บทที่ 10 ฉันไม่ใช่เฉินชิวเยว่อีกแล้วเหรอ

1619 คำ
“ทำไมถามแบบนั้นล่ะอ้ายเหม่ย พวกเราก็คือสมาชิกในครอบครัวเว่ยของเธออย่างไรล่ะ นี่พ่อ แม่ พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ทั้งสองและหลาน ๆ ส่วนพี่ก็พี่รองของเธอไง” พี่ชายคนรองของบ้านเอ่ยขึ้นมาอย่างอ่อนโยน พร้อมกับไล่แนะนำทุกคนในครอบครัว “ครอบครัวเว่ยอย่างนั้นเหรอ” เฉินชิวเยว่เอียงคอถามกลับมาอย่างงุนงง ‘อะไรกันเนี่ย หรือว่าเราตายไปแล้ว แล้วมาอยู่ในร่างของใครสักคนเหมือนในนิยายที่ป้าหลี่เคยอ่านให้เราฟัง’ หญิงสาวคิดไปถึงตอนที่นอนป่วยอยู่แล้วป้าหลี่ชอบมานั่งเฝ้าเธอพร้อมกับอ่านนิยายให้ฟังอยู่บ่อย ๆ “โธ่ อ้ายเหม่ยลูกแม่ ทำไมถึงเป็นแบบนี้กันนะ เพิ่งหายป่วยรอดจากความตายมาแท้ ๆ แต่กลายเป็นจำใครในครอบครัวไม่ได้เลย” หลี่ฟางเจียวร้องไห้ออกมาอีกครั้งด้วยความสงสารลูกสาวของตนเองเมื่อเห็นท่าทางเหมือนเธอจะจำใครไม่ได้ “สงสัยสมองของอ้ายเหม่ยจะได้รับการกระทบกระเทือนในตอนที่ล้มหัวฟาดพื้นน่ะแม่ ก็เลยจำพวกเราไม่ได้ เชื่อเถอะว่าอีกไม่นานน้องก็จะกลับมาจำพวกเราได้อีกครั้ง ให้เวลาน้องหน่อยนะครับ แม่อย่าร้องไห้เลยนะ” เว่ยอู๋ซินพูดกับแม่ของตนพร้อมกับโอบเบา ๆ เพื่อปลอบโยนให้หายกังวล แม้ในใจนั้นกังวลแต่ก็เชื่อว่าน้องสาวจะต้องหายจากการป่วยในครั้งนี้ “ใช่แล้วครับแม่ ถึงตอนนี้อ้ายเหม่ยจะจำพวกเราไม่ได้ แต่น้องก็ฟื้นคืนสติมาแล้วนะครับ น้องไม่ตายแล้ว ต่อไปพวกเราก็ค่อย ๆ ดูแลน้อง เดี๋ยวความทรงจำน้องก็จะกลับมาเอง” เว่ยตงพูดขึ้นอีกคน การมีชีวิตรอดพ้นความตายกลับมาได้ ก็ดีที่สุดแล้วไม่ใช่หรือยังไง เฉินชิวเยว่ยิ่งฟังทั้งสองคนพูดปลอบใจหญิงวัยกลางคนที่อ้างตัวว่าเป็นแม่เธอก็ยิ่งสับสน แต่ก็ไม่รู้จะพูดอะไรกับคนเหล่านี้ดี พวกเขาเองก็ยังไม่ตอบเธอมาด้วยซ้ำว่าพวกเขาเป็นใคร ทำให้เธอยังไม่กล้าพูดอะไรออกมา บรรยากาศตอนนี้จึงมีแต่ความเงียบงัน แต่ทว่าทันใดนั้นจู่ ๆ หญิงสาวก็ปวดหัวขึ้นมาอย่างกะทันหัน เธอยกมือขึ้นกุมศีรษะไว้พร้อมกับก้มหน้าซุกลงที่หัวเข่า “โอ้ย..ปวดหัว ปวดเหลือเกิน” หญิงสาวร้องออกมาพร้อมกับส่ายหัวไปมาคล้ายกับเจ็บปวดอย่างมาก “อ้ายเหม่ย!!” ทุกคนเรียกชื่อเธอออกมาพร้อมกันด้วยความตกใจ และทำท่าจะเข้ามาดูอย่างเป็นห่วง แต่ทว่าเธอรีบยกมือและร้องห้ามไว้ “อย่า ไม่ต้องเข้ามา” นี่จึงทำให้ทุกคนที่กำลังจะเข้ามาดูอาการของเธอได้หยุดชะงักไปทันที สาเหตุที่หญิงสาวรีบเอ่ยห้ามนั้นเพราะว่าตอนนี้จู่ ๆ ความทรงจำของใครบางคนที่คาดว่าน่าจะเป็นของร่างนี้ก็พรั่งพรูเข้ามาในหัวของเธอคล้ายกับกำลังฉายภาพยนตร์ ภาพที่ปรากฏขึ้นมานั้นเริ่มตั้งแต่ตอนที่คนที่น่าจะชื่อว่าเว่ยอ้ายเหม่ยเป็นเด็กเพิ่งจำความได้ ต่อมาก็ฉายเป็นภาพที่ครอบครัวบ้านเว่ยสายรองกำลังนั่งกินข้าวด้วยกันอย่างอบอุ่น ทุกคนในบ้านต่างก็ตักอาหารให้เธอและเรียกเธอว่าน้องเล็กบ้าง อ้ายเหม่ยบ้าง พ่อกับแม่ก็ดูแลเธอกับพี่ชายทั้งสองคนเป็นอย่างดี เมื่อก่อนพ่อกับแม่ไปทำงานที่คอมมูน เวลาส่วนใหญ่เธอก็จะอยู่บ้านกับพี่ชายทั้งสอง โดยระหว่างนั้นเธอก็มีพี่ชายดูแลหาข้าวให้กินตลอด ต่อมาเป็นภาพของเธอเดินไปเล่นที่ริมแม่น้ำเพียงลำพัง ดูท่าว่าจะชอบมากเพราะไปที่นั่นตั้งแต่เด็กจนโต ที่บ้านใหญ่เว่ยมีเด็กสาวคนหนึ่งที่น่าจะเป็นลูกพี่ลูกน้องของเว่ยอ้ายเหม่ยชื่อว่าเว่ยอวิ๋ยรุ่ย เป็นเด็กผู้หญิงที่นิสัยไม่ดีที่ชอบแกล้งเธอสารพัด เว่ยอวิ๋นรุ่ยทั้งแย่งของและทำร้ายร่างกายเธอ มีครั้งหนึ่งเว่ยอ้ายเหม่ยจับปลาอยู่ที่ริมแม่น้ำ ได้ปลามาสองสามตัวกะว่าจะเอากลับไปให้พี่ชายทำอาหารเย็นไว้รอพ่อกับแม่ แต่เว่ยอวิ๋นรุ่ยกับสหายอีกสองคนมาจากไหนก็ไม่รู้มาสหาย มาถึงก็เข้ามายื้อแย่งปลาของเธอไป “นี่นังอ้ายเหม่ย เอาปลามาให้ฉัน ฉันจะเอากลับบ้านเพื่อทำอาหารให้ปู่กับย่า” เว่ยอวี๋ยรุ่ยพูดแล้วยื่นมือมาแย่งตะกร้าใส่ปลาจากมือของเว่ยอ้ายเหม่ยโดยยกเอาปู่ย่ามาอ้าง “ไม่ได้นะ ปลานี่ฉันจะเอาไปให้พี่ใหญ่ทำกับข้าวไว้ให้พ่อกับแม่กินเย็นนี้” เว่ยอ้ายเหม่ยเองก็ไม่ยอมให้ง่าย ๆ ทั้งสองจึงได้ยื้อยุดฉุดกระชากตะกร้าปลากันไปมา “ไม่ให้ ปลานี่ฉันเป็นคนไปจับมาจากแม่น้ำ เธอไม่มีสิทธิ์มาเอาไป” เว่ยอ้ายเหม่ยดึงตะกร้ากลับมาและพูดขึ้นอย่างไม่ยินยอม เมื่อได้ยินคำว่าไม่มีสิทธิ์ เว่ยอวิ๋นรุ่ยก็โมโหเลือดขึ้นหน้าก่อนจะตะคอกใส่เว่ยอ้ายเหม่ยเสียงดังลั่น “ทำไมฉันจะไม่มีสิทธิ์ ฉันเป็นคนบ้านใหญ่นะ พวกคนบ้านรองอย่างเธอ หาอะไรมาได้ก็ต้องให้คนบ้านใหญ่ก่อน เอามานี่ถ้าไม่อยากได้ชื่อว่าเป็นคนอกตัญญู” พูดจบเว่ยอวิ๋นรุ่ยก็กระชากตะกร้าปลาจากมือเว่ยอ้ายเหม่ยไปและหันไปบอกสหายอีกสองคนว่า “พวกเธอสองคน ผลักนังอ้ายเหม่ยลงน้ำไปเลย เร็วเข้า” จากนั้นก็มีเสียงคนตกน้ำดังลั่น น้ำแตกกระจายจนกระเด็นไปโดนผู้คนที่กำลังซักผ้าอยู่ริมแม่น้ำ เว่ยอ้ายเหม่ยลอยคออยู่ในแม่น้ำอย่างน่าเวทนาโดยไม่มีใครช่วยเหลือเพราะคิดว่าไม่ใช่เรื่องของตนเอง และเป็นเพราะว่าในตอนนั้นยังเธอเด็กอีกอยู่มาก ทั้งยังตัวผอมแห้งไม่มีเรี่ยวแรงไปสู้เว่ยอวิ๋นรุ่ยกับสหายสองคนที่โตกว่าได้ ทำได้เพียงแต่ตะเกียกตะกายขึ้นจากน้ำแล้วเดินร้องไห้กลับบ้านไป