ด้วยไม่อยากให้คนข้างๆ ต้องเห็น แต่ก็ยากยิ่งเหลือเกินที่จะสั่งมันได้ เพราะความเสียใจมันกำลังแล่นมาจุกอก แล่นมาเล่นงานลูกที่ถูกทอดทิ้งจนไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้ ความอ่อนแอ
ความเหนื่อยล้าก็ถาโถมเข้ามาหาเรียกน้ำตาไหลรินออกมาไม่ขาดสาย จนชายหนุ่มทานทนไม่ได้ เมื่อรถแล่นมาถึงสะพานแม่น้ำบางปะกง จึงชะลอแล้วจอดลงช้าๆ กระจกทั้งสี่ด้านถูกลดลงเพื่อรับลม
ก่อนจะหันไปหาดวงหน้าที่เต็มไปด้วยหยาดหยดใสๆ หัวใจชายหนุ่มทานทนไม่ได้จึงเอื้อมมือไปหามือบางแล้วกุมไว้ด้วยความสงสารเป็นที่สุด วิวรรญาหันไปหาทั้งที่ดวงหน้าเต็มไปเปี่ยมไปด้วยริ้วรอยแห่งความเสียใจอย่างที่สุด
และเพียงแค่มีสองวงแขนแข็งแรงรั้งร่างผอมบางมาหา อกอบอุ่นของเขาก็กลายเป็นที่พักพิงให้ลูกที่ถูกทอดทิ้งได้ซบหน้าร้องไห้ทันที
‘ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ’
แล้วปล่อยโฮออกมาด้ายหมดเรี่ยวแรงจะปิดบังความอ่อนแอของตัวเองได้ ลินโอบกอดกายอันสั่นเท่าเอาไว้แนบแน่น ปลายคางบุ๋มของเขากดลงเบาๆ ฝ่ามืออุ่นลูบไปมาเพื่อปลอบขวัญ
“ร้องออกมาเถอะนะถ้ามันจะทำให้คุณสบายใจขึ้น ร้องไห้พอวันนี้ แล้วพรุ่งนี้คุณจะได้ไม่ต้องอีก”
“ฉันทำอะไรผิดนักหนา คุณพ่อถึงไม่เคยรักฉัน ไม่เคยเห็นฉันเป็นลูกเลย ถ้าคุณพ่อไม่อยากมีลูกอย่างฉันทำไมไม่ฆ่าฉันให้ตายตั้งแต่ฉันยังเด็กๆ ทำไมต้องปล่อยให้ฉันโตขึ้นมาเสียใจกับการกระทำของคุณพ่อด้วย ทำไมๆ ๆ”
เสียงอู้อี้ปนสะอึกสะอื้นเปล่งออกมาเพื่อระบายความอัดอั้นตันใจมากกว่าจะต้องการคำตอบ และแน่นอนว่าเขาไม่มีให้ ด้วยเพราะไม่รู้ว่าจะสรรหาคำไหนมาตอบได้ ด้วยไม่รู้จักผู้เป็นพ่อของเธอเลยแม้แต่นิดเดียว
“บางทีท่านอาจจะมีเหตุผลของท่านที่บอกคุณไม่ได้ หรืออาจจะกำลังยุ่งกับงาน กับปัญหาเงินๆ ทองๆ อยู่ก็ได้นะ บางทีเรื่องของผู้ใหญ่เด็กๆ อย่างเราก็ไม่รู้ไม่เข้าใจกับพวกท่านมานักหรอกครับ แต่ผมอยากจะให้คุณลองใจเย็นๆ ดูก่อน และอยากจะให้คิดว่าทุกอย่างที่ท่านทำก็เพื่อลูกๆ อย่างเราได้อยู่สุขสบายในวันข้างหน้า เพราะคนเป็นพ่อแม่สิ่งสำคัญที่สุดก็คือลูก ทุกอย่างทุกเรื่องที่ทำก็เพื่อลูกทั้งนั้น”
แต่เขาก็พยายามปลอบใจด้วยถ้อยคำกลางๆ และเอาพ่อของตัวเองมาเป็นที่ตั้ง เอาใจตัวเองมาเป็นใจเธอ เพราะทุกครั้งที่น้อยอกน้อยใจการกระทำของพ่อเขาเองก็มักจะต้องบอกตัวเองให้คิดแบบนี้
จะได้ไม่เสียใจมาก จะได้ไม่น้อยใจมาก และจะได้ไม่เกิดรอยร้าวระหว่างพ่อลูก วิวรรญาเองก็เพิ่งได้สติจากคำเตือน บวกกับเพิ่งตระหนักว่าตัวเองเผลอพากายมาซบอกอุ่นของเขา
และเผลอแสดงความอ่อนแอออกมาให้เขาเห็นมากจนเกินไป และที่สำคัญเผลอไผลให้ตัวเองก้าวข้ามเขตแดนระหว่างหลานนายจ้างกับคนสวนที่เคยขีดกางกั้นเอาไว้อย่างเด่นชัด
