ตอนที่ 1
ภัทรญาเหลือบมองร่างสูงใหญ่ที่นั่งก้มดูเอกสารอย่างพินิจพิจารณาอยู่ตรงข้ามเธอ ตรงกลางคือโต๊ะทำงานภายในห้องโอ่อ่าใหญ่โตเต็มไปด้วยของตกแต่งราคาแพงลิ่ว ที่รู้ว่ารายรอบตัวเธอเต็มไปด้วยของราคาแพงเพราะที่นี่คือห้องชุดแต่บรรยากาศเลิศหรูราวอยู่ในคฤหาสน์ส่วนตัวของ ครินต์ คาร์ลินเบิร์ก มหาเศรษฐีหนุ่มวัยสามสิบห้าปี ลูกครึ่งไทย เยอรมัน เจ้าของกิจการโรงแรมหรูที่มีหลายสาขากระจายอยู่ทั่วโลกทั้งยังมีคาสิโนยักษ์ใหญ่ทั้งในเอเชียและยุโรป เขาอยู่เมืองไทยและใช้ชีวิตอยู่ที่นี่อย่างคนไทยคนหนึ่ง เพียงแต่ไม่เคยเปิดเผยตัวเองต่อหน้าสื่อ ที่สำคัญเขาเคยเป็นคนสำคัญของเธอ สำคัญยังไงน่ะเหรอ เขาเคยเป็นแฟนกับเธอแต่มีเหตุให้เลิกร้างกันไปประมาณปีครึ่งเห็นจะได้ และที่เธอมาหาเขาวันนี้ก็เพราะมีเรื่องสำคัญที่จะต้องขอความช่วยเหลือจากเขา เพราะไม่เห็นว่าใครจะสามารถช่วยเธอได้ นอกจากมหาเศรษฐีหนุ่มหล่อลากไส้ เคยเป็นคนรู้ใจ แต่เธอเองที่ทำทุกอย่างพัง ไม่ใช่ว่าเธอนอกใจเขา แต่มีเหตุผลสำคัญมากกว่านั้น มันเกิดจากความยุ่งเหยิงและสับสนในชีวิตของเธอเอง ครอบครัวกิจการล้มละลาย เธอต้องดูแลแม่ที่เป็นโรคซึมเศร้า และพ่อของเธอหลังธุรกิจทรุดทำให้สุขภาพทรุดตามไปด้วย เป็นโรคเครียดและทำให้เป็นโรคหัวใจตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ตอนนี้เธอเหมือนเจอทางตัน ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร ก็เหลือเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เธออยากร้องขอความเห็นใจ นั่นคือ ครินต์ คาร์ลินเบิร์ก บุรุษที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นผู้ชายในชีวิตของเธอ ผู้ชายที่ไม่มีผู้หญิงคนไหนปฏิเสธเขาได้ลง แถมมีแต่อยากวิ่งเข้าหา เพราะโปรไฟล์ของเขาไม่ธรรมดา เขาไม่ใช่แค่คนมีเงิน แต่การศึกษาระดับปริญญาเอกด้านปรัชญาจากมหาวิทยาลัยชั้นนำของอเมริกา การศึกษาดีไม่พอ หน้าตายังหล่อเหลาบาดจิต เมื่อก่อนภัทรญาไม่เคยตื่นเต้นเวลาเห็นผู้ชายที่เป็นลูกครึ่ง แต่ครินต์แตกต่างออกไป เขาไม่ใช่ผู้ชายหน้าตาสะอาดสะอ้านอย่างคนรวย หน้าตาคมเข้มเครียดขรึมออกจะดุดัน แต่ให้ตายเถอะ! เขาช่างมีเสน่ห์โดยเฉพาะนัยน์ตาสีน้ำตาลเป็นประกายเหมือนเพชร และเธอเองเป็นฝ่ายทิ้งเขาก่อน ทำให้เขาช้ำใจ ถึงวันนี้ไม่รู้ว่าเขาจะยังโกรธเธออีกหรือไม่ ขณะภัทรญากำลังเหลือบแลเขาหลลายต่อหลายครั้งก็ต้องสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อครินต์วางเอกสารลงบนโต๊ะ เขาจ้องมองเธอนิ่ง
“มาหาผมมีธุระอะไรอย่างนั้นเหรอ เบล” เขาถาม และยังคงเรียกชื่อของเธออย่างที่เขาเคยเรียกเมื่อตอนเป็นแฟนกัน ภัทรญายิ่งประหม่าที่เขายังจดจำเรื่องบางเรื่องได้ น้ำเสียงฟังราบเรียบแต่หน้าตาของเขานี่สิที่ยังเคร่งขรึม
