่อเลี้ยงบ้านไร่ 05
ตัวต้นเหตุ
(แกมั่นใจเหรอยัยมิล?)
"มิลก็ไม่แน่ใจนะ มันเห็นแค่ลาง ๆ ตอนนั้นมันเหมือนไม่ได้สติมันบอกไม่ถูกจริง ๆ แต่มิลรู้ตัวเองนะว่าควรดื่มแค่ไหนแต่ไอ้อาการเมื่อคืนมันเหมือนง่วงนอนมากกว่า" ถ้าถามว่ามั่นใจไหมว่าคนเมื่อคืนคือธันวาเธอตอบได้เลยว่าไม่เพราะตอนนี้ตาเธอพร่ามัวไปหมดมองเห็นก็ไม่ชัดนัก แต่สิ่งหนึ่งที่เธอมั่นใจเลยคืออาการที่เป็นเมื่อคืนมันไม่ใช่อาการของคนเมาแต่ทว่ามันเป็นเหมือนกับการโดนยาเสียมากกว่า
"นี่แกโดนยาเหรอยัยมิล" มินนี่ตกใจไม่น้อยเมื่อได้ยินสิ่งที่เพื่อนรักบอก
"ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่อาการเมากับไม่เมาฉันแยกแยะได้นะว่ามันไม่เหมือนกัน"
(แล้วเมื่อคืนแกกลับยังไง?)
"มิลก็ไม่รู้เหมือนกันรู้ตัวอีกทีก็ตื่นขึ้นมาในห้องนอนตัวเองแล้ว พอถามคุณพ่อท่านก็บอกว่าลูกน้องของท่านเป็นคนพากลับ"
"งั้นก็แปลว่าคนที่ช่วยแกก็คือลูกน้องของคุณอาสิ"
"ไม่ ฉันว่าไม่ใช่แต่ฉันก็จำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว ฉันไม่รู้จะหาหลักฐานจากที่ไหน" ไม่ว่าจะพยายามคิดยังไงเธอก็ไม่สามารถจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้มากกว่านี้แล้ว
(ตอนนี้สิ่งที่แกต้องทำเลยก็คือพยายามอย่าออกไปไหนคนเดียว ตอนนี้นักข่าวมันกำลังเล่นข่าวของแกอยู่รอจนกว่าข่าวจะเงียบ ตอนนี้หลายแบรนด์ก็ติดต่อฉันมาถึงเรื่องของแกฉะนั้นตอนนี้แกควรอยู่เงียบ ๆ จะดีที่สุด)
"โอ๊ยเฉาตายพอดี พี่ก็รู้นิว่าจะให้แต่มิลอยู่ที่ห้องมันไม่ได้อีกอย่างตอนนี้มิลก็มาอยู่กับยัยมินเนี่ย) จะให้คุณหนูขาช้อปอย่างเธอมานั่ง ๆ นอน ๆ อยู่แต่ในห้องเธอทำไม่ได้เด็ดขาด แล้วข่าวนั่นมันก็ไม่ใช่ความจริงทั้งหมดแล้วทำไมเธอจะต้องเอาแต่เก็บตัวราวกับทำผิดด้วย
(นี่คือคำสั่งของฉัน สมควรแล้วที่พ่อแกทำแบบนี้น่ะ)
"ชิ! ไม่รู้แหละยังไงมิลก็ไม่ยอมนอนอุดอู้อยู่แต่ในห้องแน่" พูดจบนางแบบสาวก็ลุกจากโซฟาเดินหนีเข้าไปในห้องครัวทันทีทำให้มินนี่ได้แต่ส่ายหัวไปมา
(ยัยมิล!)
"เดี๋ยวมินดูยัยมิลเองค่ะพี่ไม่ต้องห่วง"
(ถ้างั้นพี่ฝากด้วยแล้วกันยัยนั่นทั้งดื้อรั้นจนพี่ปวดหัวไปหมดแล้ว) มินนี่หัวเราะเบา ๆ ให้กับน้ำเสียงที่เหนื่อยอ่อนแฝงไปด้วยความเอือมระอาของเอมมี่ก่อนที่อีกฝ่ายจะวางสายไป
"ทำไมแกถึงคิดว่าเป็นธันวา?" เสียงของมินนี่ทำให้มิลลิกาที่กำลังทำแซนด์วิชอยู่ในครัวนิ่งไปก่อนจะเอ่ยตอบ
"น้ำเสียงและแววตามั้งถึงฉันจะมองเห็นไม่ชัดแต่ฉันก็ไม่โทษใครมั่ว ๆ หรอกนะ" ถ้าเธอไม่มั่นใจเธอคงไม่พูดออกมาแต่ติดที่ไม่มีหลักฐานจะสาวไปถึงเขาได้ว่าเขาทำจริง ๆ แล้วจุดประสงค์มันคืออะไรกันแน่ในเมื่อธันวาเองก็มีแฟนสาวในวงการอย่างแพรพลอยอยู่แล้ว
"ฉันเชื่อว่าแกไม่ได้เป็นคนแบบนั้น แต่แกก็รู้ใช่ไหมว่าแกเป็นคนดังยิ่งมีชื่อเสียงมากเท่าไรนักข่าวก็ยิ่งเล่นข่าวแกมากเท่านั้น" และยิ่งเป็นข่าวฉาว ๆ แบบนี้คนยิ่งให้ความสนใจยิ่งไม่แปลกที่นักข่าวหลายสำนักจะพากันเล่นข่าวนี้
"เพราะแบบนี้ไงฉันถึงจะมัวอุดอู้เก็บตัวอยู่แต่ในที่ลับไม่ได้เพราะมันไม่ได้เป็นความจริงตามที่นักข่าวมันเสนอ"
"แต่ตอนนี้มันก็ยังไม่มีหลักฐานมายืนยันนิ ที่พูดเพราะฉันเป็นห่วงแกนะยัยมิล"
"ฉันรู้ แต่แกไม่ต้องเครียดกับเรื่องนี้ ในเมื่อฉันไม่ได้ทำตามข่าวนั่นฉันก็จะไม่เก็บตัวเหมือนว่าตัวเองทำจริง ๆ" มินนี่ได้แต่มองหน้าเพื่อนรักแล้วถอนหายใจ เธอรู้จักมิลลิกาดีว่าถ้าหากเจ้าตัวคิดจะทำอะไรแล้วไม่ว่าใครก็ขัดไม่ได้
อีกฝั่งของเพนเฮ้าส์หรูกลางเมืองหลวง
"นายจะให้ผมสั่งลบข่าวพวกนี้ไหมครับ?" เสียงของนาวินลูกน้องคนสนิทเอ่ยขึ้นในขณะที่ร่างสูงกำยำของพ่อเลี้ยงหนุ่มกำลังยืนถือแก้วกาแฟนมองทิวทัศน์กลางเมืองอยู่ระเบียงห้อง
"ไม่ต้อง เครื่องเรียบร้อยแล้วใช่ไหมอีกหนึ่งชั่วโมงฉันจะกลับ"
"เรียบร้อยครับนาย" นาวินโค้งหัวลงเล็กน้อยเมื่อเห็นสัญญาณมือหนาของเจ้านายที่สั่งให้เขาออกไปก่อนที่เท้าหนาจะหมุนกลับแล้วเดินออกจากห้องไปโดยปล่อยให้ร่างสูงใหญ่ยืนนิ่งคิดอะไรบางอย่างอยู่ในหัว
หลายวันต่อมา
