ก่อนจะกลับมาที่นี่อีกครั้ง พร้อมแสดงความสนใจต่อดาวเด่นของเรือนมาลีในทันทีที่กลับมา
ประตูถูกเคาะเบา ๆ ไม่นานเสียงอนุญาตให้เข้าไปด้านในดังก้องขึ้น
ท่านเกษม หรือ นายเกษมสันต์เป็นอดีตรัฐมนตรีกระทรวงใหญ่ในรัฐบาลยุคหนึ่ง เขาเป็นชายมากวัยเจ้าของเรือนร่างอ้วน ใบหน้าแดงก่ำ ตาหยี จมูกอูมไปด้วยเนื้อแบบเดียวกับแก้มและปากที่เบียดกันขึ้นมาเป็นเครื่องหน้าของเขา
และเขาคือลูกค้ารายสำคัญของภัทรวรินทร์ในเวลานี้
ภัทรวรินทร์ทักลูกค้ารายสำคัญโดยการยกมือขึ้นไหว้อีกฝ่ายอย่างที่ถูกฝึกมารยาทมาเป็นอย่างดี พร้อมกับยิ้มน้อย ๆ เอ่ยทักด้วยน้ำเสียงกังวานใสมีเสน่ห์
“สวัสดีค่ะ รอพราวนานไหมคะ”
อีกฝ่ายลุกออกจากโซฟาเพื่อตรงเข้ามารับไหว้เธออย่างถึงเนื้อถึงตัว และภัทรวรินทร์ก็เรียนรู้วิธีหลบเลี่ยงการแตะสัมผัสอย่างเอาเปรียบได้เป็นอย่างดีเช่นกัน นั่นเองที่ทำให้ชายวัยหกสิบปลาย ๆ ต้องหัวเราะร่วนออกมาราวกับถูกใจท่าทีของเธอ พร้อมพูดขึ้นว่า
“ผมก็เพิ่งมาถึง”
สิ้นเสียงของเกษมสันต์ ประตูถูกดันเปิดจากใครสักคน พร้อมเสียงราบเรียบของคนมาใหม่กล่าวท้วงขึ้น “เป็นสองชั่วโมงที่เสียเวลามาก ๆ เลยครับคุณลุง”
ทั้งเธอและเกษมสันต์หันไปมองแทบจะพร้อมกัน ก่อนที่อดีตรัฐมนตรีจะหัวเราะดังลั่นอย่างที่ดูขบขันมากกว่าจะรำคาญชายคนนั้น ผิดจากกิริยาของหญิงสาวดาวเด่นแห่งเรือนมาลีที่ออกอาการคอแข็งขึ้นชั่วขณะหนึ่ง ที่เห็นว่ามีคนอื่นนอกจากลูกค้าคนสำคัญของเธอ
“หลานชายของผมน่ะพราว แวะมานั่งคุยเป็นเพื่อนผม”
เกษมสันต์บอกให้เธอได้รู้จักสถานะของชายคนนั้น ก่อนแนะนำอย่างเป็นทางการ
“พราวน่าจะคุ้นหน้าบ้างแล้วล่ะมั้ง หมอคีย์เขาดังออกจะตายไป เจ้าของ เฮลธิเวลธิกรุ๊ปไง ส่วนนี่พราวนะหมอ ผู้หญิงคนแรกที่ตอบรับนัดของลุงช้าที่สุดเลยตั้งแต่เคยนัดมาสาว ๆ มา”
ภัทรวรินทร์ทักทายอีกฝ่ายตามมารยาท แล้วก็เพิ่งสังเกตว่าที่โต๊ะตรงหน้านั้นมีแก้วเครื่องดื่มวางอยู่ เหล้าในขวดพร่องไปพอสมควร แสดงว่าพวกเขามาถึงที่นี่ได้สักพักหนึ่งแล้วอย่างที่ชายคนนั้นบอกจริง
เธอไม่เคยใช้ลูกไม้ปล่อยให้ลูกค้าต้องรอ จึงอดแปลกใจไม่ได้เมื่อได้ยินว่าเกษมสันต์มานั่งรอเธออยู่เกือบสองชั่วโมง แล้วถึงได้พูดด้วยน้ำเสียงตกอกตกใจเล็กน้อย “ท่านรอพราวนานสองชั่วโมงแล้วหรือคะ แย่จังเลยค่ะแบบนี้ พราวรู้สึกผิด นะคะ”
“พราวไม่ได้ผิดเวลานัดหรอก เป็นผมเองที่มาก่อนเวลาน่ะ ผมตื่นเต้นมากไปหน่อย ไม่คิดว่าพราวจะกรุณาผมด้วยการตอบรับนัดคืนนี้ เลยชวนหลานชายมานั่งดื่มด้วย หวังว่าพราวจะไม่ถือสาผมหรอกนะที่เสียมารยาท ชวนใครมาโดยไม่ถามพราวก่อน”
ภัทรวรินทร์ช้อนสายตามองแบบมีแง่งอน ก่อนตอบกลับเกษมสันต์ไปด้วยน้ำเสียงแบบหญิงสาวที่ชั้นเชิงสูงพอตัว “ไม่ถือสาหรอกค่ะ พราวก็แค่...นึกว่าท่านอยากดื่มกับพราวแค่สองคนเสียอีก”
เสียงหัวเราะฟังแล้วดูไม่ได้ขำเท่าไรนักดังมาจากหลานชายของอดีตรัฐมนตรีเกษมสันต์
“ดูเป็นผู้หญิงง่าย ๆ นะครับ”
คำพูดดูถูกเป็นนัยของอีกฝ่ายทำให้ภัทรวรินทร์นิ่งไปอึดใจ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงมีรอยยิ้มน่ามองประดับอยู่บนใบหน้า ก่อนที่เสียงหวานจะพูดตอบเขากลับไปว่า
“ขอบคุณสำหรับคำชมค่ะคุณหมอ”
ชายมากวัยมองที่เธอก่อนจะเลยไปถามกับทางหลานชายของท่าน “เป็นยังไง ตัวจริงสวยไหมคีย์”
นายแพทย์ฐิรดลยิ้มอย่างที่ไม่ใช่แบบชื่นชมแต่อย่างใด แล้วคว้าแก้มเครื่องดื่มของตนเองยกขึ้นจิบบาง ๆ เกษมสันต์เห็นแล้วอดกระเซ้าไม่ได้
“ไม่กล้าชมสาวที่ไหนเลยหรือกลัวยัยเหนือฉีกอกเอาล่ะสิ”
เขาหัวเราะออกมาเบา ๆ ไม่พูดอะไรเป็นการปฏิเสธ คนนอกอย่างเธอเลยทำเฉย ก่อนจะยื่นมือรับเครื่องดื่มจากบริกรของคลับ แล้วเข้าร่วมวงสนทนาบ้างเมื่อถูกซักถามเพียงเท่านั้น
หากมีคนอื่นด้วยแบบนี้แล้ว งานของเธอคงไม่ลุล่วง นึกแล้วหัวเสียเล็กน้อย เมื่อไม่เป็นไปตามแพลนที่วางเอาไว้ จนเห็นว่าชายสองคนคุยกันเพลิน จึงเอ่ยขอตัวเข้าห้องน้ำ แล้วลุกจากชุดเก้าอี้ในห้องนั้นเดินออกไปยังทางเข้าห้องน้ำที่เงียบกริบ
คืนนี้เธอไม่เป็นตัวของตัวเองเท่าไรนัก และภัทรวรินทร์ก็รู้คำตอบดีว่าเป็นเพราะอะไร
หากคนอื่นนัดเธอออกมานั่งคุยแล้วพ่วงใครมาร่วมนัดด้วยโดยไม่ได้บอกกล่าวล่วงหน้าก่อน ภัทรวรินทร์จะยกเลิกนัดทันที แต่กับเกษมสันต์เธอทำแบบนั้นไม่ได้
ครุ่นคิดพร้อมกับพ่นลมหายใจออกยาว ๆ เพื่อผ่อนคลายอาการไม่สงบของตัวเอง จนเห็นว่าดีขึ้นแล้วก็ค่อยดันประตูห้องน้ำออกไปที่ด้านนอก ก้าวเอื่อยเฉื่อยจนเกือบเลยทางเดินของห้องน้ำอยู่แล้วเชียว ร่างสูงใหญ่ของฐิรดลก็พ้นตรงหัวมุม จนได้ประจันหน้ากันพอดี
“ไม่เจอกันนาน” เขาทักด้วยน้ำเสียงและแววตาที่ไม่ได้ดูแตกต่างจากเมื่อตอนที่อยู่ในห้องเท่าไรนัก ก่อนส่งเสียงตามมาอีกสองคำ “นานมาก”
เธอมองเขา แสดงกิริยาอาการอย่างเดียวกันกับที่เขาทำกับเธอ เอ่ยถามด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
“คุณคุยกับใครคะ”
ฐิรดลมองสบตาเธอครู่ แล้วถามกลับด้วยรอยยิ้มหมิ่น ๆ “ตรงนี้มีใคร นอกจากคุณ”
“คุณจำผิดคนแล้วมั้ง ฉันกับคุณเคยพบ เคยรู้จักกันมาก่อนด้วยหรือ ถึงได้บอกว่าเราไม่ได้เจอกันมานานแล้วน่ะ”
นายแพทย์ฐิรดลมองเธอแล้วก็ค่อยเดินเข้ามายื่นหน้าลงบอก “ถ้ามีรอยแผลเป็นตรงชายโครงซ้าย ก็น่าจะใช่คนเดียวกัน ”
ภัทรวรินทร์มองหน้าเขานิ่ง ไม่ดิ้นไปตามคำยั่วแหย่ยั่วยุอารมณ์ของเขา แล้วถอยหลังออกห่าง เพื่อจะเดินกลับไปยังห้องที่นั่งดื่ม แต่แล้วกลับถูกดึงแขนเอาไว้เสียก่อน
“ต้องเล่นตัวเข้าไว้หรือ ค่าตัวถึงจะสูง”
น้ำเสียงดูถูกของเขา ทำให้เธอต้องตอบโต้ไปในแบบเดียวกัน “ถ้าอยากมากก็ไปหาเอาที่อื่น”
“ผมอยากได้คุณตอนนี้ซะด้วยสิ คิดราคามาเลย เผื่อผมสู้ไหว”
“หมอรายได้น้อยอย่างคุณสู้ราคาไม่ไหวหรอก”