ตอนที่ 3
“มีไร” เอกราชที่กำลังเซ็นเอกสารรับปุ๋ยอยู่ถามอย่างสงสัย นานทีปีหน ที่เมฆาจะเป็นคนโทรหาเขาก่อน เพราะไม่ว่าจะมีเรื่องด่วนเพียงใด ชายหนุ่มจะสั่งให้เลขาเป็นคนติดต่อประสานงานอยู่ตลอด หรือไม่ก็ลงมาสั่งการและลงมือทำด้วยตัวเอง มากกว่าที่จะนั่งเป็นเจ้านายชี้นิ้วสั่งโดยไม่เห็นผลงาน
“ช่วงนี่แกยุ่งไหมเอก”
“เท่าที่แกรู้นั่นแหละ ถามทำไมวะ” เอกราชถามกลับ ด้วยคำถามของเมฆาทำให้เขารู้สึกแปลกใจ
“จำได้ แกเคยยบอกว่าชอบจอมขวัญ ตอนนี้ก็ยังชอบอยู่ใช่ไหมเอก” เมฆาถามตรงๆ เพราะเท่าที่เขาเห็นเอกราชเป็นคนปากร้าย แต่ไม่เคยที่จะหาเรื่องจิกจัดผู้หญิงคนใดเลยนอกจาก...จอมขวัญ
จากที่เขาคอยสังเกต ทำให้เจอพิรุธหลายอย่าง จนเชื่อได้ว่า เอกราชสนใจจอมขวัญเป็นพิเศษ
“อือ...” เอกราชตอบรับ ถึงไม่จะพูด แต่คนที่อยู่ด้วยกันตั้งแต่หัวเท่ากำปั้น รู้อยู่ดีนั่นแหละ ใจเขาคิดอย่างไรและเขาเองก็รู้เหมือนกันอีกฝ่ายคิดยังไง
“ถามทำไม มีอะไรหรือเปล่า” เอกราชถามกลับ ขายาวใหญ่ก้าวไปเรื่อยๆ จนถึงบ้านพัก กำลังจะก้าวเข้าไปในบ้านก็ต้องหยุดชะงักด้วยคำพูดของลูกพี่ลูกน้อง...นายหัวเมฆ เมฆา ปรุระวงศ์
“ถ้าอย่างนั้นก็เเหมาะเลย ฉันมีงานให้แกทำ”
“งานอะไร” เอกราชถามแบบเสียวสันหลังวาบ
“แกช่วยกันจอมขวัญไปไกลๆ ฉันหน่อยซิเอก”
ถึงจะอึดอัดใจไปสักหน่อย แต่เขาคิดว่า เอกราชไม่รีรอที่จะทำตามความต้องการของเขาแน่นอน งานนี้จอมขวัญคงจะต้องหนาวกับสิ่งที่ได้เจอ
ใบหน้าเข้มกระจ่างด้วยรอยยิ้ม นัยน์ตาแวววาวระยับ ขณะพยักหน้าให้คนขับรถที่เปิดประตูรออยู่
“หือ...แกพูดใหม่ซิเมฆ จะให้ฉันทำไรนะ” เอกราชถามย้ำให้มั่นใจว่าตนเองไม่ได้หูฝาดไป
ใช่! ถึงเขาจะชอบจอมขวัญแค่ไหน แต่ก็รู้ว่าใจเธออยู่ที่ใคร อีกทั้งพ่อของเมฆาก็อยากจะได้หญิงสาวมาเป็นลูกสะใภ้ ยิ่งทำให้เขาต้องหักห้ามใจตัวเองไม่ให้เพ้อฝันในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เจ็บตอนนี้ยังดีกว่าปล่อยใจรักไปเต็มเปา แล้วต้องจมอยู่กับความเจ็บช้ำตลอดไป เมื่อเลือกตอบแทนคุณผู้ที่เลี้ยงดูมาตั้งแต่เป็นเด็ก คนที่ทำให้เขากลายเป็นคนที่มีค่ามาจนถึงทุกวันนี้ แต่ตอนนี้บุตรชายของผู้มีพระคุณได้สร้างเรื่องให้เกิดความกังวลใจและปวดหัว ด้วยไม่รู้อีกฝ่ายคิดทำอะไรอยู่
“ฉันรู้ว่าแกเข้าใจนะเอก” เมฆาเอนตัวอิงไปกับเบาะรถ ยกขาแข็งแรงขึ้นและยกขาอีกข้างขึ้นทับ ขณะยื่นมือไปหยิบเอาแฟ้มเอกสารขึ้นมาเปิด
“แล้วคุณลุงล่ะเมฆ”