“เอ้อ...ฉันแค่จะมา...ขอร้องให้คุณช่วยน่ะค่ะ”
เขาเลิกคิ้ว “ขอให้ผมช่วยเหรอ...นึกยังไงถึงได้นึกถึงผม คิดว่าคุณลืมผมไปแล้วซะอีก”
“ฉันไม่เคยลืมคุณหรอกค่ะ”
“อ้อ...เหรอ...ไม่เคยลืม นี่แสดงว่าคุณก็ยังคิดถึงผมตลอด โดยเฉพาะเวลาที่คุณอยากได้รับความช่วยเหลือ อย่างนั้นใช่ไหม”
“ฉันขอพูดตรง ๆ นะคะ คือว่า...ตอนนี้กิจการที่บ้านของฉันมีปัญหา เราถูกฟ้องล้มละลาย แล้ว...พ่อเครียดจัดจนไม่สบายและก็ต้องเข้ารับหารผ่าตัดหัวใจอย่างเร่งด่วน ฉันยังจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้”
“ปัญหาของคุณคือเงินอย่างนั้นสินะ”
“พูดตรง ๆ ก็ได้ค่ะว่าใช่ ฉันตั้งใจมาขอยืมเงินจากคุณ”
“อยากได้เท่าไหร่?” เขาถาม ทำให้ภัทรญาอึ้งไปแต่ก็เพียงชั่วลมหายใจก่อนตอบ
“สิบล้านค่ะ”
“ผมให้คุณห้าสิบล้าน”
“ฉันไม่ได้ต้องการเงินมากขนาดนั้นนะคะ ที่ต้องการก็แค่ใช้เป็นค่ารักษา ค่าผ่าตัดหัวใจของพ่อ และอีกส่วนหนึ่งก็เพื่อช่วยพยุงกิจการของท่าน เพราะถ้ากิจการยังคงอยู่ได้ท่านก็จะได้ไม่ป่วยหนัก”
“ไม่ว่าคุณจะต้องการหรือไม่ก็ตาม ผมอยากให้คุณ แต่ต้องมีข้อแลกเปลี่ยน”
“อะไรเหรอคะ?” เธอถามอย่างกระตือรือร้น ครินต์หยัดยิ้ม เขาจ้องหน้าสวยหวานของผู้หญิงที่ครั้งหนึ่งเคยทุ่มใจให้ แต่จู่ ๆ เธอก็ปฏิเสธและบอกเขาว่าไม่อยากคบใคร อยากอยู่คนเดียว เขาจดจำทุกคำที่เธอเคยบอกตอนเลิกกันได้ดีจนถึงทุกวันนี้
“มันค่อนข้างเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนสักนิด แต่คิดว่าคุณคงเข้าใจ...รู้ไหมว่าตอนที่เราเลิกกันผมไม่มีความสุขเลยสักวัน คุณทำให้ผมคิดถึงครอบครัว...ที่ไม่มีความสมบูรณ์”
“ฉันขอโทษค่ะครินต์ ถึงอธิบายตอนนี้คุณก็คงไม่เข้าใจและยังโกรธอยู่ดี”
“ไม่...ผมไม่โกรธ ไม่โทษคุณด้วย ก็คนมันไม่มีใจจะให้ทำยังไงมันก็ฝืนกันไม่ได้ เพียงแต่ว่าถ้าผมยื่นข้อเสนอไปแล้วคุณจะต้องรับมันไว้เพราะผมคิดว่านอกจากนี้คงไม่มีใครช่วยคุณได้แล้วล่ะ”
“อะไรล่ะคะ บอกมาสิคะ”
“ผมก็ยังยืนยันคำเดิม ว่าตอนเลิกกันคุณทำให้ผมคิดถึงครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์ ผมหมกมุ่นอยู่กับมัน ความคิดที่ว่าผมอบากมีครอบครัว แต่พอได้พบคุณอีกครั้งผมก็คิดอะไรได้เยอะเลยทีเดียว ผมคิดได้ว่าไม่มีหรอกครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ ฉะนั้นผมก็เลยคิดว่าครอบครัวไม่จำเป็นต้องมีสามคน พ่อ แม่ ลูกก็ได้”
“คุณหมายความว่ายังไงคะครินต์”
“ถ้าคุณจะรับข้อเสนอของผม เป็นแม่อุ้มบุญ อุ้มท้องลูกของผม ถ้าคุณตอบตกลงผมจะจ่ายให้คุณไปเลยงวดแรก ยี่สิบห้าล้าน”