เขมิกาที่กำลังยืนพูดคุยกับคุณมลฤดีอยู่ เธอทำตัวไม่ถูกเมื่อธามธาราพาหญิงสาวคนนั้นเดินเข้ามาหาผู้เป็นแม่เพื่อร่ำลาก่อนจะพากันกลับ สิ่งที่เธอทำได้ในตอนนี้คงทำได้เพียงแค่ยืนปั้นหน้ายิ้มแม้ว่าภายในหัวใจจะรู้สึกเจ็บปวดมากมายสักแค่ไหนก็ตาม
"เดี๋ยวผมจะไปส่งมะลิที่คอนโดก่อนนะครับแม่ ถ้าแม่มีอะไรจะคุยกับผมรอคุยทีหลังนะครับ"
เพราะรับรู้ถึงสายตาที่มารดาจ้องมองกันอยู่ คงมีคำถามและคำพูดมากมายไม่ต่างจากผู้เป็นพ่อที่อยากจะพูดคุยกับเขาเท่าไหร่นัก
"หนูลานะคะคุณแม่ ไว้วันเผาศพหนูจะมาร่วมงานด้วยอีกครั้ง" หญิงสาวพนมมือไหว้ร่ำลาด้วยความนอบน้อม คุณมลฤดีจำต้องยกมือไหว้รับไม่ให้เสียมารยาท
"พี่กลับก่อนนะจ๊ะน้องเข็ม เราคงจะได้เจอกันอีกเร็ว ๆ นี้"
"ค่ะ สวัสดีค่ะ"
เขมิกาจำใจต้องยิ้มรับพร้อมกับพนมมือไหว้ลาอีกคนด้วยเช่นกัน จะว่าไปแล้วมัลลิกาก็ไม่ได้นิสัยร้ายกาจเลยสักนิด หรือไม่ก็อาจจะเพิ่งรู้จักกันแค่เพียงผิวเผินไม่ทันรู้จักเนื้อแท้ของหญิงสาวที่กำลังยืนยิ้มให้อยู่ก็เป็นได้
"กลับเถอะมะลิ กว่าจะถึงคอนโดก็คงดึกพอดี"
ธามธาราโอบรอบเอวของหญิงสาว โดยที่ไม่ได้แคร์สายตาของมารดาและแม่ของลูกเลยสักนิด
เขมิกาได้แต่จับจ้องมองการกระทำของคนทั้งคู่ เป็นความรู้สึกที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เธอหึงหวงเขาแม้ไม่มีสิทธิ์จะคิดแบบนั้นเลย เธอเป็นเพียงแค่แม่ของลูกที่ไม่ได้เป็นเจ้าข้าวเจ้าของหัวใจของเขาเลย เมียแต่งที่ทำหน้าที่เพียงแค่แม่อุ้มบุญของลูก จะแปลกอะไรถ้าเขาจะไม่ให้ค่าหรือความสำคัญกับเธอแบบนี้ เขมิการู้ดีว่าธามธาราไม่ได้ต้องการเด็กในท้องของเธอตั้งแต่แรก เพียงแค่ทำเพื่อความสบายใจของผู้เป็นย่าที่ลาลับจากโลกนี้ คำขอเดียวที่ทำเอาเธอและเขาไม่อาจจะปฏิเสธได้เลย
ดวงตากลมโตจับจ้องมองแผ่นหลังของคนทั้งคู่ที่เดินเคียงข้างกันไปจนลับสายตา คุณมลฤดีถึงกับหันหน้ามาจ้องมองลูกสะใภ้ พร้อมกับฝ่ามือที่ลูบบนต้นแขนของหญิงสาวไปมาอย่างปลอบประโลม เขมิกาหันกลับไปมองพร้อมกับยิ้มทั้งน้ำตาอีกครั้ง
"เข็มไม่ได้เป็นอะไรค่ะคุณแม่ เข็มโอเคไม่ต้องเป็นห่วง"
"รอให้มันกลับบ้านมาก่อนนะ แม่จะช่วยพูดให้"
"ไม่ต้องช่วยพูดอะไรทั้งนั้นเลยค่ะ ไม่มีคุณย่าแล้ว พี่ธามเขาจะได้เลิกอึดอัดใจสักที"
"แต่มันก็ไม่ควรจะทำแบบนี้เลยนะ เหมือนมันไม่ไว้หน้าย่ามัน ไม่ไว้หน้าพ่อแม่ ไม่ไว้หน้าเราเลยนะยายเข็ม ยังไงก็ต้องคุยกันให้มันรู้เรื่อง กลับบ้านกันได้แล้วไป จะได้พักผ่อน ยืนมาทั้งวันแล้วคงจะเมื่อยน่าดู เจ้าตัวเล็กก็อึดทึกทนไปตาม ๆ กัน ว่ามาแล้วก็เสียดายเนาะที่ย่าทวดจะไม่ได้เห็นหน้าเหลน"
ทำเอาคนทั้งคู่ต้องหันหน้ากลับเข้าไปในศาลานั้นอีกครั้ง จ้องมองโลงศพที่มีเพียงแสงไฟระยิบระยับประดับประดา เสียงสะอื้นไห้จากเขมิกาก็ดังขึ้นอีกรอบ พร้อมกับฝ่ามือที่ลูบหน้าท้องนูนเด่นของตัวเองไปมาเบา ๆ นึกถึงวันที่คุณย่าพิสมัยเรียกทั้งเธอและธามธาราให้เข้าไปพบ
"ตาธาม ย่าคงอยู่บนโลกนี้ได้อีกไม่นานนัก ก่อนที่ย่าจะลาลับจากโลกใบนี้ ย่าอยากเห็นหน้าเหลน อยากอุ้มเหลนตัวน้อย ๆ ที่เป็นลูกของแกกับยายเข็ม"
"อะไรนะครับ ทำไมต้องให้ผมมีลูกกับเขมิกาด้วย กับคนอื่นไม่ได้เหรอครับคุณย่า?"