“ไม่ต้องห่วง ฉันมีวิธีการรับมือ แค่แกทำตามคำขอร้อง ช่วยดึงขวัญให้ห่างไกลฉันก็พอแล้ว” ไม่รอให้เอกราชได้ตอบปฏิเสธ เมฆาชิงวางสายไปก่อน ปล่อยให้คนที่ฟังยืนอึ้ง กำโทรศัพท์ในมือไว้แน่น
“หาเรื่องยุ่งมาให้ฉันปวดหัวอีกแล้วไหมล่ะเมฆ” เอกราชบ่นงึมงำเหมือนจะระอาที่มาพร้อมกับความหนักใจและความรู้สึกผิด อีกทั้งยังสงสารจอมขวัญจับใจ ถึงจะพยายามหาข้ออ้างหลีกเลี่ยงงานนี้ ทว่าใจเขากลับไม่ยอมรับฟัง และเขาต้องทำตามคำขอของเมฆาอยู่ดี
แล้วภาพสาวน้อยร่างสูงโปร่งเหมือนนางแบบ ใบหน้าเรียวยาว ดวงตากลมโตสีดำล้อมกรอบด้วยขนตายาวงอน จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากรูปกระจับ ผิวกายขาวผ่องเป็นยองใยก็แวบเข้ามาในความคิดคำนึงของเอกราช ก่อนความหงุดหงิดจะตาม
อะไรๆ ก็ดีไปเสียหมด เพียงแต่...จอมขวัญแต่งตัวเปรี้ยวเกินไป เกือบจะเป็นโป้ก็ว่าได้ แต่ก็นั่นแหละ เธอมีความมั่นใจในตนเอง กล้าพูดกล้าทำและกล้าแสดงออกในสิ่งที่ตัวเองต้องการ โดยไม่สนใจความคิดของคนรอบข้างจะเห็นด้วยหรือเปล่า รู้แค่มั่นใจในเสน่ห์ที่ปรุงแต่งขึ้นสามารถดึงดูดทุกสายตาให้มองมาด้วยความหลงใหล ก่อนจะเผลอใจรักเธอได้โดยง่าย
เอกราชสะบัดศีรษะเล็กน้อย ขณะเดินเข้าไปในบ้านที่ตนเองลงทุนลงแรงสร้างด้วยน้ำพักน้ำแรงตั้งแต่เริ่มเรียนมหาวิทยาลัย โดยมีน้องสาวที่เมื่อพบเจอรูปภาพหรือของแต่งบ้านสวยๆ ก็จะซื้อหามาให้เป็นประจำ
จะว่าไปเขาอายุสามสิบปีเท่ากับเมฆา แต่ฐานะกลับด้อยกว่ามาก มีเงินเก็บเพียงเล็กน้อยกับความรู้ทางด้านการเกษตรที่พอจะเลี้ยงปากเลี้ยงท้องตัวเองและสามารถเลี้ยงคนที่จะมาเป็นภรรยาได้โดยไม่อดอยาก แต่ถ้าจะให้ร่ำรวยมีเงินมีทองจับจ่ายใช้สอยอย่างฟุ่มเฟือยก็เห็นจะไปได้ยาก เพราะพ่อเป็นเพียงลูกพี่ลูกน้องของลุงเมฆินทร์ ผู้มีพระคุณที่ให้การเลี้ยงดูเขากับน้องตั้งแต่บิดาและมารดาเสียชีวิต ตอนนี้ผู้เป็นน้องสาว...แก้วเพชรเรียนจบเรียบร้อยแล้ว และกำลังเดินทางกลับมาเพื่อทำงานตอบแทนบุญคุณคนที่เลี้ยงดูอย่างไม่เคยคิดจะทอดทิ้ง
“ฉันจะทำยังไงดี จะหลีกเลี่ยงไม่ทำร้ายเธอยังไงดี” เอกราชพึมพำด้วยความหนักอกหนักใจเพราะคำขอเมฆา
เขารักจอมขวัญก็จริง แต่หญิงสาวรักเมฆา ซึ่งก็หมายถึง เขาจะต้องหักหานน้ำใจคนที่รัก
เอกราชทรุดกายลงนั่งลงโซฟา พลางกวาดสายตามองไปทั่วห้องโถงเล็กที่ใช้งานได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะรับเหล่าผู้มาเยี่ยมเยือน ทานอาหารเพียงลำพัง ที่บางครั้งความเงียบเหงามาเยือน เขาก็อาศัยเปิดทีวีทิ้งไว้เป็นเพื่อนยามนอนหลับพักผ่อน
