“เสียดายจังพี่คีย์มาไม่ได้ มีสอบวันจันทร์นี้น่ะ คุณพ่อก็เลยไม่ให้พี่คีย์กลับมางานวันเกิดของครีม ให้เตรียมอ่านหนังสือสอบที่หอ น่าสงสารชะมัดเลย พี่คีย์น่ะเรียนหนักมาก ๆ เลยนะพราว”
พยักหน้าอย่างเข้าใจ เพราะรู้อยู่เต็มอกว่าฐิรดลเรียนหนักมากอย่างที่ฐิติชญาบอก ที่แท้เขาก็มาไม่ได้จริง ๆ อย่างที่บอกไว้ตอนโทรคุยกัน
“คุณครีมคะ คุณแม่ให้มาตามไปไหว้ท่านเกษมค่ะ”
“คุณลุงมาหรือคะ” เสียงฐิติชญาตื่นเต้นดีใจไม่น้อย ก่อนจะหันมาจับมือเธอ “เดี๋ยวครีมมานะพราว คุณลุงเกษมมางานของครีมด้วยน่ะ ขอครีมไปอ้อนเอาของขวัญก่อนแล้วจะรีบกลับมา”
“จ้ะ ไปเถอะ”
เจ้าของงานเลี้ยงคล้ายวันเกิดบอก แล้วก็หอบเอาของขวัญเธอติดมือไปด้วยตอนไปต้อนรับแขกผู้ใหญ่ที่เพิ่งมาถึง เสียงทางนั้นดังครื้นเครงลั่นงานก่อนจะตามด้วยเสียงฮือฮา ท่าทางฐิติชญาจะได้ของขวัญถูกใจเพราะแว่วเสียงร้องวี้ดว้ายดังมาถึงโต๊ะที่เธอนั่งรออยู่นี่เลย
ขณะที่นั่งรอที่โต๊ะ ไม่มีใครคุยกับเธอเลยสักคนจึงลุกไปเข้าห้องน้ำ แต่แม่บ้านชี้ให้ไปเข้าที่ด้านหลังแทน ไม่ให้ใช้ห้องน้ำด้านในพร้อมกับบ่นไล่หลังเธอมาด้วยว่า
“ลูกใครบางก็ไม่รู้ ร้อยพ่อพันแม่ ไม่รู้ใครมือไว ใครไว้ใจได้บ้าง คุณหนูจัดงานก็อย่าให้เข้ามาในบ้านเด็ดขาด เกิดถูกใจข้าวของของคุณหมอชิ้นไหนแล้วฉวยติดมือเอาไปด้วย ใครจะไปตามเอากลับมาทันกัน”
“ค่ะคุณแม่บ้าน”
ยิ้มแล้วเดินไปยังห้องน้ำด้านหลัง เข้าไปทำธุระเสร็จแล้ว กำลังจะเดินย้อนกลับมาที่ด้านหน้า ก็ถูกมือจากใครสักคนปิดปากแล้วลากไปยังหลังห้องน้ำ
เด็กสาวตกใจมาก ดิ้นรน แตะ ถีบ ก่อนที่ใครคนนั้นจะยอมปล่อยมือจากเธอ ภัทรวรินทร์ยืนหอบหายใจหันไปมอง พอเห็นว่าเป็นใครก็ร้องออกมาเบา ๆ ด้วยการอาการดีใจปนตกใจอยู่พอสมควร
“พี่คีย์”
“ชู่ว เบา ๆ อย่าเสียงดังสิ”
“ทำไมพี่คีย์กลับมาได้ล่ะคะ ก็ไหน...”
