“พี่คีย์ละคะคุณแม่”
“กลับหอแล้ว”
“อ้าว” ร้องงงตรงนั้นแล้วก็ค่อยเดินกลับเข้าห้องในเวลาต่อมา
ข่าวฉ้อโกงและเงินสินบนของอดีตนายตำรวจถูกสาวออกมาอีกครั้ง คราวนี้พัวพันไปหัวหน้าชุดสอบสวนชุดปัจจุบัน
สาว ๆ ในเรือนมาลียังไม่ได้เริ่มทำงานจึงพากันมารวมตัวที่ร้านของสมสมรแล้วพากันคุยถึงข่าวที่กำลังดังอยู่ในตอนนี้
“ฉันได้ยินพวกนั้นมันคุยกันว่าท่านเกษมอยู่เบื้องหลังแหละพี่”
“จะอยู่ตรงไหนก็อยู่ไปเถอะ ขอแค่มีเงินมาจ่ายให้พวกเราก็พอ จริงไหมวะ”
“จริงพี่”
ภัทรวรินทร์นั่งเหม่อ หัวคิดอะไรเลื่อนลอย บางจังหวะก็อดยกมือลูบกับแหวนของฐิรดลที่เอาไปห้อยเป็นจี้ไปแล้วไม่ได้ หูของเด็กสาวได้ยินทั้งข่าวและคำพูดของ สาว ๆ ในเรือนมาลีทุกคำแต่ไม่ได้เอามานั่งคิดตามเพราะกำลังห่วงไปถึงฐิรดล
ตั้งแต่วันที่เขามารับเธอไปนั่งเล่นที่สันเขื่อนและจองจำเธอด้วยแหวนทองวงสวยวงนี้แล้วเขาโทรมาหาเธอแค่ครั้งเดียวเท่านั้น แล้วก็ไม่ได้โทรมาอีกเลย คงจะเรียนหนัก คิดปลอบใจตัวเองแบบนั้น
แล้วเสียงถามของหญิงสาวสักคนในเรือนมาลีก็โพล่งดังแทรกเข้ามาในหัวของเด็กสาว
“พี่ยุเป็นอะไรวะนั่น หน้าซีด ๆ”
“อ้วกแล้วก็เอาแต่บ่นว่าเวียนหัวน่ะสิ”
“อย่าบอกนะว่าท้อง รีบไปเอาออกเลยนะเว้ย”
มองตามแล้วก็อดคิดไม่ได้ แล้วก็จำต้องลุกออกจากตรงนั้นไป โดยไม่ทันได้เห็นสายตาครุ่นคิดของสมสมรที่มองตามหลังเธอมาด้วย
ภัทรวรินทร์เดินหลบไปยังอีกทางเมื่อเห็นว่ากลุ่มของรุ่นพี่ที่มีเอในนั้นยืนอยู่ตรงทางขึ้นอาคารเรียนหลังจากที่ตนเพิ่งซ้อมมารยาทไทยเสร็จ เนื่องจากได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนไปแข่งระดับเขต จึงต้องซ้อมทุกวันจนกว่าจะถึงวันแข่งซึ่งก็คือเดือนหน้านี้แล้ว
“ทีหลังจะไปดูหนังน่ะ ก็ชวนกันมั่งสิ”
เสียงทักดังอยู่ข้างหลังของภัทรวรินทร์ และเมื่อหันไปมองคนพูด ก็ให้ตกใจไม่น้อย ทำไมเอามายืนตรงนี้ เขาไม่ได้อยู่รวมกับเพื่อน ๆ ของเขาตรงนั้นหรอกหรือ เด็กสาวเลือกที่จะไม่เถียงอะไรกับเขา เลี่ยงไปอีกทาง แต่แล้วเอก็เข้ามาดักหน้าเอาไว้อีกครั้ง
“เป็นแฟนกับท่านประธานคีย์หรือจ๊ะน้องพราว”
เสียงถามของเอดังลั่นเลยจนภัทรวรินทร์ตกใจรีบผลักเขาหนี แต่แล้วเอกลับดึงมือเอาไว้แน่น พยายามยื้อ ดึงออกจากมือของเอ แต่ก็ดึงไม่ออก จึงเอ่ยปากขอร้องเขาไปดี ๆ
“พี่คะ ปล่อยมือพราวเถอะค่ะ แล้วก็อย่าพูดอะไรแบบนั้นเลยนะคะ”
เอยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะเอ่ยปากถามกลับอย่างยียวน “ห้ามพี่พูดแบบนั้นน่ะแบบไหนครับ แล้วทำไมพี่เอจะพูดไม่ได้ล่ะ ก็มันเรื่องจริงนี่นา หรือน้องพราวจะเถียง”
“ขอร้องล่ะค่ะ” ภัทรวรินทร์เอ่ยขอด้วยวงหน้าแทบจะไร้สีเลือด
เอเห็นเด็กสาวมีสีหน้าไม่สู้ดีก็เลิกคิ้ว คลายมือที่จับออกเล็กน้อย ยิ้มมุมปาก แววตาเจ้าเล่ห์วาววับขึ้น เกิดความอยากแกล้งหนักยิ่งกว่าเดิมเสียอีก ตาเหลือบไปเห็นเพื่อนสนิทของคนตรงหน้าเดินมาพอดี ก็เลยยื่นหน้าลงกระซิบใกล้ ๆ เธอ “ถ้าน้องพราวไม่อยากให้พี่พูดมาก เย็นนี้น้องพราวต้องให้พี่ไปส่งที่บ้าน”
ภัทรวรินทร์ส่ายหน้าหวือ ไม่พูดอะไรแล้วรีบดึงมือตัวเองออกจากมือของเอ แต่เอไวกว่า รั้งไว้ไม่ปล่อยไปง่าย ๆ ยิ่งเมื่อคนเรียกเดินเข้ามาใกล้มากขึ้น เอก็เอาแต่จับมือของเธอแน่น ไม่ยอมปล่อยจนต้องออกแรงสะบัดจนหลุดในที่สุด
“พราว”
ฐิติชญาส่งเสียงเรียกมาแต่ไกลพร้อมกับเดินเข้ามาหาเธอ ตรงนั้นยังมีเอยืนอยู่ด้วย จึงมองทั้งสองสลับไปมา แม้จะแอบชอบชายรุ่นพี่ แต่ฐิติชญาสงสัยและอยากรู้มากกว่าจะเขินอายเอ ถามออกไปว่า
“มีอะไรกันหรือ”
ภัทรวรินทร์ตกใจแล้วรีบพูดออกไปว่า
“พี่เขาให้ช่วยทำการ์ดให้น่ะ”
เอมองเธอแล้วยิ้มมุมปาก พูดขึ้นมาคำหนึ่งว่า “โกหก”
นั่นเองที่ทำให้ฐิติชญาต้องมองมาที่เธอใหม่อีกที แล้วมองทางเออีกที ก่อนถามอย่างคลางแคลงใจออกไปว่า
“อย่าบอกนะคะว่าพี่มาจีบพราว”
“ไม่ใช่นะครีม ไม่ใช่”
ภัทรวรินทร์ร้องปฏิเสธหน้าเสีย แต่ดูเหมือนฐิติชญาจะไม่ได้สนใจคำตอบ เห็นเดินเลี่ยงไปยังอีกทางแล้วด้วย จึงรีบตามไป เพื่ออธิบายให้เพื่อนเข้าใจ แต่แล้วกลับถูกอาจารย์เรียกไปคุยเรื่องสอบที่คะแนนตกจากเดิมเล็กน้อย และท่านก็เป็นห่วงจึงคุยกันเป็นนานเลยทีเดียว ออกจากห้องพักครูรีบตรงไปที่ห้อง แต่ฐิติชญาก็ไม่อยู่ให้เธอได้อธิบายอะไรแล้ว
ตกเย็น เอก็ทำให้รอยบาดหมางของเพื่อนซี้หนักมากยิ่งขึ้น เมื่อเขาเดินมาพร้อมกับกลุ่มเพื่อนของเขา นั่งแหมะที่หน้าห้องเรียนของภัทรวรินทร์ พร้อมด้วยเสียงวี้ดว้ายดังระงมที่ด้านหน้า
เด็กสาวใจกล้าคนหนึ่งเอ่ยถามขึ้นว่า
“พี่เอมาหาใครคะ”
เอยิ้มที่คิดว่าหล่อกระชากใจอย่างที่สุดโปรยปรายให้รุ่นน้องคนอื่น ๆ ที่มองมา ตอบเสียงหล่อไปว่า
“พี่เอมารับน้องพราวกลับบ้านครับ”
“ทำไมต้องมารับกลับบ้านด้วยละคะ เป็นแฟนกันหรือ”
เอยิ้มแล้วย้อนกลับมาว่า “ถามน้องพราวดูสิครับว่ายังไง”
ภัทรวรินทร์ส่ายหน้าหวือว่าไม่ใช่แล้วเดินหลบไปยังอีกประตูอย่างรวดเร็ว โดยมีเอตามหลังมาติด ๆ เธอไม่ได้กลับบ้านโดยมีเอไปส่ง แต่นั่งรถกลับเองแบบทุกวัน
จนเช้าวันใหม่เอก็รุกคืบเธอหนักมากขึ้น เดินออกจากบ้านมาถึงปากซอยก็เห็นเอยืนรอที่ตรงนั้นแล้ว พอเห็นเธอขึ้นรถ เอก็ตามมาด้วย ถึงโรงเรียนก็เดินตามมาจนถึงห้อง
เด็กสาวมองไปรอบ ๆ เห็นว่ายังไม่มีคนมาเท่าไร และตรงนั้นก็ไม่มีใครอยู่ จึงหันไปทางเอ ถามเขาด้วยใบหน้าเคร่งเครียด ไม่พอใจ
“พี่มีอะไรหรือเปล่า ทำไมต้องคอยตามพราวแบบนี้ด้วย”