"ไม่ได้ เหลนของฉันจะต้องเกิดจากยายเข็มเท่านั้น ถ้าแกเห็นแก่ย่า ถ้าแกรักย่า แกช่วยแต่งงานกับยายเข็มหน่อยได้ไหม ย่าจะได้หมดห่วง"
"มันเป็นคำขอที่มากไปนะครับคุณย่า คุณย่ารักหลานสาวนอกใส้มากก็ใช่ว่าจะต้องมายัดเยียดให้เป็นเมียผม หรือให้เป็นแม่ของลูกผมได้นะครับ คนเราจะแต่งงานอยู่ด้วยกันมีลูกด้วยกัน มันต้องเริ่มจากความรักไม่ใช่เหรอครับคุณย่า หลานสาวคุณย่าเองเขาก็คงมีแฟนอยู่แล้วหรือเปล่า?"
"ยายเข็มไม่มีใครย่าถามแล้ว น้องเต็มใจที่จะเป็นเมียและอุ้มท้องลูกของแก เอาเป็นว่าย่าจะจัดงานแต่งให้แกกับยายเข็มให้เร็วที่สุด อีก 2 อาทิตย์ข้างหน้าเตรียมตัวกันให้พร้อมนะ"
"2 อาทิตย์!! ทำไมมันเร็วแบบนั้นล่ะครับ เขมิกาวางแผนเรื่องนี้มานานแล้วใช่ไหม ก็เลยต้องมามัดมือชกผมแบบไม่มีทางเลือกอย่างตอนนี้ ผมเกลียดที่สุดคือการจับแต่งคลุมถุงชน มันหมดสมัยมานานแล้วนะครับนี่ไม่ใช่รุ่นคุณย่าหรือรุ่นพ่อกับแม่ผมซะหน่อย"
"ยายเข็มเป็นคนดีนะตาธาม ย่าเลี้ยงน้องมาเองกับมือ ถ้าหากไม่มีย่าอยู่แล้วย่าก็อยากสบายใจว่าชีวิตของยายเข็มหลังจากนี้จะมีที่พึ่งพาและคนที่ช่วยดูแลชีวิตของน้องต่อ"
"ทำไมต้องให้คนอื่นมาคอยดูแลด้วยครับ ในเมื่อเขาก็บรรลุนิติภาวะแล้ว เรียนก็จบแล้ว สามารถทำงานประกอบอาชีพเลี้ยงดูตัวเองได้ ทำไมเหรอครับเขากลัวความลำบาก กลัวชีวิตจะไม่สุขสบายเหมือนอยู่กับตระกูลเราหรือยังไง ถึงจะได้ต้องทำตัวเป็นปลิงคอยเกาะชีวิตคนอื่นไปทั้งชาติ!"
เขมิกายังจำสายตาที่เขาจับจ้องมองเธอในวันนั้นได้ดีที่สุด สายตาที่ดูถูกเหยียดหยาม สายตาที่ไม่พึงพอใจและอยากจะกินเลือดกินเนื้อเธอเสียให้ได้ เธอไม่ได้ตอบโต้ทำเพียงแค่นั่งมองและรับฟังสองย่าหลานที่พูดคุยกันด้วยความรู้สึกหนักอึ้งอยู่เต็มอกไม่ต่างกัน...