EP 14

1142 คำ
“ไม่เป็นไรจริงๆ ค่ะคุณซี เสร็จงานเมื่อไหร่ก็ค่อยกลับมาค่ะ แจมดูหนังคนเดียวได้ค่ะ” แล้ววิวรรญาก็ได้แต่นั่งมองแผ่นหลังของเขาที่เดินออกจากร้านไปอย่างเร่งรีบอีกตามเคย และแน่นอนว่าคนที่ไม่เคยจะดูหนังคนเดียวเลยในชีวิต ก็รีบกดไปบอกคนรถหนุ่มทันที “ทำไมนายมาถึงเร็วจังเลย” แค่ยี่สิบนาทีกว่าๆ ลินก็มาหาที่หน้าโรงหนังแล้ว “ผมกลัวจะเป็นแบบคราวก่อนอีก ก็เลยขับรถมาเดินตากแอร์เล่นอยู่แถวนี้น่ะครับ” แล้วตอบตามซื่อโดยไม่คิดจะปิดบัง วิวรรญามองค้อนน้อยๆ แต่ไม่นานก็ยิ้มบางๆ ให้ แล้วยื่นตั๋วหนังใส่หน้าเขาเป็นการประชดนิดๆ บรรยากาศมืดมิดในโรงหนังบังคับให้ลินต้องคว้ามือนิ่มมากุมไว้ด้วยความห่วงว่าจะหกล้มไปก่อนจะเดินถึงที่นั่งสวีตราคาแพงลิบลับอีกต่างหาก วิวรรญาบอกตัวเองไม่ถูกเอาเสียเลยว่าทำไมถึงได้อบอุ่นนัก เมื่อมีแข็งแรงของเขากุมเกี่ยวไว้ แม้จะทรุดกายลงนั่งเรียบร้อยแล้วแต่เขาก็ยังไม่ปล่อย ตัวเองจึงเป็นฝ่ายค่อยๆ ดึงมือกลับ อีกฝ่ายได้ถึงรู้ตัวและปล่อยแต่โดยดี เมื่อรับรู้ได้ว่าเจ้าของมือไม่ประสงค์จะให้ครอบครอง ด้วยรู้ดีว่าตัวเองไม่คู่ควรกับของสวยงามข้างๆ สักนิด เขาจึงระมัดระวังตัวมากขึ้น เวลานั่งก็จะพยายามไม่ให้ตัวล้ำเส้นแดนไปถูกตัวคนข้างๆ ต่างคนจึงต่างนั่งแข็งทื่อ ไม่เป็นสุขกับหนังที่กำลังฉายในตอนแรก และพอหนังฉายไปได้ไม่เท่าไหร่ ร่างผอมบางและขี้หนาวก็ยิ่งไม่เป็นสุขเพราะเครื่องปรับอากาศทำให้เริ่มหนาวเหน็บขึ้นมาเรื่อยๆ เสื้อเชิ้ตแขนยาวที่ลินใส่อยู่จึงถูกถอดออกแล้วส่งไปให้ คนที่นั่งกอดอกอยู่เองก็รับมาอย่างไม่เกี่ยงก่อน ก่อนจะถอดรองเท้าส้นสูงออกแล้วยกสองขาขึ้นมากอดไว้ภายใต้เสื้อของเขา แม้จะไม่อุ่นมาก แต่ก็ดีกว่าไม่มีอะไรมาให้ห่ม และหลังออกจากโรงหนังแล้ว ฟาสต์ฟู้ดจึงเป็นที่สำหรับของคนเข้าไปหามื้อเที่ยงกิน เมื่อไม่มีวี่แววว่าปาลินจะโทรมาหา “ฉันอยากเดินซื้อของก่อนกลับหน่อย” ลินเดินถือกระเป๋าสะพายเคียงข้างไปกับหลานเจ้านายโดยไม่ได้ถามไถ่อะไร แผนกเสื้อผ้าบุรุษคือแหล่งที่วิวรรญาเดินเรียบเรื่อย และได้เสื้อเชิ้ตสองตัว สำหรับพ่อกับลุง พอหันไปหาคนสวนหนุ่มก็เห็นกำลังเมียงมองทีเชิ้ตอยู่ห่างๆ ความสงสารแล่นมากระทบอกทันที เมื่อวิวรรญาเห็นเขาพลิกดูป้ายราคาแล้วเดินผละไปดูอย่างอื่นแทน “นายว่าตัวนี้สวยมั้ย” ทีเชิ้ตสีขาวในมือถูกยกขึ้นให้เขาดูด้วยใบหน้าเจือยิ้มน้อยๆ “ครับ สวยดี” วิวรรญาเลยยื่นเสื้อให้พนักงานขาย สามตัวก็เกือบสามพัน แม้จะเป็นเงินที่มากสำหรับพนักงานเงินเดือนสองหมื่นนิดๆ อย่างเธอ แต่สำหรับพ่อแล้วเธอมั่นใจว่ามันน้อยนิดเหลือกำลัง แต่เธอก็ยังอยากจะซื้อให้ “นี่ของนาย แทนคำขอบคุณที่นายเคยช่วยชีวิตฉันไว้จากงูเห่าตัวนั้น รับไปสิ” วิวรรญายื่นถุงกระดาษให้แล้วส่งยิ้มน้อยๆ ตามไป ลินลังเลยอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ยอมรับมาเมื่ออีกฝ่ายเอ่ยซ้ำ “ขอบคุณครับ” วิวรรญาสัมผัสได้ถึงความปลื้มปีติยินดีจากดวงตาของเขา แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรนอกจากเดินนำไปเมียงมองหาของที่จะซื้อให้ป้าพินผู้ใจดี ไม่นานก็ได้เสื้อลูกไม้เนื้อดี สำหรับใส่ไปงานต่างๆ ก่อนจะสั่งให้คนข้างๆ พากลับบ้านเพื่อเอาของไปให้พ่อ แต่ก็ว่างเปล่าเมื่อพ่อยังไม่กลับ และกำลังประชุมอยู่ออฟฟิศ เมื่อลูกโทรไปหา “พ่อยุ่งอยู่แค่นี้นะ” ตอนครั้งแรกระหว่างเรา   แม้จะผิดหวังแต่ลูกก็ยังไม่ละความพยายาม เลยตามไปหาถึงออฟฟิศ โดยมีคนขับหนุ่มเดินตามขึ้นไปยังออฟฟิศของไกรเดช “ท่านประธานประชุมอยู่ค่ะคุณแจม พี่ไม่กล้าเข้าไปกวนค่ะ” วิวรรญาเลยตัดสินใจหอบกล่องของขวัญไปนั่งรอที่ชุดรับแขกตรงหน้าต่างกระจก ชั่วโมงหนึ่งผ่านไปก็ยังไม่เห็นพ่อออกมา เลขาหน้าห้องเลยตัดสินใจโทรเข้าไป เพราะเห็นว่าเป็นเวลาที่คนข้างในกำลังเบรกดื่มกาแฟ เพราะเห็นใจลูกสาวเจ้านายที่มารอนานแล้ว “ฉันก็บอกยัยแจมไปแล้วว่ายังไม่ว่างๆ มีอะไรให้เก็บไว้คุยที่บ้านสิ ของสำคัญอะไรนักหนาถึงต้องหอบมาให้ถึงที่นี่ ทำไมไม่ฝากไว้ แล้วเลขาอย่างเธอจัดการไม่ได้เหรอ เรื่องเล็กๆ น้อยๆ แค่นี้ทำไมจะต้องมากวนด้วย ตัดสินใจหรือจัดการเองไม่ได้เหรอ แล้วฉันจะจ้างเธอมาทำไมกัน แค่นี้นะฉันยุ่ง” เสียงพ่อดังผ่านลำโพงที่เลขาเปิดให้ฟังด้วยกัน เพราะกลัวลูกเจ้านายจะไม่เชื่อ และนั่นก็ทำให้เลขารู้สึกผิดไม่น้อยที่ตัดสินใจทำแบบนี้ เพราะเงยไปดูหน้าลูกสาวเจ้านายแล้วก็ให้สงสารเต็มกลื่น ดวงตาคู่สวยก็กำลังรื้นไปด้วยกลุ่มน้ำตา “งั้นแจมฝากนี่ไว้ให้คุณพ่อด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ” วิวรรญาวางกล่องไว้กับโต๊ะเลขาแล้วก็เดินออกไปอย่างรวดเร็ว ลินที่ได้ยินทุกคำพูดของไกรเดชอดสงสารหลานเจ้านายไม่ได้ อีกครั้งที่เขาอยากเอ่ยปากถามว่าเพราะอะไรหรือทำไมพ่อผู้ให้กำเนิดเธอถึงได้ทำแบบนี้กับเธอ แต่พอเห็นท่าทีหงอยเหงาเศร้าสลดกว่าครั้งก่อนแล้วเขาก็ได้แต่ปิดปากเงียบ ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่วิวรรญาอยากจะให้เป็นเหลือเกิน เพราะตอนนี้ไม่อยากจะเจอะเจอใครเลยจนนิดเดียว ด้วยเสียใจกับการกระทำของพ่อเหลือกำลัง พ่อที่ทอดทิ้งลูกคนนี้ นับตั้งแต่ไม่มีแม่ แม่ที่พ่อเกลียดนักเกลียดหนา และห้ามใครพูดถึงอีก และถ้าไม่มีเรื่องแต่งงานเข้ามาเกี่ยวข้อง พ่อก็คงจะไม่สนใจลูกคนนี้ด้วยซ้ำ ลูกที่พ่อไม่กล้าฟันธงว่าเป็นลูกตัวเองหรือเป็นลูกชู้ ลูกชาวสวนชั้นต่ำที่พ่อประณามให้ฟังอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน มือบางยกขึ้นไปปาดน้ำตาออกจากสองพวงแก้ม และพยายามหักห้ามไม่ให้มันไหลออกมาอีก 
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม