ตอนที่ 2
ฟันขาวขบกัดบนกลีบปากและรีบหลบฉากถอยไปยืนให้ไกล...ไกลจากผู้ชายร่างยักษ์ที่ทำให้ตัวเองอับอายระคนโกรธเคืองที่ไม่รู้ว่าความรู้สึกใดมากกว่ากัน
“เอ่อ...ขอโทษด้วยค่ะ เป็นความผิดของฉันเอง” ปิ่นปักเอ่ยออกไปทั้งที่ยังข้องใจ เป็นความผิดของตัวเองแน่หรือ
“คือฉัน...ฉันไม่ทันมองว่ามีคนเปิดประตูออกมานะคะ” ชายตรงหน้ารูปร่างก็ไม่ได้เล็ก แต่ทำไมเธอถึงได้มองไม่เห็นก็ไม่รู้ เลยทำให้เจอกับประสบการณ์แย่ๆ ยังโชคดีว่าไม่ล้มก้นจ้ำเบ้าให้อับอายขายขี้หน้าซ้ำไปอีก
“ไม่เป็นไร ความผิดของฉันเหมือนกัน ที่เปิดประตูมาโดยไม่มองว่ามีคนยืนอยู่”
ชายหนุ่มตอบกลับ พลางกวาดสายตามองไปทั่วร่างโปรงอีกครั้งอย่างเสียดาย สาวน้อยตรงหน้าก็มีรูปร่างดีอยู่หรอก แต่เลือกใช้เสื้อผ้าไม่ค่อยจะสวยเท่าไหร่ ดูเหมือนสาวเฉิ่มเชย ยังจะเอาแว่นมาสวมปกปิดดวงตาคู่งามอีก บั่นทอนความงามที่มี ทำให้เธอดูไม่น่าสนใจ แต่ไม่เป็นไรเรื่องแบบนี้สามารถปรับเปลี่ยนได้ เพียงแค่มีคนให้คำแนะนำที่ถูกต้องเหมาะสมเท่านั้น
“มาทำอะไรที่นี่” ชายหนุ่มถามอย่างอารมณ์ดี ทั้งที่เมื่อครู่เขาเพิ่งจะอารมณ์เสียจากผู้ใหญ่บางคนที่ทำตัวเป็นพวกสมองนิ่ม บอกว่าไม่ ยังจะยึดเอาความคิดของตัวเอง พยายามพูดถึงความต้องการของตัวเองอยู่นั่นแหละ
“มาขอฝึกงานที่นี่หรือไง สงสัยว่าเธอคงจะมาเก้อแล้วล่ะ ที่นี่ไม่รับนักศึกษามาฝึกงาน”
หญิงสาวยกมือขึ้นจับแว่นสวมให้เข้าที่เข้าทาง ดวงตากลมใสเปล่งประกายไม่พอใจขึ้นมาแวบหนึ่ง แต่พอสบกับสายตาแปลกๆ มีพลังอำนาจทำให้พูดไม่ค่อยออก ได้แต่ตอบเขาไปอย่างกับถูกบังคับก็ไม่ปาน
“เปล่าค่ะ ฉันมาสมัครงาน”
“หือ...” คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูงอย่างสงสัย สาวน้อยตรงหน้านี่อายุเท่าไหร่กัน จะถึงยี่สิบปีหรือเปล่า หน้าตาถึงได้ใสอ่อนเยาว์อย่างกับเด็ก แก้มใสจนเห็นเส้นเลือดฝาดอย่างนี้
“มาสมัครงาน ตำแหน่งอะไร ถึงได้แต่งตัวเฉิ่มและเชยราวกับเพิ่งจะหลุดออกมาจากโรงเรียนแม่ชีอย่างนี้ละ” ดวงตาคมดุกวาดมองไปทั่วร่างโปร่งอย่างขบขัน
“แต่งอย่างนี้ใครเขาอยากจะได้มาร่วมงานกันเล่า”
ปิ่นปักก้มมองการแต่งกายของตัวเองด้วยความสงสัยระคนไม่พอใจ
แต่งตัวไม่ดีตรงไหน? เสื้อผ้าที่ใส่ดูเรียบร้อยจะตาย เสื้อเชิ้ตสีขาว กระโปรงทรงเอสั้นสีน้ำตาลยาวแค่เข่า ดีที่สุดเท่าที่หาได้ในตู้ผ้า รองเท้าคัชชูสีดำที่ถึงจะเก่าแต่สภาพยังใช้การได้ดี แต่งตัวดูดีและเรียบร้อยที่สุดแล้วนะ
“คนที่มาสมัครงานต้องดูดีตั้งแต่แรกเห็นก็จริง แต่เธอนี่บอกตรงๆ เลย ไม่ได้เรื่อง แต่งตัวยังกับเด็กเพิ่งจะจบการศึกษายังงั้นแหละ” ชายหนุ่มย้ำไปอีกครั้ง พลางมองจุดสีแดงๆ ที่แต่งแต้มไปบนใบหน้านวลอย่างชอบใจ จะว่าไปสาวน้อยตรงหน้าสะดุดตาเขาอย่างแปลก ๆ ความน่ารักของเธอชวนให้สนใจ ยิ่งเมื่อคิดอะไรก็แสดงออกทางใบหน้าและดวงตาจนหมดก็ทำให้อยากคุยด้วยไปนาน ๆ
ปิ่นปักเม้มปากจนแบนราบ มองหน้าคนพูด นัยน์ตาเปล่งประกายขึ้นมาแวบหนึ่ง ด้วยโกรธเกรี้ยวกับคำพูดของชายหนุ่มที่เพิ่งได้เจอ
มาสมัครงานก็ต้องแต่งตัวให้เรียบร้อยมันก็ถูกแล้วนี่ จะให้แต่งตัวเหมือนเขา ใส่สูทผูกไทนะหรือ ช่างไม่มองอากาศบ้านเมืองตอนนี้เสียเลย ร้อนจนตับไตแทบจะสุกอยู่แล้ว ยังแต่งตัวราวกับนายแบบ เธอขอยอมแพ้ละกัน ขอแต่งแบบที่ชอบแบบนี้แหละดีแล้ว ทั้งเรียบร้อย ดูดี ไม่โป้โชว์เนื้อหนังมังสา เหมือนกับสาววัยรุ่นที่ชอบโชว์โน่นโชว์นี่
ชายหนุ่มยิ้มนิดๆ ให้หญิงสาวตรงหน้าอย่างเอ็นดู แก้มใสแดงจนเหมือนกับผลเชอร์รี่สุกที่เขาชอบกิน
ดวงตาคมดุจ้องริมฝีปากหนาอวบอิ่มจนอยากจะคว้ามาลิ้มลองชิมดู แต่ก็ไม่อยากจะทำให้เธอตื่นตระหนกตกใจไปเสียก่อน เพราะถ้ามาสมัครงานจริงๆ อีกไม่นานก็ต้องได้เจอกันแน่นอน
ปิ่นปักเม้มปากอย่างไม่ชอบใจ ดวงตาแวววาวของอีตายักษ์ตรงหน้าแปลกๆ มองเธอราวกับกำลังจะกลืนกินอย่างไรอย่างนั้น
“เอ่อ...ฉันขอตัวก่อนนะคะ” ปิ่นปักรีบบอกเสียงเบา และท่าทางลุกลี้ลุกลนด้วยกลัวสายตาคมปราบที่มองไล่ขึ้นไล่ลงตั้งไปทั่วทั้งตัวอย่างบอกไม่ถูก
“เชิญ แล้วค่อยเจอกันใหม่นะ...น้องเอ๋อ”
แม้จะเดินผ่านเข้าไปในห้องโถงใหญ่แล้ว แต่แว่วเสียงที่ได้ยินทำเอาปิ่นหักเริ่มกลัวชายหนุ่มร่างสูงใหญ่จนก้าวขาแทบไม่ออก ลางสังหรณ์บอกกับเธอว่า ผู้ชายคนนั้นพูดจริง แต่เธอไม่รู้ว่าจะเจอกับเขาในรูปแบบไหนฐานะใดเท่านั้นเอง
ปิ่นปักสะบัดศีรษะไล่ความคิดแปลก ๆ ออกไปแล้วรีบก้าวเดินเข้าไปในบริษัทเมฆินทร์การยาง ถึงจะไปไกลแล้วแต่ก็ยังรู้สึกเหมือนว่ามีสายตาคมมองตามไล่หลังมา มือหนายังแนบแผ่นหลัง อ้อมแขนแข็งแกร่งยังคงรัดกายตลอดเวลา ทำให้อยากหันหลังกลับมากกว่าจะยื่นใบสมัครอย่างที่ตั้งใจไว้ แต่...ถ้าทำอย่างนั้น ธวัชชัยก็จะต้องผิดหวัง และเธอก็ไม่อยากให้เพื่อนแสนดีที่นำเอาข่าวดีๆ มาบอกเสียน้ำใจ เลยจำใจปล่อยเลยตามเลย
เมื่อเดินมาหยุดอยู่ในห้องโถงใหญ่ของบริษัทเมฆินทร์การยาง ปิ่นปักก็หยุดรออยู่ชั่วครู่ เพื่อสูดลมหายใจเข้าปอดเรียกความมั่นใจอันน้อยนิดที่มีเพิ่มพลังให้ตัวเอง ก่อนจะมุ่งเดินไปทำตามที่ตั้งใจมา
