“ลิน! อย่า! เราหยุดเถอะนะ ฉันขอร้อง! ฉันไม่อยากทำให้ลุงกับป้าเสียใจถ้าเราสองคนจะเผลอไปมากกว่านี้”
เสียงอ้อนวอนอย่างยากลำบากถูกหญิงสาวเปล่งออกไป เมื่อรับรู้ว่าปลายยอดกำลังจะถูกอุ้งปากอุ่นลิ้มลอง จนต้องรีบดึงสองมือนุ่มไปโอบคลุมเอาไว้แทน ด้วยหวาดหวั่นว่าตัวเองจะยับยั้งหัวใจที่เป็นสุขเอาไว้ไม่อยู่ จนเป็นเหตุให้เกิดเรื่องไม่งามขึ้น เหมือนที่แม่เคยทำมาแล้วในอดีต
“ผมขอโทษครับคุณแจม ผมมีความสุขเวลาได้อยู่ใกล้ๆ คุณแจมจนลืมตัว ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ แต่ผมสัญญาว่าผมจะไม่ไปให้ไกลเกินกว่านี้ ถ้าคุณแจมไม่เต็มใจให้มันเกิดขึ้น”
ลินเองก็พยายามอย่างเต็มที่ที่จะควบคุมกายและใจให้หยุดอยู่แค่นั้น ก่อนจะดึงบรากับชายเสื้อลงไปปกปิดสองบัวงามเอาไว้ แล้วใช้แขนแข็งแรงรั้งร่างนุ่มมากอดแนบอกไว้แม้ในใจจะมีความต้องการเล่นงานอยู่ แต่เขาก็จะไม่ตามใจตัวเอง ถ้ามันจะทำลายผู้หญิงที่เขารักให้มัวหมอง
“ผมรักคุณ รักและอยากอยู่ใกล้ๆ แบบนี้ไม่อยากจากไปไหน”
เขาแนบแก้มสากลงไปตรงกลางศีรษะสวยขณะโอบกอดไว้ วิวรรญาเองก็สอดแขนไปกอดเอวเขาไว้ไม่แพ้กัน แม้ใจอยากจะเอ่ยคำว่ารักออกมา แต่ก็ไม่กล้า ไม่อยากทำ
เพราะหวาดกลัวว่ามันจะเป็นรักเพียงเพราะได้ใกล้ชิด ได้เห็นหน้าให้คลุกคลีอยู่ด้วยกันมากกว่าจะเป็นรักแท้ รักที่คงทนถาวรแม้ในยามห่างไกลกัน
“ผมขอนั่งกอดคุณแจมแบบนี้ไปจนกว่าจะถึงเวลาที่เราต้องไปเก็บของนะครับ สัญญาว่าแค่กอดแค่หอมแก้มเท่านั้น”
ดวงหน้าสวยแหงนมองใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังก้มมาหา วิวรรญายิ้มบางๆ ให้เป็นคำตอบ ก่อนจะเอียงแก้มนุ่มให้เขาหอม แล้วแนบแก้มขาวไปกับอกอุ่นภายใต้เสื้อทีเชิ้ตสีขาวที่ตัวเองเป็นคนซื้อหามาให้ในราคาเต็มๆ ไม่มีลดหย่อนแม้แต่บาทเดียว เหมือนที่บอกเขาไว้ เพื่อไม่ให้เขาเหมารวมว่าตัวเองใช้เงินซื้อผู้ชายได้
ไกรเดชยืนอยู่หน้าบริษัทกับดาราเพื่อรอรับประมุขที่เพิ่งจะโทรมาบอกก่อนหน้าไม่กี่นาทีว่าจะมาหา และเอาเช็กสิบล้านบาทมาให้ สำหรับเป็นเงินทุนหมุนเวียนอีกก้อน
ตามที่ได้ตกลงกันไว้ แม้ไกรเดชรู้ดีว่าประมุขไม่จำเป็นต้องมาด้วยตัวเองก็ได้ ถ้าไม่อยากจะเข้ามาสำรวจตรวจตราดูภายในบริษัทและยกเอาเรื่องเงินมาเป็นข้ออ้าง
“สวัสดีครับเฮีย เชิญด้านในครับแดดร้อน”
ทันทีที่รถจอดไกรเดชก็ตัดความสงสัยทิ้งแล้วปั้นหน้ายิ้มต้อนรับเหมือนไม่มีอะไรค้างคาในใจ จนดาราอดทึ่งไม่ได้ ไม่ผิดกับประมุขนักที่ตอนอยู่ในรถกับทนายคู่ใจนั้น ส่งน้ำคำดูถูกเหยียดหยามคนที่กำลังจะมาหาไว้มากมาย แต่สุดท้ายก็ถูกกลบด้วยรอยยิ้มและท่าทียินดีปรีดาจนทนายทำหน้าตามไม่ถูก
“อาตี๋เล็กติดต้อนรับลูกค้าเลยมาด้วยไม่ได้”