“พี่แอบหนีกลับมาน่ะซิ คิดถึงแฟน”
เด็กสาวมองเขาตาค้าง ยิ่งได้ยินเขาเอ่ยคำว่า ‘แฟน’ ออกมาก็ยิ่งอายหน้าแดงหนักขึ้น ก่อนจะถูกฐิรดลดันเข้าไปให้ห้องเก็บของ ข้าง ๆ นั่นเสียก่อน
“คีย์ นี่ลูก...” เสียงถามของคนเป็นพ่อไม่ทันจบความดีด้วยซ้ำ ฐิรดลเอ่ยสวนออกไปว่า
“ผมกลับมาเอาหนังสือครับ”
“จะเอาหนังสืออะไร โทรมาก็ได้นี่”
“ก็แล้วทำไมจะต้องมาคอยกันคอยห้าม ไม่ให้ผมกลับบ้านด้วยล่ะครับคุณพ่อ ผมไม่เข้าใจเลย”
คนเป็นพ่อจ้องลูกชายเขม็ง ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยอารมณ์โมโหสุดขีด ก่อนตวาดกลับไปว่า “ก็เพราะเวลาที่แกกลับมา แกชอบเที่ยวเตร่ไปทั่วไงเล่า พ่อกับแม่ถึงไม่อยากให้กลับ แล้วก็ยังคบเพื่อนขี้ยาอีก และถ้าสอบเก็บคะแนนย่อยรอบนี้แกทำคะแนนเต็มไม่ได้อีก เราได้เห็นดีกันแน่”
“ผมไม่เรียนมันแล้วหมอหมาปัญญาอ่อนเนี่ย”
สิ้นเสียงคาดโทษของนายแพทย์กัมปนาท คำพูดน้อยใจของฐิรดลก็ตามหลังไปติด ๆ ก่อนจะถูกเสียงฝ่ามือฟาดลงหนัก ๆ ที่เนื้อตรงไหนสักที่ ตอนนั้นเองที่บรรยากาศเงียบชวนให้อึดอัดและน่าใจหาย ภัทรวรินทร์ยืนเงียบในห้องแคบ ๆ มืด ๆ ด้วยความเป็นห่วงและเป็นกังวลจนอยากเปิดประตูออกไปดูนักว่าข้างนอกนั่นเกิดอะไรขึ้น
“ถ้าแกเกเรแบบนี้ก็ไม่ต้องเรียน ลาออกไปเลย แล้วถ้าเก่งแบบที่ปากของแกพ่นคำอวดดีออกมาก็ไปหาเงินใช้เอง ไม่ต้องมาแบมือขอพ่อกับแม่”
“ผมก็ไม่อยากได้อยู่แล้วเงินของพ่อกับแม่น่ะ ดีเหมือนกันที่ไล่ผมแบบนี้ ผมจะได้ออกจากบ้านหลังนี้ ออกจากมหาลัยเฮงซวย ไม่ต้องทนเรียนในคณะที่ผมไม่ได้อยากเรียนนั่นอีก”
“เออ ก็ไปเลย ไอ้ลูกเวร ระยำ ไม่รักดี มึงไปจากกู ชีวิตมึงจะต้องตกต่ำแน่นอน ไปเลย แน่จริงไปสิวะ”
ก่อนจะตามมาด้วยเสียงทุบตีดังจนทะลุประตูห้องเก็บของที่เด็กสาวซ่อนตัวอยู่ในนั้น มือเล็ก ๆ ชื้นไปด้วยเหงื่อ หัวใจเต้นแรงทั้งกลัวแล้วก็ทั้งเป็นห่วงฐิรดล
ปกติเวลาเจอพ่อแม่ของฐิติชญา ท่านออกจะดูขรึม ไม่คิดว่าท่านจะลงไม้ลงมือกับลูกแบบนี้ หวังว่าเพื่อนของเธอจะไม่โดนแบบฐิรดลหรอกนะ
“อย่าให้กูเจอมึงอีกนะ ไปสิวะ มึงรีบไปเลย”
นายแพทย์กัมปนาทด่าไปพร้อมกับลงมือตีไม่หยุด จนอีกเสียงดังแทรกเข้ามาว่า
“มีอะไรกันคะคุณ”
“ดูลูกชายคุณสิ”
“คีย์ ทำไมลูกถึงกลับมาบ้านล่ะอาทิตย์นี้ ก็ไหนเราตกลงกันไว้แล้วไงว่าจะอยู่อ่านหนังสือสอบที่หอไง”
“มันบอกว่ามันมาเอาหนังสือ แต่ผมว่าไม่ใช่หรอก น่าจะหาเรื่องกลับมาเที่ยวเล่นมากกว่า กูจะบอกให้นะ ว่าถ้าไม่อยากเรียนแล้วก็ไปเลย มึงออกไปหาเงินใช้เองเลย ไป! ไอ้กระจอก ไปสิวะ กูบอกให้ไป!”
“พอแล้วคุณ เลิกตะโกนเสียงดังได้แล้ว เดี๋ยวแขกเหรื่อได้ยินกันหมดหรอก ท่านเกษมก็มางานด้วยนะคะคืนนี้”
แพทย์หญิงผู้เป็นภรรยากล่าวเตือนสามีแล้วหันมาสั่งฐิรดล
“จะเอาหนังสือก็เข้าไปเอา ได้ของครบแล้วแม่จะให้คนไปส่งที่หอ แล้วนี่กลับมายังไง”
ไม่มีเสียงตอบ ไร้เสียงพูดคุยที่ตรงนั้นไปแล้ว นานหลายนาทีแล้วก็ไม่มีเสียงอะไรอีกเลย พ่อและแม่ของฐิรดลคงเดินจากไปแล้ว ตรงนั้นจึงมีเหลือแค่ความเงียบ
เด็กสาวที่ยืนซุกในห้องค่อย ๆ ดันประตูออกไปมองหาคนที่ด้านนอก เห็นว่า ฐิรดลยังยืนนิ่งตรงนั้นก็ให้สงสารเขาจับหัวใจ
ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าครอบครัวที่ดูดีไปทุกอย่างแบบครอบครัวของเขาจะพูดจากันแบบนี้ อีกทั้งฐิรดลก็ยังมาถูกกดดันถึงขนาดนี้อีกด้วย
มองใบหน้าของเขาเห็นรอยปื้นแดงเต็มซีกแก้มของเขาชัดเจน แล้วยังมีหยดเลือดที่มุมปาก ก็ให้นึกสงสารและห่วงเขามากยิ่งขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว แต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดีเพื่อเป็นการปลอบใจเขา