“มึงหายไปไหนมาพราว ทำไมถึงกลับเอาป่านนี้”
เสียงทักถามจิกไม่พอ สายตายังมองสำรวจจับผิดอีกด้วยภัทรวรินทร์พูดไม่ออกไปครู่ ก่อนจะอ้อมแอ้มถามหาสมสมร
“น้าสมล่ะจ๊ะ”
“อะไรกันวะ มึงกับอีสมไปไหนมาไหนกันไม่รู้กันได้ยังไง เห็นทุกทีออกปากช่วยพูดแก้ต่างแก้ตัวให้กันอยู่เรื่อยเลยนี่หว่า” ทางนั้นกล่าวเหน็บด้วยน้ำเสียงสะใจแล้วยอมบอกในที่สุด “สมมันไปเยี่ยมแม่มัน มันไม่ได้บอกมึงหรอกหรือไง”
“ไม่ได้บอกจ้ะ เมื่อคืนพราวขอไปนอนบ้านเพื่อนก็เลยไม่รู้ว่าน้าสมจะไปเยี่ยมยาย” เด็กสาวยกให้แม่ของสมสมรเป็นยายของตน เพราะรักสมสมรไม่ต่างจากแม่ แล้วถามอีกฝ่ายไปอีกประโยคว่า
“น้าสมจะกลับวันไหนหรือจ๊ะ ได้บอกเอาไว้ไหม”
ทางนั้นบอกว่าคงจะเป็นเย็นพรุ่งนี้ ไม่ก็วันมะรืน ได้คำตอบแล้วก็พยักหน้า ขอเลี่ยงเข้าห้องไปอาบน้ำ ล้างเนื้อตัว ออกมากินข้าวรีบเข้านอนทันทีด้วยอาการครั่นเนื้อครั่นตัวคล้ายจะมีไข้
เช้าวันใหม่ภัทรวรินทร์รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวพอสมควร เด็กสาวเจ็บขัดตรงที่ตรงนั้นพอสมควร พอมาถึงโรงเรียนเห็นวิชาพลศึกษาที่อาจารย์ให้ทำท่าตีลังกาฉีกขาก็จำต้องขอว่าวันนี้เธอไม่ไหวเพราะรู้สึกเหมือนจะไม่สบาย
ฐิติชญามองมาแล้วก็เข้ามานั่งเบียดถามว่าเป็นอะไร จึงยิ้มส่ายหน้าบอกเพื่อนไป อีกฝ่ายเลยถามถึงเรื่องคืนนั้นอย่างใส่ใจไปว่า “แล้วคืนงานวันเกิดครีมน่ะ ทำไมพราวถึงหายไปแบบนั้นล่ะ จะกลับบ้านก็ไม่บอกครีมก่อนเลยว่าจะกลับ รู้ไหมว่าครีมเป็นห่วงพราวมากขนาดไหน”
รู้สึกผิดมาก ๆ ที่ทำให้คนอื่นต้องมาคอยห่วงแบบนี้ แล้วอึกอักหาข้อแก้ตัวมาปดเพื่อนต่อไปไม่ได้ เพราะนิสัยไม่ใช่คนเช่นนั้นก็ให้หน้าซีดลงเรื่อย ๆ ฐิติชญาเอามือมาแตะตามเนื้อตัวของเธอแล้วก็ทำหน้าตกใจ
“ทำไมหน้าซีดขนาดนี้ล่ะพราว เนี่ย ๆ ตัวร้อนด้วย ไม่สบายใช่ไหม โธ่เอ๊ย ที่แท้ก็ไม่สบายนี่เอง ยังจะมานั่งเกรงใจครีมอยู่อีก เพราะไม่สบายเลยอยากกลับสินะคืนนั้นน่ะ แล้วก็ไม่บอกครีมเลย”
ยิ้มฝืน ๆ พร้อมกับส่ายหน้า ฐิติชญายังคงรบเร้าต่อไม่เลิก
“ลุกขึ้นเร็ว ไปห้องพยาบาลดีกว่า”
และแล้วเธอก็ไม่มีโอกาสได้พูดอะไรออกไปทั้งนั้นเมื่อถูกเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวลากไปที่ห้องพยาบาล ครูพยาบาลวัดไข้แล้วก็พบว่าเธอมีไข้จริงแต่ไม่สูงมาก จึงให้กินยาและนอนพักที่ในห้องพยายาลต่อไปจนเลิกเรียน
ฐิติชญาอาสาจะให้คนขับรถพาไปส่งที่บ้าน แต่เธอไม่อยากให้เพื่อนต้องทำถึงขนาดนั้น จึงยิ้ม ทำตัวให้ดูว่าปกติดีแล้ว และขอกลับบ้านเอง
“เขาบอกว่าเขารักฉัน แล้วก็จะแต่งงานกับฉันแน่นอน”
“โอ๊ยอีโง่ ผู้ชายแบบนั้นเขาก็แค่หลอกให้มึงหลงงมงายเท่านั้นแหละโว้ย ใครจะมาจริงจังกับผู้หญิงแบบเรา ไม่มีหรอก จำใส่หัวเอาไว้”