"นี่มันก็หลายวันแล้วพวกนักข่าวมันยังไม่เลิกเล่นข่าวกันอีกเหรอ!?" น้ำเสียงของมิลลิกาเอ่ยออกมาด้วยความเบื่อหน่ายพร้อมกับโยนไอแพดลงบนเตียงอย่างหงุดหงิด ตลอดหลายวันที่ผ่านมาเธอพยายามอยู่นิ่ง ๆ ไม่ออกไปไหนตามคำสั่งของเอมมี่ผู้จัดการสาวแต่ทว่าเรื่องมันกลับไม่เงียบลงมีแต่จะเพิ่มขึ้นเพราะฝ่ายแอนตี้โจมตีเธอหนักขึ้นโดยการเขียนข่าวว่าทั้งหมดมันคือเรื่องจริงเพราะเธอไม่ออกไปให้สัมภาษณ์กับสื่อ
แกร๊ก~
"นั่นแกแต่งตัวจะออกไปไหน?" มินนี่ที่เปิดประตูเข้ามาในห้องนอนก็เอ่ยขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนรักแต่งตัวด้วยชุดเดรสที่พร้อมจะออกไปข้างนอก ทั้งที่ตลอดเกือบหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมามิลลิกายอมอยู่ในห้องไม่ออกไปไหนตามคำสั่งของเอมมี่
"ฉันก็จะออกไปข้างนอกน่ะสินี่ฉันยอมอยู่นิ่งยอมทนอุดอู้อยู่แต่ในห้องมาหลายวันแล้วนะแต่ไม่เห็นว่าไอ้ข่าวบ้านั่นมันจะเงียบลงเลย เพราะฉะนั้นวันนี้ฉันจะไม่ทนให้พวกมันโจมตีฉันอยู่ฝ่ายเดียวแน่" ยิ่งเธออยู่เฉยก็ถูกแอนตี้โจมตีรุนแรงขึ้นเพราะฉะนั้นเธอจะไม่อยู่เงียบ ๆ แบบที่ผ่านมาอีกต่อไป
"แต่ฉันว่า..."
"แกก็รู้ว่าถ้าฉันตัดสินใจอะไรแล้วไม่ว่าใครก็ขัดฉันไม่ได้ ถ้าแกไม่ว่างฉันจะออกไปคนเดียว" พูดจบนางแบบสาวก็คว้ากระเป๋าสะพายข้างแบรนด์ดังมาคล้องไหล่ก่อนจะเดินผ่านหน้ามินนี่ออกไปทำให้มินนี่ได้แต่ถอนหายใจแต่ทว่าสุดท้ายก็ต้องออกไปกับเพื่อนรัก
"นางแบบคนนี้ใช่ไหมที่มีข่าวฉาวอยู่ในตอนนี้น่ะ"
"อืมใช่ เห็นว่าคนนี้มีแต่ข่าวฉาว ๆ มานานแล้วนะแต่ไม่เรื่องใหญ่เท่านี้มาก่อน นี่ไม่รู้ว่าอยู่ในวงการมาได้ยังไงนานขนาดนี้" เสียงพูดคุยของหญิงสาวสองคนดังขึ้นในระหว่างที่มิลลิกากับมินนี่เดินอยู่ในห้างสรรพสินค้าดัง
"อย่าไปสนใจเลยแก" มินนี่บีบมือเพื่อนรักเบา ๆ เป็นเชิงเตือนสติไม่ให้มิลลิกาวู่วามทำอะไรที่ไม่ควร
"ฉันไม่สนใจหรอกก็แค่เสียงเห่า...ไม่สิเสียงนกเสียงกาไม่ได้มีค่าขนาดนั้น" นางแบบสาวปรายตามองหญิงสาวสองคนนิ่ง ๆ ก่อนจะเดินผ่านหน้าของไปทำให้หญิงสาวทั้งสองคนกำมือแน่นก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปลงโซเชียลเรียกแอนตี้ให้เข้ามารุมเล่นงานนางแบบชื่อดังจอมหยิ่งยโส
"มองกันอยู่นั่นแหละไม่เคยเห็นคนกันรึไงวะ?" นางแบบสาวสบถออกมาด้วยน้ำเสียงหยาบคาย ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็มีแต่คนมองมาพลางพูดซุบซิบนินทานี่ถ้าเธอไม่มีความอดทนมากขนาดนี้มีหวังจะเข้าไปตบคนพวกนั้นแล้ว
