“มะเร็งน่ะมันก็มากับพวกยาพวกสารเคมีต่างๆ นี่ล่ะ แต่คนทั่วไปก็ชอบเหลือเกิน เห็นผักมัดไหนสวยๆ ไม่มีเว้ามีแหว่งก็รีบหยิบ แล้วก็จะบ่นว่าผักอินทรีย์หรือผักออร์แกนิกน่ะแพงบ้างล่ะ แมลงกินบ้างล่ะ หงิกงอไม่สวยบ้างล่ะ ไม่ยอมคิดไม่ยอมมองเลยว่ากินของสวยๆ งามๆ เข้าไปก็เท่ากับกินสารพิษเข้าไปด้วย พอป่วยมาเงินค่าหยุกยาแพงเท่าไหร่ ก็ต้องควักกันล่ะทีนี้ ไอ้เรารึก็พ่อค้าแม่ค้า ลูกค้าอยากได้อะไรก็ต้องตามใจหน่อย แต่ฉันก็จะคอยบอกเสมอๆ ถึงคุณและโทษของพวกยาฆ่าแมลงทั้งหลาย คนเชื่อก็ดีไปคนไม่เชื่อก็กินสารพิษไปก็แล้วกันจะให้ทำยังไงได้”
เกรียงไกรบ่นยืดยาวขณะกำลังเสียบต้นกล้าผักลงกระถางเล็กๆ อยู่ใต้โรงเรือนเพาะชำ มีลินนั่งทำไปด้วยไม่ห่างอย่างขยันขันแข็ง ซึ่งนับวันเขาก็จะได้ใจเจ้านายไปมากขึ้นๆ เพราะเป็นคนพูดน้อย
ทำมาก รู้จักกาลเทศะ อันไหนเหมาะไม่เหมาะ ควรไม่ควร ให้เงินไปซื้อของเท่าไหร่ก็ไม่มีการเม้มเงินทอน แต่จะคืนมาทุกบาททุกสตางค์
ให้กินอะไรก็ไม่เคยปริปากบ่นให้ได้ยิน จับรถก็ขับอย่างทะนุถนอม ไม่ได้ตะบี้ตะบันขับให้พังคามือ แถมก่อนใช้ก็รู้จักตรวจเช็กสภาพรถตลอดเวลา เครื่องไม้เครื่องมือในสวนก็รู้จักเก็บรักษา
ใช้แล้วไม่ทิ้งเกลื่อนกลาด แถมยังเอาไปเช็ดล้างให้สะอาด จับมีดเล่มไหนก็จะคมกริบโดยไม่ต้องคอยบอกให้ไปหาหินมาลับ เหมือนคนงานก่อนๆ
“แล้วนี่ซุ้มอะไรครับคุณลุง เถาไม้เลื้อยเต็มไปหมด”
เขาเอ่ยมือที่ถือมีดขอถางหญ้าอยู่ก็ชี้ไปที่เถาวัลย์ใต้ต้นไม้ใหญ่ เพราะสงสัยมานานแล้วแต่ไม่มีโอกาสได้ถาม วันนี้ไล่ถางหญ้าหลังจากเสร็จงานลงผักแล้วจึงได้โอกาส เกรียงไกรที่นั่งตัดกิ่งมะม่วงเป็นท่อนๆ ใต้ร่วม ที่ลินเป็นคนปีนขึ้นไปตัดลงมาให้ หันไปมองตาม
“อ๋อ! ซุ้มชิงช้ายัยแจมน่ะ เมื่อก่อนตรงนี้เป็นมุมโปรดของเขาเวลาจะหนีมาอ่านหนังสือเตรียมสอบกับมานั่งเล่นประจำ พอมันหักฉันก็ไม่ได้มาซ่อมให้สักที เถาก็เลยขึ้นเต็ม หลานฉันก็เลยไม่ได้มานั่งอีก บอกคนงานเป็นสิบๆ รอบแล้วมันก็ไม่มาทำให้ก็เลยต้องปล่อยไว้ก่อน”
“เหรอครับ แล้วนี่ต้นอะไรครับคุณลุงผมไม่เคยเห็น”
“ต้นสกุณี! หรืออีกชื่อก็ตาโหลน ทางเหนือจะเรียกแหนแดง หรือเปียแคร้ที่คนเขมรกับจันทบุรีเรียก ลุงเอามาปลูกไว้สิบกว่าแล้ว หลังจากได้ยัยแจมมาอยู่ด้วยไม่นานหรอก เรียกว่าดูแลเลี้ยงดูมาคู่กันก็ว่าได้ พอมันโตพอจะทำชิงช้าได้ลุงเลยทำให้ยัยแจม”
“เหรอครับ”
เขารับคำแค่นั้น เกรียงไกรยังไม่ได้พูดอะไรต่อ มือถือก็ดังขึ้นเป็นสัญญาณว่าเมียทำมื้อเที่ยงเสร็จแล้ว
“ไปล้างมือกินข้าวกันดีกว่าแล้วค่อยมาต่อตอนบ่ายๆ”