เฉินชิวเยว่เห็นภาพเหล่านั้นก็สงสารเด็กน้อยเว่ยอ้ายเหม่ยยิ่งนัก ความทรงจำของเด็กน้อยยังหลั่งไหลเข้ามาในหัวของเธอไม่หยุด ภาพที่เด็กสาวคนนี้โตขึ้นแล้วอายุราว ๆ สิบสามสิบสี่ปี ก็เป็นภาพที่คนของบ้านใหญ่มาขนเอาผลผลิตต่าง ๆ ที่ทางการแบ่งให้กับบ้านรองไปจนหมด ทั้งข้าวสาร ธัญพืช รวมทั้งของใช้ต่าง ๆ ที่คนบ้านรองใช้ตั๋วซื้อจากร้านค้าสวัสดิการมาอย่างยากลำบาก เว่ยคังถีบเว่ยเฉียนพ่อของเด็กสาวจนเกือบล้ม และการมายึดเอาของแบบนี้ ก็เกิดขึ้นทุกครั้งที่ทางการแจกจ่ายผลผลิต ทุกครั้งคนบ้านใหญ่จะอ้างแต่คำว่า ‘กตัญญู’ แล้วก็มาถึงความทรงจำครั้งล่าสุด เป็นตอนที่นางหวังหลิน ภรรยาของเว่ยคังมาหาเรื่องเว่ยอ้ายเหม่ยที่บ้านรอง แล้วทำร้ายเด็กสาวจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ภาพวันนั้นคือนางหวังหลินกับเว่ยอวิ๋นรุ่ยบุกมาถึงหน้าบ้านแล้วโวยวายว่าเด็กสาวคนนี้เป็นคนขี้ลักขี้ขโมย โดยได้บอกว่าเธอไปเอากิ๊บติดผมของเว่ยอวิ๋นรุ่ยมา เว่ยอ้ายเหม่ยปฏิเสธเสียงแข็ง ทั้งสองโต้เถียงกันอยู่นานพอสมควร จากนั้นนางหวังหลินก็ได้ลงมือทำร้ายเธอด้วยการผลักเธออย่างแรงจนล้มลงไปกับพื้น ศีรษะไปกระแทกเข้ากับวงกบประตูจนหัวแตกและเสียเลือดมากจนเธอสลบไป จากนั้นก็ไม่มีความทรงจำของเว่ยอ้ายเหม่ยอีกเลย ‘นี่เธอคงจากไปตั้งแต่คืนนั้นสินะ อ้ายเหม่ย ฉันขอให้โชคดีนะ ไม่ต้องห่วงทางนี้ ฉันจะดูแลพวกเขาแทนเธอเอง’ เฉินชิวเยว่คิดในใจ พร้อมกับเงยหน้าขึ้นจากหัวเข่าเพื่อมองคนในครอบครัวของบ้านรองเว่ย ตอนนี้หญิงสาวรู้แล้วว่าคนที่อยู่ตรงหน้านั้นคือพ่อกับแม่และพี่ชายทั้งสองคนของเธอ ถ้าอย่างนั้นผู้หญิงอีกสองคนที่มองมาอย่างห่วงใยก็น่าจะต้องเป็นพี่สะใภ้ใหญ่ พี่สะใภ้รองอย่างแน่นอนส่วนเด็กสองคนนั้นก็คงจะเป็นหลาน ๆ ‘เฮ้อ... นี่ฉันจะต้องยอมรับแล้วใช่ไหมว่า ฉันในตอนนี้ไม่ใช่เฉินชิวเยว่ในยุครุ่งเรืองอีกต่อไป แต่กลับกลายเป็นเว่ยอ้ายเหม่ยเด็กสาวที่น่าสงสารคนนั้นแถมยังอยู่ในยุคที่ยากยากลำบาก’ เฉินชิวเยว่ยังนั่งมองบุคคลตรงหน้านิ่ง ๆ และคิดในใจอย่างยอมรับชะตากรรมของตนเอง ‘แต่เรื่องนี้เป็นความจริงอย่างนั้นหรือ ที่ จู่ ๆ ฉันที่ป่วยหนักและตายด้วยโรคร้าย เมื่อตายแล้วก็โผล่มาเข้าร่างของผู้อื่นที่นี่ มันเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อเอาอย่างมาก หรือว่าครั้งนี้จะเป็นเพียงแค่ความฝัน’ แค่คิดว่านี่เป็นเพียงความฝัน เธอลองหยิกตัวเองตัวทีหนึ่งก็รู้สึกเจ็บจนสะดุ้ง แต่สุดท้ายเธอก็ยังคงไม่เชื่ออยู่ดี
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม