เห็นอีกฝ่ายโน้มใบหน้าลงหา จึงเม้มปากแน่น พร้อมหลับตาปี๋พร้อมกับจินตนาการไปตามวัย
ก่อนจะแว่วเสียงหัวเราะของเขาดังเบา ๆ แล้วก็ไม่มีรอยสัมผัสใด ๆ ทั้งสิ้นก็ค่อยเปิดตาข้างหนึ่งขึ้นมอง
“เป็นอะไร” เสียงเขาถาม ทั้งยังมองมาด้วยสายตาที่ทำให้เธอต้องอายหนักยิ่งขึ้นไปอีก เลยอ้อมแอ้มพูดไปว่า
“ปะ เปล่าค่ะ”
“แล้วทำไมหน้าแดงขนาดนั้น”
“พราวเปล่าหน้าแดงนะ” ปฏิเสธเขาแล้วหันหน้าหนี ยกมือขึ้นประคองใบหน้าของตัวเอง ที่คิดสงสัยไปว่ามันแดงจริงอย่างที่เขาว่าหรือเปล่า แล้วแก้เขินด้วยการเดินไปที่รถเข็นขายไส้กรอกอีสานข้าง ๆ ตรงนั้น ถามคนขายไปว่า
“เปรี้ยวไหมคะ”
คนขายพยักหน้าชี้ว่ากองไหนบ้างที่เปรี้ยวและไม่เปรี้ยว เลยชี้ว่าเอาสองไม้นี้ กำลังจะล้วงเงินจ่ายแต่แล้วฐิรดลกลับยื่นเงินของเขาส่งให้ เขารับถุงของกินแล้วส่งให้เธอ พร้อมเอียงหน้าลงถาม
“อร่อยหรือ”
แหวกปากถุงออกแล้วก็ค่อยยื่นให้เขากินก่อนหนึ่งไม้
ฐิรดลรับมาแล้วกัดคำเล็ก ๆ ก่อนหนึ่งคำ เคี้ยวด้วยสีหน้าชอบกล บอกกลับมาว่า “รสชาติแปลก ๆ เปรี้ยวยังไงก็ไม่รู้บอกไม่ถูก”
“อร่อยออกค่ะ”
“พราวดูนั่น” ฐิรดลชี้ชายแต่งตัวแปลก ๆ คนหนึ่งให้เธอดู
“แต่งตัวเหมือนไส้กรอกที่พราวกินเลย”
“พี่คีย์” เด็กสาวร้องเรียกเขาพร้อมกับขำจนสำลักไส้กรอกอีสานไปด้วย ฐิรดลเองก็ขำไปด้วยเขาส่งน้ำดื่มให้ รับมาดื่มแล้วกินที่เหลือต่อจนหมดพร้อมกับผักสดในถุง ก่อนจะถูกจับมือแล้วดึงให้ลุกขึ้น พาวิ่งออกจากงานยังอีกทิศทาง
ภัทรวรินทร์ไม่มีเวลาคิด เด็กสาววิ่งตามเขาไปด้วย จนเขาหยุด ถึงได้ออกปากถามเขา
“มีอะไรหรือคะ”
“เจอโจทย์น่ะสิ”
“อย่างพี่คีย์ มีโจทย์ด้วยหรือคะ”
“มีสิ”
เขาพาเธอวิ่งอ้อมไปยังรถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ของเขาที่จอดอยู่ด้านนอก ถึงแล้วก็ถามเธอว่า
“พราวหิวไหม”
“นิดหน่อยค่ะ”
“เพิ่งกินไส้กรอกถุงใหญ่ไปเมื่อกี้ยังไม่อิ่มอีกนะ” เขาแซวก่อนบอกต่อ “ถ้ายังไม่อิ่ม เดี๋ยวพี่จะพาเด็กกินจุไปร้านอร่อยร้านนี้ พราวเคยไปหรือยัง”
“ร้านไหนคะ”
“มาขึ้นมา” ฐิรดลเดินไปคร่อมบนรถจักรยานยนต์คู่ใจของเขาแล้วเสียบกุญแจ ตบเบาะให้เธอตามขึ้นมา
“เร็ว”
ภัทรวรินทร์ยิ้มแล้วเข้าไปขึ้นคร่อมที่เบาะที่เหลือด้านหลัง ยังไม่ทันตั้งท่า เขาบิดเร่งความเร็วออกรถ*เบา ๆ* จนเธอผวากอดเอวเขาเอาไว้แน่น
“พี่คีย์น่ะ เกิดพราวตกรถหัวฟาดไปเนี่ย พิการเลยนะ”
ฐิรดลเอียงหน้ามาบอกทันทีเลยว่า “พี่จะรักษาพราวเอง”
“จบก็ยังไม่จบเลย จะรักษาพราวหายได้ยังไงกัน”
“ระดับพี่คีย์ ปีนี้เรียนจนจบเลยก็ยังได้”