ด้วยหวาดหวั่นว่าตัวเองจะเดินซ้ำรอยแม่ ให้ใครต่อใครได้ดูถูกเหยียดหยามอีก และแน่นอนว่าทั้งพ่อ ทั้งลุงและป้าจะต้องเสียใจจากการเผลอของตัวเองอย่างไม่ต้องสงสัย เมื่อคิดได้ดังนั้น
วิวรรญาจึงค่อยๆ พากายออกจากอกเขา กลับไปนั่งตัวตรง รับทิชชูจากมือเขาขึ้นมาซับน้ำตา ก่อนจะเอนเบาะลงนอนเพื่อตัดบทสนทนาทุกอย่างให้จบลง
ลินมองดวงหน้าสวยที่ตอนนี้ใต้ขอบตาบวมเปล่งอยู่ครู่หนึ่ง ก็อ่านใจออกได้ไม่ยากว่าคงจะตำหนิตัวเองอยู่ไม่น้อยที่เผลอยึดเอาอ้อมอกเขาเป็นที่ซบเพื่อระบายความอัดอั้นตันใจ
จึงพยายามทำตัวให้เป็นปกติแล้วควบรถออกไปโดยไม่ได้ปริปากเอ่ยอะไรเลยสักคำกระทั่งถึงบ้าน วิวรรญาเองก็พยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติที่สุด แล้วรีบเดินไปทรุดตัวลงนั่งข้างๆ ป้า
เพื่อช่วยงานมัดผัก จัดผักลงกล่องสำหรับไว้ขายพรุ่งนี้เช้า ลินเองก็รีบไปช่วยเกรียงไกรเก็บผักมากองไว้ให้ตามปกติ ก่อนจะนั่งมัดช่วยเหมือนทุกวัน
แต่หัวใจอันแข็งแกร่งและมั่นคงนี่สิที่มันดันวอกแวกคอยแต่จะลอยไปอยู่ข้างๆ อีกคนตลอดเวลา
“มัดผักเสร็จแล้ว แจมก็ไปตลาดซื้อของมาทำอาหารไว้ตักบาตรพรุ่งนี้เลย ไม่ต้องมาทำมื้อเย็นหรอกเดี๋ยวป้าจัดการเอง จะเอานายลินไปช่วยถือของด้วยก็ได้ ว่าแต่ปีนี้ชวนเพื่อนคนไหนมากินข้าวที่บ้านบ้างล่ะ แล้วจะทำอะไรกินดี แต่พรุ่งนี้เช้าแจมค่อยไปซื้อที่ตลาดตอนไปช่วยป้าเก็บของก็ได้นะ”
อรพินหันไปสั่งหลานด้วยความเอ็นดู
“ค่ะป้า”
ส่วนหลานสาวก็รับคำแค่นั้น ก่อนจะลุกไปล้างมือล้างไม้หลังบ้าน ลินงงไม่น้อยกับคำพูดของทั้งสองคน
“ลินๆ ยกของลงมาไว้ข้างๆ แผงก็พอ แล้วก็รีบกลับบ้านไปช่วยยัยแจมเตรียมของไปทำบุญที่วัดเถอะไป๊ แล้วอย่าลืมเตือนให้ยัยแจมถวายปัจจัยพระท่านด้วยนะ เกิดชาติหน้าจะได้มีกินมีใช้ไม่อด นี่ถ้าไม่ติดว่าลูกค้ารอกินของอยู่ป้ากับลุงก็คงจะไปทำบุญด้วยแล้ว เสียดายวันเกิดหลานทั้งทีก็ไปไม่ได้”
เช้ามืดวันถัดมาเขาถึงได้รู้ จึงรีบทำตามคำสั่งเจ้านายทันที พอมาถึงบ้านก็เห็นเจ้าของร่างผอมบางในชุดกางเกงขาสี่ส่วนสีขาว กับเสื้อสีเดียวกันมีระบายรอบตรงเองดูเผินๆ คล้ายกระโปรงสั้น
ผมยาวก็เปียหางปลาไว้ด้านหลัง มองแล้วน่ารักเหลือเกิน จนหัวใจเขาเต้นแรงขึ้นๆ เมื่อเดินเข้าไปใกล้
“ฉันเตรียมของใกล้จะเสร็จแล้ว นายกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ อย่าลืมใส่เสื้อสีขาวตัวเมื่อวานด้วยนะ”
วิวรรญาเงยหน้าจากหม้อแกงไปบอกครู่เดียวแล้วก็ก้มลงไปใหม่คล้ายๆ จะหนีดวงตาคู่คมที่จ้องมองมาหาอยู่ยังไงยังงั้น แต่เขาก็ไม่ได้ว่าอะไรนอกจากรีบออกหลังครัวไป
กลับมาอีกทีทุกอย่างก็อยู่ในตะกร้าหวายรอให้เขามายกไปใส่รถแล้วเท่านั้น วัดที่วิวรรญากับลุงและป้ามักจะมาทำบุญนั้น เป็นวัดป่าอยู่ไกลจากบ้านพอสมควร บรรยากาศร่มรื่นเข้าไปนั่งอยู่ในศาลาแล้วจิตใจลินสงบไม่น้อย