"เอาน่า อย่าไปสนใจเลยแค่แกไม่เดินเข้าไปตบคนพวกนั้นก็ถือว่าแกอดทนมากแล้ว ไปหาไรกินก่อนดีกว่าแกจะได้อารมณ์เย็นขึ้น" มินนี่จูงแขนเพื่อนรักเข้าไปในร้านอาหารอิตาเลียนทันทีโดยที่มิลลิกาเองก็ยอมเดินตามไปอย่างไม่เรื่องมาก
"ทำไมไม่กินฉันเห็นแกเขี่ยอาหารในจานนานแล้วนะ" มินนี่เอ่ยออกมาหลังจากที่อาหารมาเสิร์ฟได้สักพักแล้วแต่ทว่าเพื่อนรักของเธอกลับไม่ยอมทานเอาแต่เขี่ยอาหารในจานไปมาจนเธออดที่จะเอ่ยถามขึ้นไม่ได้
"ฉันไม่ค่อยหิว แกกินเถอะ" มือเรียวรวบช้อนวางไว้ในจานก่อนจะยกแก้วน้ำเปล่าขึ้นมาดื่ม
"งั้นออกไปเดินชอปปิงกันไหม เอาตรง ๆ นะฉันเห็นแกเงียบแบบนี้แล้วไม่ชินเลยอะ" เมื่อเห็นเพื่อนรักดูซึม ๆ ไม่เหมือนเดิมเธอก็ทานอะไรต่อไม่ลงเช่นกัน
"แกกินต่อเถอะ"
"ฉันอิ่มพอดี"
"งั้นวันนี้ฉันเลี้ยงแกแล้วกันตอบแทนที่แกให้ที่อยู่ฉันมาหลายวัน" นางแบบสาวกวักมือเรียกพนักงานมาเช็กบิลก่อนจะยื่นบัตรเครดิตให้กับพนักงานไป
"เอ่อ...ขอโทษนะคะ ไม่ทราบว่าบัตรคุณลูกค้าเสียรึเปล่าคะพอดีทางเราพยายามรูดหลายครั้งแล้วแต่ก็ใช้ไม่ได้ค่ะ" เสียงของพนักงานของร้านคนเดิมดังขึ้นอย่างนอบน้อมทำให้นางแบบสาวหันมองทันทีด้วยความไม่พอใจกับสิ่งที่ได้ยิน
"คุณรูดดีแล้วรึเปล่าคะ หรือไม่ก็อาจจะเป็นที่เครื่องของคุณก็ได้ พูดแบบนี้มันจะดูถูกกันเกินไปหน่อยไหม" มีสิทธิ์อะไรมาหาว่าบัตรเครดิตของเธอใช้งานไม่ได้ทั้งที่เป็นบัตรเครดิตแบบไม่จำกัดวงเงิน
"มิลใจเย็น ๆ สิ"
"เย็นอะไรล่ะแกก็ดูสิว่าพนักงานพูดดูถูกฉันแค่ไหน" เสียงโหวกเหวกที่ดังขึ้นทำให้ลูกค้าในร้านต่างมองมากันอย่างให้ความสนใจก่อนจะหันไปซุบซิบกับคนข้าง ๆ
"รูดดีแล้วจริง ๆ ค่ะแต่มันใช้งานไม่ได้จริง ๆ ไม่ทราบว่าพอจะมีบัตรอื่นอีกไหมคะ"
"หึ" มิลลิกาหยิบบัตรเครดิตในกระเป๋าออกมาอีกสองใบก่อนจะยื่นให้กับพนักงานด้วยใบหน้าไม่สบอารมณ์ เหตุการณ์แบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับเธอมาก่อน
"เอ่อ...บัตรทั้งสองใบนี้ก็ใช้งานไม่ได้เหมือนกันค่ะคุณลูกค้า"
"อะไรนะ!? นี่มันจะดูถูกกันไปหน่อยรึเปล่าฮะ! บัตรเครดิตของฉันไม่ใช้ได้ทุกใบ" ครั้งนี้นางแบบสาวปรี๊ดออกมาเมื่อได้ยินคำพูดจากปากของพนักงาน
"เอาของฉันไปก็ได้ค่ะ" มินนี่รีบยื่นบัตรเครดิตของตัวเองให้กับพนักงานแทนโดยที่ได้แต่มองเพื่อนรักที่เดินออกจากร้านไปด้วยความหัวเสียครั้นจะรีบตามไปก็ยังไม่ได้บัตรเครดิตคืน
"พ่อ...ใช่ ฝีมือของคุณพ่อแน่ ๆ" ไม่รอช้าหลังจากที่เดินออกมาในมุมเงียบเธอจึงรีบหยิบโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าสะพายข้างออกมากดโทรหาทินกฤษณ์ทันทีเพราะเหตุการณ์นี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับเธอแล้วขนาดคอนโดมิเนียมพ่อเธอยังสั่งปิดได้แล้วมันจะยากอะไรกับการระงับบัตรเครดิตของเธอ
"พ่อคะนี่พ่อสั่งระงับบัตรเครดิตของหนูใช่ไหม!?" น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความไม่พอใจหลังจากที่ปลายสายกดรับ
(ใช่)
"แต่พ่อไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้กับหนูนะ นั่นมันเงินของหนูพ่อไม่มีสิทธิ์มาทำแบบนี้ส่วนคอนโดนั่นก็ด้วย คุณพ่อจะทำเกินไปแล้วนะคะ"
(จะมีสิทธ์หรือไม่มีสิทธิ์ฉันก็ทำไปแล้วแกก็เห็นนิ แล้วไอ้เงินพวกนั้นส่วนหนึ่งมันก็เป็นเงินของฉันเพราะฉะนั้นฉันมีสิทธิ์ที่จะทำอะไรกับมันก็ได้ถ้าแกยังต่อต้านฉันอยู่แบบนี้)
"คุณพ่อ!! คิดว่าทำแบบนี้แล้วหนูจะยอมไปอยู่ที่ไอ้ไร่บ้า ๆ นั่นเหรอคะฝันไปเถอะ!"
(เอาสิถ้าแกคิดว่าแกจะใช้ชีวิตได้ถ้าแกไม่มีอะไรติดตัวเลยสักอย่าง)
"หมายความว่าไง? พ่อจะทำอะไรอีก"
(แกก็รู้ว่าคนอย่างฉันทำอะไรได้บ้างถ้าแกยังดื้อดึงอยู่แบบนี้ แกอย่าคิดว่าแกจะไปอยู่คอนโดเพื่อนแกได้ตลอดไปนะมิลลิกา ถ้าวันนี้แกไม่เข้ามาคุยกับฉันรถที่แกขับอยู่ต่อไปแกจะไม่ได้ใช้มันอีก)
"คุณพ่อ!!" นางแบบสาวหัวเสียไม่น้อยเมื่อถูกผู้เป็นพ่อยื่นคำขาดก่อนจะตัดสายไป
"เป็นอะไรรึเปล่ายัยมิล" มินนี่ที่เดินตามออกมาทีหลังเห็นเพื่อนที่สีหน้าไม่สบอารมณ์ก็เอ่ยถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง เกาได้ไม่ยากว่าเพื่อนรักของเธอจะต้องทะเลาะกับผู้เป็นพ่ออีกเช่นเคย
-------
นางเอกที่ร้ายเสมอต้นเสมอปลายค่ะ
อ่านแล้วคอมเมนต์เป็นกำลังใจให้ไรท์ด้วยนะคะ