ทั้งสองเลยวางมือจากงานทันที ไม่นานก็เดินมาถึงบ้านที่มีส้มตำไก่ย่างกับข้าวเหนียวร้อนๆ จัดรออยู่ที่โต๊ะเรียบร้อยด้วยฝีมืออรพิน
“กินส้มตำแล้วคิดถึงยัยแจม บ่นอยากกินมาหลายวันแล้วแต่ก็ไม่ได้กินสักที พรุ่งนี้จะทำให้กินก็ต้องเข้ากรุงเทพฯ อีก ทำไมฝ่ายโน้นไม่ให้พ่อซีมาหาหลานเราที่นี่บ้างล่ะพี่เจียง”
อรพินบ่นไปมือก็ปั้นข้าวเหนียวไปด้วย เกรียงไกรหันไปมองเมียก่อนเอ่ย
“อ้าว! อยากได้ความช่วยเหลือจากเขาก็ต้องไปหาเขาสิ จะมาเกี่ยงทำไมกันล่ะ นี่ยังดีนะที่มีนายลินขับรถให้ ถ้าเป็นเมื่อก่อนพี่ต้องไปเองไม่งั้นก็ปล่อยยัยแจมไปคนเดียวยิ่งแย่ไปกันใหญ่ ว่าแต่พรุ่งนี้ก็ออกไวหน่อยสิ จะได้กลับไม่ค่ำมากนะลิน”
“ครับคุณลุง” เขารับคำอย่างว่าง่ายอีกตามเคย
และสิบโมงเช้าก็บึ่งรถมาจอดในบ้านหลังโตของน้องชายเจ้านายเรียบร้อยแล้ว
“เดือนหน้าบอกให้ลุงกับป้าเรามาด้วยนะ เฮียซ้งอยากจะให้ไปดูเรือนหอที่กำลังสร้างหน่อยแล้วก็จะได้กินมื้อเย็นด้วยกันบ้าง”
ไกรเดชตำหนิพี่ชายกลายๆ ตั้งแต่ก้าวแรกที่ลูกสาวไปถึง
“ค่ะคุณพ่อ”
ส่วนลูกสาวก็รับคำแค่นั้น และพ่อที่เร่งรีบตลอดเวลาก็ยกมือขึ้นดูนาฬิกาข้อมือ
“งั้นพ่อเข้าออฟฟิศก่อนนะ มีงานด่วนรออยู่ ไปกับพ่อซีก็ทำตัวดีๆ ล่ะ อย่าทำให้เขาเบื่อเราก่อนที่จะได้เข้าพิธีแต่งงานเชียว”
“ค่ะคุณพ่อ”
แล้วก็จากลูกไปขึ้นรถที่คนขับสตาร์ทรออยู่ก่อนแล้ว ลูกสาวหันไปมองพ่อช้าๆ ด้วยใบหน้าหงอยเหงาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินเข้าบ้านโดยมีลินหิ้วถุงผักปลอดสารพิษต่างๆ ตามไป ไม่นานว่าที่เจ้าบ่าวก็โฉบรถมารับด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม โดยไม่ได้ลงจากรถแต่อย่างใด
“ไปนะลิน ถ้าหิวก็เดินไปหาอะไรกินในครัวนะ บ่ายๆ ฉันจะกลับ” วิวรรญาหันไปหาคนรถก่อนจะสั่งเสียงแผ่วเบา
“พอเราดูหนังเสร็จก็หาอะไรอร่อยๆ กินกันนะครับคุณแจม จากนั้นก็ช้อปปิ้ง คุณแจมอยากได้อะไรผมขออนุญาตซื้อให้หมดนะครับ เพื่อเป็นการไถ่โทษที่ครั้งก่อนทำอย่างที่พูดไว้ไม่ได้ แล้วผมจะไปส่งบ้านอย่างปลอดภัย”
ปาลินชูตั๋วหนังเพิ่งจะซื้อให้ว่าที่คู่หมั้นดู พร้อมกับรับประกันแข็งขันว่าคราวนี้จะไม่เหมือนคราวก่อนอย่างแน่นอน แต่ครั้นเดินไปนั่งในร้านไอศกรีมระหว่างรอเวลาหนังฉายอีกสี่สิบนาทีข้างหน้า
มือถือของเขาก็ดังขึ้นอีก และเป็นครั้งที่สิบนับตั้งแต่วิวรรญานั่งรถมากับเขาก็ว่าได้ เขาขอปลีกตัวออกไปรับนอกร้าน ไม่กี่นาทีต่อมาใบหน้าเขาก็เจื่อนลงอย่างเห็นได้ชัด
และตามมาด้วยสารพัดคำขอโทษขอโพยที่จะต้องขอปลีกไปดูงานสำคัญที่บังเอิญลูกน้องทำพลาดขึ้นอีกจนได้ และวิวรรญาก็จำจะต้องบอกไปตามเคย