หลังจากปล่อยให้สาวน้อยเฉิ่มเชยหายไปจากสายตา ชายหนุ่มก็รีบยกโทรศัพท์หาบางคน ให้จัดการทำตามความต้องการที่เกิดขึ้นมาอย่างปัจจุบันทันด่วนในทันที
ใจจริงเขาอยากเดินกลับไปจัดการด้วยตนเอง แต่งานด่วนก็ต้องเร่งรีบ เมื่อผลผลิตทางการเกษตรประสบปัญหาตกต่ำอย่างรุนแรง ยังจะมีค่าขนส่งที่ขึ้นไปตามราคาน้ำมันที่ถีบตัวขึ้นสูง จนเกษตรกรรายย่อยหลายรายเริ่มรับไม่ไหว ท้อถอยไปหลายรายแล้ว ที่เขาไม่อาจปล่อยให้คนจนๆ ต้องรับภาระหนี้สินและค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นไปกว่านี้ได้อีกแล้ว
ชายหนุ่มเหลียวมองไปยังสาวน้อยร่างโปร่งที่เขาคิดว่าเธอน่าจะมาสมัครงานในตำแหน่งพนักงานบัญชี ที่ความจริงเป็นหน้าที่ของสมุห์บัญชีจะต้องสัมภาษณ์และตัดสินใจ แต่สำหรับสาวคนนี้ เขาอยากเป็นคนทำอย่างนั้น
มันเป็นอะไรที่แปลก...ทั้งที่เพิ่งจะได้เห็นหน้า ได้คุยด้วยนิดหน่อยเท่านั้น แต่เขากลับรู้สึกว่าเหมือนกับเคยเห็นเธอมาก่อน มันคุ้นตาคุ้นใจอย่างประหลาด ทั้งความจำเขาดีอยู่ แต่ก็คิดไม่ออกว่าเคยเจอที่ไหนมาก่อน จะเป็นเพราะเสน่ห์ที่ชวนค้นหา ทำให้ปรารถนาที่จะอยู่ใกล้ชิด ที่แม้กระทั่งเมียเก่าหรือหญิงสาวอย่างจอมขวัญ...หญิงจอมยุ่งวุ่นวายที่เขาไม่อยากเจอหน้า แต่พ่ออยากได้มาเป็นลูกสะใภ้ ก็ไม่ได้ทำให้เขาเกิดความรู้สึกเช่นนี้เลย
ชายหนุ่มสอดมือล้วงเข้าไปในกระเป๋า ขณะก้าวเดินไปยังรถช้าๆ รอยยิ้มแต้มบนใบหน้าคมเข้ม หากเขาอยากจะทำอย่างใจต้องการ อย่างหนึ่งที่ควรทำในตอนนี้ก็คือ...กำจัดผู้หญิงจอมยุ่งวุ่นวายให้ไปไกลๆ ก่อนซินะ แต่...
คิ้วหนาเป็นปื้นขมวดมุ่นเข้าหากัน การจะทำอะไรรุนแรงไปก็ดูจะไม่เป็นการดีสักเท่าไหร่ ยังไงก็คนรู้จักมักจี่กัน ไหนจะเสี่ยธนาผู้เป็นบิดา และพี่ชายจอมหาเรื่องอย่างธนะวัฒน์ ที่หวง ห่วง ตามคอยเฝ้าไม่ยอมห่างอีกล่ะ มีหวังเขาจะต้องรับศึกสองด้าน ที่เมื่อตามแก้ก็จะไม่มีเวลาเป็นส่วนตัว
อย่างหนึ่งที่ทำให้จอมขวัญแวะเวียนมาหาเขาบ่อยๆ คือเธอจะเป็นอิสระจากผู้คุมที่ตามติดจนแทบจะไม่ให้ห่างสายตาเลยก็ว่าได้ แม้ตอนไปเรียนกรุงเทพฯ ก็ยังจะมีคนคอยขึ้นไปคอยดูแล พอจบยังไม่ทันจะได้คิดทำอะไร พี่ชายก็ไปพาตัวกลับมาอยู่บ้าน ยังดีหน่อยที่ไม่ถึงกับห้ามทำงาน
รอยยิ้มแต้มที่มุมปากหนา เมื่อนึกขึ้นได้ว่าจะหาทางออกให้กับปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างไร