แต่ช่างเถอะ ชีวิตก็สั้นนิดเดียว ดูอย่างพ่อกับแม่ซิ ด่วนจากไปตั้งแต่ยังหนุ่มยังสาว ส่วนเขาเองก็ยังไม่รู้เลยว่าจะตายวันตายพรุ่ง ควรใช้ชีวิตให้มีความสุขมากที่สุดจะดีกว่า ไม่แน่ บางทีจอมขวัญอาจจะเกิดมาเป็นคู่แท้ของเขาก็ได้ ฟ้าเลยกำหนดมาให้สองคนได้อยู่ใกล้ชิดกันอย่างนี้
เอกราชส่ายศีรษะกับความคิดเรื่อยเปื่อยของตนเอง จอมขวัญเกลียดเขาจนเข้ากระดูกดำแบบนั้น ถ้าจะให้กลายมาเป็นคนรัก มีหวังพระอาทิตย์คงจะขึ้นทางทิศตะวันตกเสียมากกว่า อีกอย่างตอนนี้สิ่งที่ควรทำคือ คิดหาวิธีจัดการทำตามคำขอของเมฆา โดยไม่ผิดกฎหมาย ไม่ถูกพี่ชายจอมหวงน้องตามล่าหมายเอาชีวิต และสำคัญคือไม่ผิดต่อจิตสำนึกของตัวเองด้วย
ปิ่นปักเดินเข้าห้องพักอย่างคนอารมณ์ดีสุดๆ อยากที่จะยิ้มออกมากว้างๆ แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะกลัวคนที่เห็นจะหาว่าบ้า ที่ยิ้มกับต้นไม้ใบหญ้าข้างทาง แต่ปิ่นปักยังตื่นเต้นและดีใจไม่หายที่เมื่อกรอกเอกสารเรียบร้อย ฝ่ายบุคคลร่างเล็กผมสีดอกเลาก็นัดหมายวันสัมภาษณ์เสียเสร็จสรรพ สร้างความแปลกใจระคนงุนงงให้กับเธอเป็นยิ่งนัก ด้วยสายตาที่มองมายังเธอ มีทั้งแปลกใจสงสัย อยากรู้อยากเห็นและไม่ชอบใจด้วย
หญิงสาวยิ้มหวานให้คนที่นั่งชันเข่าอยู่หน้าบ้านหลังเล็กที่ตอนนี้มีเพียงแค่เธอเป็นผู้อาศัยเพียงคนเดียว พ่อกับแม่เสียชีวิตไปนานหลายปีแล้ว แม่เสียชีวิตด้วยอาการป่วยเรื้อรัง ส่วนพ่อเสียชีวิตเพราะเมาแล้วขับ เลยเกิดอุบัติเหตุรถไถลตกลงไปในถนนข้างทาง รถจมน้ำและพ่อก็ติดอยู่ในนั้น ออกมาไม่ได้
ตอนที่พ่อเสียชีวิต เธอเรียนจบพอดี เลยไม่เดือดร้อนเท่าไหร่ อีกทั้งเจ้านายเก่าของพ่อก็ให้ความช่วยเหลือตามสมควร แต่รับเธอเข้าไปทำงานไม่ได้ เพราะเป็นงานที่ต้องเดินทางขึ้นเหนือล่องใต้อยู่ตลอดเวลา อีกทั้งผู้ร่วมงานแทบทั้งหมดเป็นผู้ชาย ที่สำคัญอีกอย่างคือ เจ้านายคนนั้นมีภรรยาขี้หึงอย่างรุนแรง เพียงได้ข่าว...เห็นผู้หญิงอยู่ใกล้กับสามี ก็จะคิดว่าเป็นเมียน้อยที่ต้องหาทางตีให้แตกในทันที อาละวาดอย่างไม่สนใจหน้าอินหน้าพรหมที่ไหนเลย
“เป็นไงบ้างปิ่น ได้งานไหม” เพียงเห็นหน้าธวัชชัยก็รีบถามในทันที ชายหนุ่มลุกขึ้นยืน พร้อมยื่นไปขอกุญแจบ้านจากหญิงสาวมาไขเสียเอง ก่อนที่จะเปิดประตูบานเล็กเดินเข้าไปในบ้านที่มีเพียงแค่สามส่วน ส่วนแรกคือห้องโถงที่มีเพียงแค่โต๊ะวางทีวีแค่หนึ่งตัว ส่วนที่เหลือก็ปล่อยให้โล่งไปตลอดจนถึงด้านหลังที่เป็นห้องทำครัว ติดกันก็เป็นห้องน้ำและห้องส่วนตัวของปิ่นปันที่มีผ้าม่านสีฟ้าลายทิวทัศน์แขวนไว้