“แต่คุณบวรเขาบอกว่าเขาเข้าใจฉัน เขารักฉันแบบที่ฉันเป็นจริง ๆ นะพี่”
“ผู้ชายมันพูดได้ทั้งนั้นแหละเวลามันอยากน่ะ” อีกคนเสริมพร้อมกับจิ้มผลไม้รสเปรี้ยวเข้าปากไปพลาง “อย่าปล่อยให้ท้องก็แล้วกัน กูเตือนมึงไว้ก่อนเลยนะ”
“ใช่ มึงอย่าปล่อยให้ท้องเด็ดขาด กูเคยมาแล้วจะบอกให้เอาบุญ ที่เคยบอกว่ารักนักรักหนา พอกูไปบอกมันเท่านั้นว่าท้อง แม่งหายหัวไปเลย”
อีกคนรับคำ ชี้นำไปยังหญิงสาวที่กำลังเด่นกำลังดังของที่นี่
“ดูอย่างอีนกสิวะ เมื่อก่อนก็เพ้อแบบนี้แหละ ตอนนี้มันหลอกแต่ผู้ชายรวย ๆ จนเงินในบัญชีของมันนะมีตั้งหลายแสนแล้วนะเว้ย”
“มึงก็น่าจะเลิกเพ้อได้แล้วนะ ผู้ชายเวลามันอยากเอา อยากให้มึงทำให้มัน ดี ๆ ให้มันพูดว่ายอมตาย ใครก็พูดได้ทั้งนั้นนั่นแหละ”
“ไม่ใช่เด็กรุ่น ๆ แบบอีพราวนะ ที่จะหัวอ่อนเชื่อขี้ปากไอ้พวกผู้ชายน่ะ ไม่เชื่อคอยดู พอมันได้จนเบื่อ มันก็จะถีบหัวส่งมึง”
เสียงสาว ๆ ในเรือนมาลีคุยกันโฉงเฉงตรงม้านั่งที่รอยต่อของทางเดิน
“ท่านเกษมเป็นยังไงบ้างวะ”
“ดีมากเลยจ้ะพี่ จ่ายหนักด้วย”
“เขาชอบมึงออกนะ”
“จ้ะพี่”
“อย่าให้หลุดไปได้ล่ะ รายนี้นะรวยของจริง รวยฉิบหายเลย บารมีก็เยอะ มึงต้องเอาใจให้มาก เข้าใจไหม”
“จ้ะพี่”
ภัทรวรินทร์เก็บผ้าพันคอที่เธอเริ่มหัดถักด้วยตัวเอง ตั้งใจจะทำให้ฐิรดลใส่ลงในถุงข้าวของจนเรียบร้อยดีแล้วก็ค่อยลุกเดินเลี่ยงออกจากตรงที่สาว ๆ ในเรือนมาลีมานั่งคุยนั่งดื่มกันตรงนั้น พร้อมกับความคิดเข้าข้างเขาผุดเข้ามาในหัว
ฐิรดลไม่ใช่ผู้ชายแบบนั้นอย่างแน่นอน
เขาไม่มีทางหลอกเธอ
และที่เขาเงียบหายไปก็เพราะว่าเขาต้องเรียนหนักต่างหาก
สัปดาห์นี้ทั้งสัปดาห์หลังกลับจากทะเลกับฐิรดล เขาโทรมาหาเด็กสาวแค่วันเดียวเท่านั้นคือวันที่สองหลังกลับมา หลังจากนั้นเขาก็หายไปเลย ไม่มีการติดต่อมาหาจนผ่านไปอีกสัปดาห์ขณะเดินกลับจากไปซื้อของก็เห็นรถมอเตอร์ไซค์คันคุ้นตาขับมาขวางหน้าเธอไว้
ตอนนั้นเองที่หัวใจของเด็กสาวเต้นแรงโลดจนเกือบจะหลุดออกไปกองที่พื้นอยู่รอมร่อแล้ว ก่อนจะค่อย ๆ สงบลงพร้อมด้วยอาการน้อยเนื้อต่ำใจที่แทรกตัวเบียดเข้ามาแทนที่อาการตื่นเต้นดีใจ
เขาดึงเอาหมวกออกจากศีรษะ ยิ้ม สบตาด้วยนิ่ง ๆ เป็นอึดใจแล้วก็ตบเบาะรถที่ด้านหลัง บอกด้วยเสียงอบอุ่นอย่างที่เป็นเขา
“ขึ้นมาเร็ว พี่ไปส่ง”
เท่านั้นเอง ภัทรวรินทร์ก็เดินตัวลอยลิ่ว ๆ ตรงไปขึ้นซ้อนท้ายรถของเขาแล้ว แต่ฐิรดลไม่ได้พาไปส่งบ้านอย่างที่บอก ชายหนุ่มรุ่นพี่พารถตีโค้งวาดออกไปยังจุดหมายปลายทางอีกที่
“ไปไหนคะพี่คีย์”
เด็กสาวร้องถามโต้กับเสียงลม แต่แล้วก็ไม่มีคำตอบใด ๆ ออกมาจากปากของเขา มีเพียงมือข้างหนึ่งของเขาที่ทั้งใหญ่และทั้งแข็งแรงมากกว่าดึงมือเธอให้กอดรัดที่เอวของเขาเอาไว้ให้แน่น ๆ