ไม่เคยคิดมาก่อนว่าเขาจะขี้โม้ได้ขนาดนี้ ภัทรวรินทร์นั่งโต้ลมเดี๋ยวเดียวก็โอบแขนไปกอดเอวเขาไว้หลวม ๆ ฐิรดลยิ้มก่อนจะละมือข้างหนึ่งมาดึงแขนเธอเอาไปโอบรอบเอวของเขาทั้งยังกดออกแนวบังคับให้เธอกอดให้แน่นอีกด้วย
เด็กสาวออกร้อนไปทั้งหน้า ยอมถูกบังคับ หรือจะเรียกว่าเป็นการยินยอมให้ถูกบังคับก็ว่าได้
เขาพาเธอไปกินก๋วยเตี๋ยวน้ำตกท้ายซอยลึกที่ทั้งไกลและเปลี่ยว แต่ไปถึงที่ร้านคนกลับพลุกพล่านอย่างไม่น่าเชื่อ เกือบต้องรอคิวนานเลย แต่ดีที่เจ้าของร้านรู้จักกันดีกับฐิรดลจึงยกโต๊ะในสุดของร้านให้เข้าไปนั่งได้เป็นแขกพิเศษ
ภัทรวรินทร์ไม่เคยออกมากินอะไรแบบนี้กับเพื่อนต่างเพศมาก่อนก็ทำให้ออกอาการเก้อกระดากไม่น้อย ขณะกำลังนั่งรอก๋วยเตี๋ยวอยู่นั่นเอง พบว่าเหมือนถูกจ้องมองจากใครบางคน หันไปมองรอบ ๆ พบว่ามีคนจ้องเธออยู่จริง ๆ ก่อนที่เสียงเรียกของฐิรดลจะดังขึ้นที่ข้าง ๆ
“พราว”
เด็กสาวตกใจเล็กน้อย หันไปหาเขาพร้อมขานรับ “คะ”
“เหม่ออะไร”
“ไม่มีอะไรค่ะ”
“พี่ถามว่าเรื่องติว พราวอยากเริ่มเลยไหม พี่จะจดสรุปเนื้อหาเอาไว้ให้” ฐิรดลถามเรื่องเรียนและเนื้อหาของวิชาที่เธอเคยบอกเขาไป ไม่คิดว่าเขาจะอาสาช่วยเธอถึงขนาดนี้ นึกว่าเขาแค่ชวนพูดชวนคุยเฉย ๆ เพียงเท่านั้น
คุยกันไปไม่นาน ก๋วยเตี๋ยวน้ำตกที่ชายรุ่นพี่การันตีว่าอร่อยก็ถูกนำมาวางลงที่ตรงหน้า
ขนาดว่ากินอะไรมาจากงานวัดแล้วนะ ยังสามารถอัดก๋วยเตี๋ยวไปได้ถึงสองชามได้เลย กินอิ่มก็มองหาเจ้าของสายตาคู่ที่มองเธอเมื่อครู่ ปรากฏว่าทางนั้นไปแล้ว ออกไปตอนไหนเธอไม่ทันได้มองเสียด้วยสิ
เขาพามาส่งบ้านในเวลาต่อมา
ภัทรวรินทร์ถือเจ้าตุ๊กตาที่ฐิรดลควักเงินซื้อให้จากซุ้มปาเป้าแน่นไม่ยอมปล่อย รู้สึกดีและหวงแหนขึ้นมาเล็กน้อย ตั้งใจว่าจะเอาไว้นอนด้วยที่บนเบาะนอนของตัวเอง
“พราว”
“คะ”
“พรุ่งนี้พี่ต้องกลับแล้ว”
“ค่ะ ตั้งใจเรียนนะคะ”
“พราวก็เหมือนกัน”
“พราว”
“คะ”
“พี่โทรหาพราวทุกวันได้ไหม”
เด็กสาวยิ้มเอียงอายก่อนจะอ้อมแอ้มตอบไปว่า “ค่ะ ได้ค่ะ”
ฐิรดลไม่ถามอะไรอีก เขามองเธอนิ่ง ๆ ก่อนจะหันกลับไปควบรถของเขา พาออกไปจากตรงนั้น
“กลับดึกนักนะ”
สมสมรร้องทักตอนที่เด็กสาวเปิดประตูบ้านแย้มเบา ๆ จะเดินเข้าไป
“จ้ะ”
“อย่าเที่ยวไปทั่ว อย่าทำตัวให้เขามองว่าง่าย อย่าได้หลงละเลิงไปคำของพวกผู้ชาย น้าจะเตือนเอ็งเอาไว้ก่อน”
ยิ้มแล้วพยักหน้าเบา ๆ ตอบรับท่านกลับไป
“จ้ะน้า พราวไปนอนก่อนนะจ๊ะ”
หลังจากวันที่ออกไปเที่ยวกับเขา ฐิรดลโทรศัพท์หาเธอทุกวัน คุยด้วยเรื่องเรียนของเขา และเรื่องเรียนของเธอ ภัทรวรินทร์ไม่เข้าใจตรงไหนจะทำเครื่องหมายเอาไว้ แล้วตั้งหน้าตั้งตารอโทรศัพท์ที่เป็นสายของเขา
“ตั้งใจเรียนนะคะ”