ดังนั้นเธอจึงลองนึกภาพซูเปอร์มาร์เก็ตขึ้นมา และก็ปรากฏว่าเห็นประตูของมิติอยู่ตรงหน้าจริง ๆ ด้วยความตื่นเต้นดีใจ ก็รีบวิ่งเข้าไปข้างใน และแล้วก็เป็นความจริงดังที่ชายชราคนนั้นพูดไว้ เธอสามารถกลับมาในมิติได้อย่างง่ายดาย
ทีนี้ก็ถึงเวลาแล้วที่จะต้องยอมรับความจริงเสียที ว่าต่อไปนี้เธอจะต้องอยู่ในร่างของเว่ยอ้ายเหม่ยคนนี้ที่กำลังนอนหลับอยู่ข้างนอกนั่นเสียที เมื่อเธอเดินออกจากประตูมิติไปก็คงจะทำให้เว่ยอ้ายเหม่ยตื่นขึ้นเสียที เพราะตอนนี้ครอบครัวใหม่ของเธอกำลังเป็นห่วงอยู่มากทีเดียว
ในเมื่อดีขึ้นมาแล้วก็ควรจะทำให้พวกเขาหายเป็นห่วงกันได้แล้วเหมือนกัน และต่อไปนี้เธอจะลืมว่าตัวเองนั้นคือเฉินชิวเยว่จากโลกที่จากมา แต่เธอจะเป็นเว่ยอ้ายเหม่ยในโลกใบนี้เอง
เมื่อตัดสินใจแล้วหญิงสาวก็เดินออกจากประตูมิติไป เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ของเธอในฐานะเว่ยอ้ายเหม่ย ลูกสาวคนเดียวของบ้านรองเว่ยคนนี้เสียที
เวลานี้เสียงความวุ่นวายดังไปทั่วทั้งบ้านรองเว่ย เนื่องจากทุกคนต้องกระจายกันออกไปเพื่อทำงานในหน้าที่ของตนเอง ด้านของสะใภ้ทั้งสองตอนนี้กำลังช่วยกันทำอาหารอยู่ในครัว โดยมีหลานทั้งสองคนต่างก็ช่วยกันทำความสะอาดบ้านพร้อมกับวิ่งซนไปด้วย
เว่ยตงนั้นกำลังผ่าฟืนอยู่หน้าบ้าน ส่วนเว่ยอู๋ซินกำลังตักน้ำอยู่ที่หลังบ้านนั่นเอง
ส่วนทางด้านเฉินชิวเยว่ในร่างของเว่ยอ้ายเหม่ยนั้น กำลังนอนอยู่บนเตียงโดยที่มีเว่ยเฉียนกับหลี่ฟางเจียวคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง
ไม่นานหญิงสาวก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ ก่อนจะมองมาทางพ่อกับแม่เล็กน้อย ทันทีที่เว่ยเฉียนและหลี่ฟางเจียวเห็นลูกสาวลืมตา ก็แสดงสีหน้าดีใจออกมาทันที “อ้ายเหม่ยตื่นแล้วเหรอลูก หิวไหม” หลี่ฟางเจียวรีบเข้ามาเอ่ยถามลูกสาวด้วยความอ่อนโยนผสมกับความดีใจ
“ฉันหลับไปนานเท่าไรคะแม่” เว่ยอ้ายเหม่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“ลูกหลับมาตั้งแต่เช้า ตอนนี้ก็ใกล้จะถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว หิวไหมลูก แล้วอาการป่วยเป็นยังไงบ้าง” หลี่ฟางเจียวตอบพลางประคองเว่ยอ้ายเหม่ยให้ลุกขึ้นนั่งและลูบศีรษะเบา ๆ อย่างปลอบโยน
“นั่นสิ ยังปวดหัวอยู่ไหม อ้ายเหม่ย” เว่ยเฉียนถามรีบเข้ามาถามอาการป่วยของลูกสาวเช่นกัน
เว่ยอ้ายเหม่ยส่ายหน้าไปมาและใช้มือทั้งสองข้างจับดูที่ศีรษะของตัวเองพร้อมกับตอบกลับด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ไม่ปวดแผลแล้วค่ะ แต่ยังมึน ๆ หัวอยู่เล็กน้อย”
เว่ยอ้ายเหม่ยมองดูเว่ยเฉียนกับหลี่ฟางเจียว เธอรับรู้ถึงแววตาอันอบอุ่นที่ทั้งสองคนมองมาที่เธอ ในใจก็พลันรู้สึกตื้นตันเพราะว่าแววตานี้ช่างอบอุ่นไม่ต่างจากพ่อเฉินแม่เฉินของเธอในโลกที่เธอจากมาเลย แสดงว่าครอบครัวนี้จะต้องเป็นครอบครัวที่ดีแน่ ๆ และทั้งสองคนนี้ก็ต้องรักเว่ยอ้ายเหม่ยมากเช่นกัน ดูได้จากที่เธอนอนหลับ ทั้งสองคนก็ยังเฝ้าอยู่ไม่ห่าง
จางอิงเดินถือกะละมังใส่น้ำอุ่นเข้ามาในห้อง ก่อนจะวางมันลงบนเตียง ข้าง ๆ กับหลี่ฟางเจียว
“ตื่นแล้วเหรออ้ายเหม่ย รู้สึกยังไงบ้าง” จางอิงถามอย่างอ่อนโยน มือสองข้างก็เอาผ้าผืนเล็กสีขาวลงจุ่มในน้ำอุ่นแล้วบิดพอหมาด ๆ ก่อนส่งให้กับผู้เป็นแม่สามีอย่างหลี่ฟางเจียวเพื่อนำไปเช็ดตัวให้เว่ยอ้ายเหม่ย
“ดีขึ้นมากแล้วค่ะ พี่สะใภ้ใหญ่” เว่ยอ้ายเหม่ยตอบกลับไปด้วยเสียงอ่อนลงกว่าปกติ
เพราะคำพูดและน้ำเสียงนี้ทำเอาทั้งจางอิงและหลี่ฟางเจียวถึงกับตะลึงงัน เนื่องจากนานมาแล้วที่พวกเขาไม่เคยได้ยินเว่ยอ้ายเหม่ยพูดจากับคนอื่นไพเราะขนาดนี้
“ทำความสะอาดแผลก่อนเถอะ จะได้ใส่ยา” จางอิงเรียกสติของตนเองกลับมา ก่อนจะบอกเรื่องใส่ยาทำแผลรวมถึงยกชุดยาสำหรับทำแผลส่งให้แม่สามีของตนเอง
หลี่ฟางเจียวรับชุดยาทั้งหมดมาวางไว้ข้างตัว จากนั้นจึงแกะผ้าพันแผลที่ศีรษะของเว่ยอ้ายเหม่ยออกช้า ๆ ก่อนจะลงมือเช็ดแผลให้อย่างเบามือพร้อมกับก็ใส่ยา จากนั้นก็เปลี่ยนผ้าพันแผลเป็นอันใหม่แล้วพันให้จนเสร็จเรียบร้อย
“เสร็จแล้ว ลุกไหวไหมอ้ายเหม่ย ถ้าลุกไหวก็ออกไปกินข้าวข้างนอกจะได้สูดอากาศบริสุทธิ์บ้าง แต่ถ้าลุกไม่ไหวก็รออยู่ที่นี่ เดี๋ยวพี่จะไปตักข้าวมาให้กินเอง” จางอิงเอ่ยถามอย่างใส่ใจ เธอสังเกตสีหน้าของน้องสามี ก็เห็นได้ว่าดีขึ้นมากแล้วเลยอยากให้ไปสูดอากาศข้างนอกบ้าง แต่ก็ยังคงไม่วางใจอยู่ดี เลยอาสาจะเอาข้าวมาให้เอง
“ไหวค่ะ ฉันอยากออกไปกินข้าวข้างนอกมากกว่า รบกวนพี่สะใภ้ใหญ่ช่วยฉันหน่อยได้ไหมคะ” เว่ยอ้ายเหม่ยเอ่ยตอบขึ้นมาพลางใช้มือทั้งสองยันตัวเองให้ลุกขึ้น
“ได้ มาพี่จะช่วยพยุงอ้ายเหม่ยเอง” จางอิงที่หายจากอาการตกตะลึงรอบสองกับคำพูดคำจาที่ดูดีมีมารยาทของน้องสามี ก็รีบเข้ามาช่วยประคองทันที
“มา แม่ช่วยอีกแรง” หลี่ฟางเจียวเอ่ยขึ้นอีกคนพร้อมกับมายืนประกบอีกข้าง
หลี่ฟางเจียวและจางอิง ค่อย ๆ ประคองเว่ยอ้ายเหม่ยเดินออกมาที่หน้าบ้าน นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นสภาพความเป็นอยู่ของคนชนบทในยุคนี้ ที่หมู่บ้านนี้ค่อนข้างเงียบสงบ อาจจะเป็นเพราะว่าพอตกเย็นทุกคนก็ต่างพากันกลับมาจากทำงาน แล้วก็เข้าบ้านใครบ้านมันเพื่อหุงหาอาหารกินก่อนจะเข้านอนเพื่อพักผ่อนเอาแรงเพื่อทำงานในวันต่อไป และนั่นบ้านรองเว่ยเองก็เป็นแบบเช่นกัน
บ้านรองเว่ยอยู่ในเขตพื้นที่บริเวณเดียวกับบ้านใหญ่ เพียงแต่ว่าทั้งสองบ้านไกลออกไปทางด้านหลังหมู่บ้าน และไม่ได้อยู่ติดถนนของหมู่บ้านก็เลยไม่ค่อยมีบ้านของชาวบ้านคนอื่นมากเท่าไร จะมีก็เพียงแค่บ้านสองสามหลังที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกัน จะว่าไปก็ไม่ได้ไกลจากถนนตัดเข้าหมู่บ้านมากจนเกินไป ทำให้เมื่อเกิดอะไรขึ้นชาวบ้านก็สามารถรับรู้เรื่องราวต่าง ๆ ได้ทันทีเช่นกัน
บ้านหลังนี้ทั้งเล็กและเก่าซอมซ่อ แลดูคับแคบเกินกว่าที่จะอยู่ด้วยกันตั้งเก้าคน ภายในบ้านมีห้องแค่สามห้อง ด้านหน้าสุดเป็นห้องของเว่ยอ้ายเหม่ยที่ได้สิทธิ์ขาดเพียงคนเดียว ส่วนอีกสองห้องเป็นของครอบครัวเว่ยตงกับเว่ยอู๋ซิน ส่วนเว่ยเฉียนกับหลี่ฟางเจียวนั้น ได้มีการตั้งเตียงอยู่ที่ห้องโถงกลางบ้านติด ๆ กับห้องครัวโดยมีผ้ากั้นเป็นฉากเอาไว้เท่านั้น
ความเป็นอยู่ของคนบ้านรองเว่ยนี้ค่อนข้างอัตคัดพอสมควร อาหารที่ทำกินส่วนใหญ่ก็จะเป็นข้าวกับธัญพืชที่ทางรัฐแจกจ่ายให้ ส่วนพวกกับข้าวก็จะทำมาจากอาหารแห้งที่ใช้ไปตั๋วซื้อมาบ้าง หรือไม่เป็นปลาที่เว่ยตงกับเว่ยอู๋ซินไปจับมาจากแม่น้ำท้ายหมู่บ้าน ผักสดและผลไม้ที่เว่ยอ้ายเหม่ยชอบเก็บมาจากในป่า เนื้อหมูเนื้อไก่ไม่ต้องพูดถึงปีหนึ่งได้กินสักครั้งก็ถือว่าโชคดีแล้ว
เฉินชิวเยว่พยายามทำใจยอมรับว่า ตอนนี้ตัวเองเป็นเว่ยอ้ายเหม่ยแล้วและทำใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ดังนั้นเมื่อเห็นสิ่งต่าง ๆ ก็ไม่ได้รู้สึกว่าน้อยใจหรือตัดพ้ออะไร เพียงแต่สงสารคนในครอบครัวนี้เท่านั้นที่ต้องอยู่กันอย่างยากจนแร้นแค้น
เธอเคยอ่านหนังสือที่บอกเล่าเรื่องราวและประวัติศาสตร์ในยุค70ถึง 80 อยู่บ้าง แถมในตอนที่นอนป่วยอยู่ ป้าหลี่ยังชอบอ่านนิยายที่นางเอกได้ย้อนกลับมาในยุค 70 นี้ให้เธอฟัง ทำให้พอจะเข้าใจว่าคนที่เป็นบ้านรองนั้นส่วนใหญ่แล้วมีชีวิตกันยังไง ก็เลยไม่แปลกใจที่บ้านของเธอในตอนนี้เป็นแบบนี้
ต่อจากนี้ไปเธออาจจะต้องทำอะไรสักอย่าง เพื่อให้ครอบครัวของตัวเองมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยเธอไม่กังวลใจในส่วนนี้ อย่าลืมสิว่าเธอมีซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่อยู่ในมิติ
“นั่งเล่นรอตรงนี้ก่อนนะอ้ายเหม่ย เดี๋ยวพี่ไปทำกับข้าวก่อน เหลืออีกไม่เยอะแล้ว” จางอิงเอ่ยขึ้น เมื่อพาน้องสามีออกมานั่งเล่นที่แคร่หน้าบ้านแล้ว
“ค่ะพี่สะใภ้ใหญ่” เว่ยอ้ายเหม่ยก้มหัวของคุณพี่สะใภ้อย่างมีมารยาท
“อ่อ...จ้ะ” จางอิงพยักหน้ารับอย่างงุนงงกับปฏิกิริยาของเว่ยอ้ายเหม่ย ก่อนจะเดินไปทางห้องครัว