ประมุขรีบเอ่ยเมื่อเดาได้ว่าอีกฝ่ายคาดหวังว่าจะเห็นลูกเขยในอนาคตมาด้วย ขณะเดินตามเจ้าบ้านเข้าไปในบริษัท และเมื่ออยากจะมาดู ไกรเดชก็สนองความต้องการให้ ด้วยการพาเดินดูทุกซอกทุกมุมให้อีกฝ่ายหนำใจ
ก่อนจะพาไปยังห้องประชุมเล็กๆ ที่มีผู้ช่วยมือขวาคือ ธีรนันท์ หนุ่มใหญ่วัยสามสิบแปด ที่มีไกรเดชให้การอุปการะมาตั้งแต่เด็ก พอเรียนจบก็มาช่วยงานในออฟฟิศ คอยต้อนรับ ดารากับเลขาของไกรเดชรีบจัดแจงหาของว่างคือฮ่อยจ๊อที่สั่งมาจากภัตตาคารไว้ให้แขกสำคัญโดยเฉพาะ
ซึ่งนั่นทำให้ประมุขพึงพอใจมาก กับการให้เกียรติเป็นอย่างดี ก่อนจะปล่อยให้ทนายเป็นคนคุยกับไกรเดชต่อเรื่องเงินๆ ทองๆ ที่ถูกหยิบยื่นมาให้เป็นไปตามข้อตกลงที่ว่าไว้แต่แรก
“ซินแสบอกว่าให้จัดงานหมั้นก่อน และต้องจัดที่บ้านเจ้าสาวด้วย แล้วอีกสองอาทิตย์ก็จัดงานแต่งตามฤกษ์ที่ได้มา”
ประมุขรีบบอกกล่าวเรื่องสำคัญอีกเรื่องให้รับรู้ร่วมกัน ไกรเดชกับดาราหันไปมองหน้ากันแล้วยิ้ม ก่อนจะหันไปตอบรับ
“ก็แล้วแต่เฮียเลยครับจะจัดการยังไงทางผมก็ยินดีเสมอ” ประมุขเองก็ยิ้มอย่างพอใจที่อะไรๆ ดูจะง่ายไปหมดเมื่อมีเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง
“อาตี๋เล็กให้จ้างทีมจัดงานมาช่วยเลย เราจะได้ไม่ต้องเหนื่อย การ์ดแต่งงานเราก็ต่างคนต่างแจกแขกของใครของมันก็แล้วกันนะ หนูแจมก็อยู่ไกล อาตี๋เล็กก็ไม่ว่าง เดี๋ยวถ้างานคืบหน้ายังไงผมจะให้คนจัดงานส่งข่าวมาบอกก็แล้วกัน เรื่องชุดหรือรายละเอียดต่างๆ เขาจะติดต่อมาเป็นระยะๆ ผมแค่บอกให้ฝ่ายเฮียรู้ไว้เท่านั้น”
“ครับเฮีย”
ไกรเดชดูเหมือนจะทำได้แค่รับคำเท่านั้น เพราะตัวเองไม่ได้ควักอะไรแม้แต่บาทเดียวกับงานแต่งลูกสาว
“อ้อ! เรือนหอเสร็จแล้วนะครับเฮีย กำลังทาสีจากนั้นก็จะเป็นทีมตกแต่งภายในเข้าไปจัดการ น่าจะเสร็จสูสีกับงานแต่ง หรือถ้าไม่เสร็จก็ส่งตัวที่บ้านใหญ่ก่อน ห้องอาตี๋เล็กก็กว้างขวางอยู่ แต่มันอยากจะมีความเป็นส่วนตัวเวลาอยู่กับเมีย ผมเลยตามใจยอมควักอีกสี่ห้าสิบล้านสร้างให้มันใหม่เท่านั้น ก็ลูกน่ะนะอยากได้อะไรเราก็ต้องทำให้จัดให้ ในเมื่อมันยอมตามใจแต่งงานให้แล้ว ผมก็ไม่อยากจะขัดใจมันนัก ตอนแรกยังกลัวๆ ว่ามันจะแข็งข้อเหมือนพี่ชายจนผมต้องตัดออกจากกองมรดกซะแล้ว ดีหน่อยที่มันเป็นคนมีเหตุผลและยอมฟังความคิดเห็นเราบ้าง ไม่งั้นงานนี้คงจะไม่ง่ายอย่างนี้หรอก”
“ได้ครับเฮีย”
แม้ไกรเดชจะรู้สึกว่าถูกตอกหน้าตรงๆ แต่ก็พยายามจะเก็บอาการไว้แล้วรับคำแค่นั้น
“ถ้าหนูแจมอยากจะไปดูเรือนหอ เอาไว้วันมาลองชุดก็โทรบอกผมหรืออาตี๋เล็กได้นะครับเฮีย จะได้ให้มันพาไป เผื่อจะอยากเพิ่มเติมอะไรอีก แต่ผมว่าคงไม่มีอะไรแล้วมั้ง บริษัทสร้างบ้านนี้เจ้าประจำของผม ทำงานไม่เคยพลาดได้ตามใจเราทุกหลัง”
“ครับเฮีย แล้วผมจะโทรบอกยัยแจมก็แล้วกัน”