“สวัสดีค่ะ พี่พิณ” เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ของยูถกาดังขึ้น จึงกดรับ สายระหว่างที่ยังคงรับประทานอาหาร และทำงานอยู่กับเม็ดขนุนและพุทธชาด ซึ่งฝ่ายแรกยิ้มจางๆ มองสบตากับยูถกาเล็กน้อย ก่อนจะก้มกลับไปมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่ตั้งอยู่ตรงหน้าเหมือนเดิม
“ขอตัวสักครู่นะ” ยูถกาเห็นรอยยิ้มจางๆ ของเม็ดขนุน จึงเลือกที่จะออกไปพูดคุยที่ด้านข้างของตัวร้าน ซึ่งเป็นสวนหย่อมเล็กๆ เม็ดขนุนมองตาม พุทธชาดยิ้มหันไปมองทางรักษา ซึ่งมองดูอยู่เช่นกัน
“พี่พิณ ใครกัน” พุทธชาดพูดขึ้น
“แฟนเก่า พี่ภัทไง” เม็ดขนุนบอก
“รู้ได้ไงย๊ะ” พุทธชาดพูดแหย่
“วันก่อนเราไปเจอไง เขาอยู่กับยูว์ ในห้องพี่ภัท” เม็ดขนุนพูดให้ดูเป็น ปกติ แต่พอจะดูออกว่า พุทธชาดเริ่มจะสงสัย
“ช้าๆ พร้าจะไปกับคนอื่นนะ ว่ามะ” พุทธชาดหัวเราะ ก้มหน้าก้มตาทำงานไม่ได้สนใจสายตาถมึงทึงของเม็ดขนุนที่ทำปากขมุบ
ขมิบ แต่คนที่เห็นคือ รักษา จึงอมยิ้มกับความน่ารักของเม็ดขนุนที่ได้เห็น
“น้ำใบบัวบก ดื่มเผื่อไว้ วันหนึ่งอาจจะช้ำใจ” รักษาพูดแหย่เม็ดขนุนที่คิ้วขมวดหันมามองคนที่นำน้ำใบบัวบกมาวางให้
“กินเข้าไปเยอะๆ นะ แห้วด้วย กินเผื่อไว้” พุทธชาดหัวเราะ
“ขำกันเข้าไป ขอบคุณนะคะ คุณรัก เหมือนจะหวังดีประสงค์ร้ายนะคะ ทั้งสองคนเลย ลำเอียง รักเพื่อนไม่เท่ากัน” เม็ดขนุนบ่นพึมพำ
“ไม่มี๊ ใครลำเอียง ถ้า ยูว์ จะมีความสุขกับพี่พิณ พุดก็ยินดี เม็ดขนุนจะมีแฟนจะรักใคร พุดก็รักด้วย ถือว่าได้เพื่อนเพิ่ม เหมือนที่
เม็ดขนุนรับคุณรักเป็นเพื่อนแบบเดียวกัน ว่าแต่ตกลงรักชอบใครบ้างหรือยัง ให้ช่วยปะ” พุทธชาดพูดแซวเม็ดขนุนที่ยังคงแอบมองออกไปด้านข้างตัวร้าน ซึ่งยูถกาออกไปคุยโทรศัพท์ได้พักใหญ่แล้ว
“อย่ามาหลอกถาม ไม่หลวมตัวหรอกนะ” เม็ดขนุนยิ้มให้พุทธชาด
“เก็บไว้ให้อกแตกตายคนเดียว ตอนเสียใจ อย่ามาให้เพื่อนปลอบนะ จะหยิ่ง ไม่ยอมฟังด้วยเหอะ” พุทธชาดยักคิ้วและยิ้มทะเล้นให้เม็ดขนุน
“ใจร้าย กลับร้านดีกว่า ตกลงงานเสร็จเรียบร้อยนะคะ ถ้าลูกค้าแก้ตรงไหน เรานัดคุยกันอีกทีนะ อาหารฟรี เครื่องดื่มฟรี เราพร้อมมาตลอดเลย” เม็ดขนุนยิ้มกว้างให้รักษาที่ยิ้มๆ อยู่เช่นกัน
“เดี๋ยวดิ ไม่รอลา ยูว์ ก่อนหรือ” พุทธชาดบอก
“ไม่ล่ะ ไปดีกว่า กลัวโดนล้วงความลับ” เม็ดขนุนยิ้ม บอกลาเพื่อนทั้งสองในทันที
พุทธชาดพอจะดูออกสำหรับเม็ดขนุน แต่ยังไม่ชัดเจนเท่าไหร่นักอาจ จะเริ่มต้นรู้สึกดีๆ กับยูถกา แล้วรายหลังล่ะ เหมือนจะมีอะไร เพราะเม็ดขนุนพูดจาแปลกๆ เรื่องที่เปิดประตูห้องเข้าไปเจอยูถกาอยู่กับพิณฑนาในห้องทำ งานของเจ้าของห้องเสื้อ และยังหนีกลับไปก่อน โดยไม่รอเจอยูถกา หรือบอกลาอีก ตกลงมันยังไงกันนะ สองคนนี้ พุทธชาดคิด
ยูถกาถอนใจเล็กๆ เมื่อไม่เห็นเม็ดขนุนนั่งอยู่ที่เดิม ภาวนาขอให้ไปห้องน้ำ หรือยังคงอยู่แถวนี้ ไม่กล้าถามถึง แต่รู้สึกกังวล และเป็นห่วง รอยยิ้มจางๆ ที่ได้เห็น เมื่อเม็ดขนุนรู้ว่า คนที่โทรศัพท์เข้ามาหานั้นเป็นพิณฑนา
“เม็ดขนุน กลับร้านไปแล้ว” พุทธชาดพูดขึ้น แต่ยูถกาทำทีเป็นไม่ได้สนใจอะไรนัก
“ดีแล้ว จะได้ไม่ต้องได้ยินคำพูดกวนๆ” ยูถกาบอก
“กวนใจ หรือพูดกวน” พุทธชาดถาม
“กวนโมโห มากกว่า”
“เม็ดขนุน น่ารักมากนะ ยูว์ ในฐานะเพื่อน แต่ถ้าสถานะอื่น เราว่าคงดูแลได้ดีกว่าเพื่อนแน่นอน ไอ้ที่กวนๆ ก็เพราะสนใจ ปกติก็ไม่เห็นจะกวนใครนอกจากคนที่สนิทชิดเชื้อด้วย ถ้าไม่ได้อะไรด้วย ก็จะนิ่งๆ นะ” พุทธชาดพูดขึ้น เหมือนเล่าโดยไม่ได้มีอะไร ซึ่งดูเป็นการพูดถึงเพื่อนคนหนึ่งเท่านั้น
“เรารู้ว่า เพื่อนคุณพุดเป็นคนดี” ยูถกาบอก
“แต่พี่พิณ มาวินกว่า” พุทธชาดพูดเจาะเข้าเรื่อง โดยยูถกาไม่ทันได้ตั้งตัว
“บ้า คิดอะไรอยู่เนี่ย คุยกันเรื่องงาน” ยูถการีบบอก
“พุดกับคุณรักคิด ไม่เป็นไร แต่ถ้าคนอื่นคิด อาจจะต้องอธิบายนะ”
“คิดอะไร” ยูถกาถาม
“พี่พิณของ ยูว์ น่ะ มีท่าทีแปลกๆ ไหม” พุทธชาดถาม
“แปลก คือ อะไร”
“ก็ จีบ หรือเปล่า” พุทธชาดอมยิ้ม ละสายตาจากงานหันมาจ้องมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ
“บ้า ผู้หญิงนะ จีบเจิบอะไร โทรฯ มาคุยเรื่องงาน แจ้งเรื่องนัดหมายว่าจะให้เข้าไปถ่ายรูปเมื่อไรต่างหาก” ยูถการีบอธิบาย
“มันไม่ใช่หน้าที่ ผู้ช่วย พี่ภัท นี่นา”
“เรื่องนั้น ไม่เกี่ยวกับ ยูว์ ต้องไปถามพี่ภัท หรือ พี่พิณ” ยูถกาพูดตัดบทจากคำถามของพุทธชาดที่ถามออกมา ทำให้กลับมาคิดว่า คนที่กลับไปก่อนนั้น คิดแบบเดียวกันหรือเปล่า ซึ่งนั่นยิ่งสร้างความกังวลใจให้ยูถกามากขึ้น
“ไม่ล่ะ มีเรื่องราวอะไร รอยูว์มาเล่าให้ฟังดีกว่า พุดยินดีรับฟังทุกเรื่องเลยนะ” พุทธชาดยิ้มให้ยูถกาที่ยิ้มกว้างขึ้นในทันที
“ขอบคุณจ๊ะ” ยูถกายิ้มให้พุทธชาด ซึ่งแอบเห็นแววตากังวลของคนที่หันกลับไปก้มหน้าก้มตาเขียนอะไรบางอย่างบนสมุดบันทึก
อีกครั้ง
เม็ดขนุนเดินเรื่อยเปื่อยรอบๆ บริเวณท้องสนามหลวง ซึ่งวันนี้เป็นวันธรรมดามีผู้คนไม่มากมายนัก มีเพียงรถราที่วิ่งไปมาค่อนข้างมากหลายคนคงกำลังขับรถกลับบ้าน หลังจากเหนื่อยล้าจากการทำงาน เม็ดขนุนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ซึ่งไม่รู้เพื่ออะไร หรือทำไม ต้องมาเดินทอดน่องเรื่อยเปื่อยแทนที่จะกลับไปดูร้าน ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่นี่นัก
“สวัสดีครับ พี่ยูว์” เด่นคุณทักทายยูถกาที่ยิ้มจางๆ เดินเข้ามา
“สวัสดี เด่น เจ้าของร้านล่ะ” ยูถกาถาม
“ยังไม่กลับเลยครับ ไม่โทรฯ เข้ามาด้วยว่าจะกลับเข้ามากี่โมง”
“แต่” ยูถกาไม่ได้พูดอะไรต่อ มองขึ้นไปชั้นบน ไม่เห็นแสงไฟจึงยิ้มๆ ให้กับเด่นคุณ
“ไม่ลองโทรฯ ไปล่ะครับ” เด่นคุณบอก
“โทรฯ แล้ว ไม่รับสาย”
“น่าแปลกนะครับ ดื่มอะไรดีครับ ระหว่างรอ” เด่นคุณถาม
“อะไรก็ได้จ้ะ ขอบคุณมากนะ เด่น” เด่นคุณกดโทรศัพท์โทรฯ ออก แต่เม็ดขนุนไม่รับสายเช่นกัน อดแปลกใจไม่ได้ เกิดอะไรขึ้น หรือมีเรื่องอะไรระหว่างคนที่พุ่งตรงเข้ามาในร้านและถามหาเจ้าของร้านในทันที
ยูถกามองดูทุกครั้งที่มีคนเดินเข้ามาในร้าน หวังว่าจะเป็นเม็ดขนุน แต่ก็ไม่ใช่ จนแสงสว่างเริ่มจางลง ความมืดเข้ามาแทนที่ ยังไม่มีวี่แววของเจ้าของร้านว่าจะกลับเข้ามา ยูถกาส่งข้อความเข้ามือถือของเม็ดขนุน
“ยูว์ รออยู่ที่ร้าน รีบกลับเข้ามานะ” ยูถกากดส่งข้อความ พอดีกับที่มีคนเปิดประตูเข้ามา ยูถกายิ้มกว้างขึ้นในทันทีที่เห็นว่าเป็นใคร
เด่นคุณถอนใจเล็กน้อย ความกังวลด้วยความเป็นห่วงที่เม็ดขนุนไม่รับสายหายไปในทันที เมื่อเห็นเม็ดขนุนเดินยิ้มเข้ามาในร้าน โดยไม่ได้สนใจคนที่นั่งอยู่บริเวณโต๊ะที่ไม่ห่างจากเคาน์เตอร์นัก
“โทษที มัวไปเอ้อละเหยเลยกลับมาช้า” เม็ดขนุนบอกกับเด่นคุณ
“บอกผม หรือว่า” เด่นคุณมองไปทางยูถกาที่ยิ้มจางๆ อยู่
“หวัดดี อีกครั้ง” เม็ดขนุนเดินมานั่งลงฝั่งตรงข้ามกับยูถกา
“ทำไมหนีกลับก่อน” ยูถกาถาม จ้องเขม็ง เพื่อรอคำตอบจากคนที่ทำท่าคิดและยิ้มจางๆ อยู่ตรงหน้า
“งานเราเสร็จแล้ว เลยกลับก่อน” เม็ดขนุนบอก
“แน่ใจนะว่า แค่นั้น” ยูถกาถาม
“แน่ใจ ยูว์มีอะไรหรือเปล่า” เม็ดขนุนถาม
“ยูว์คงคิดไปเอง เป็นห่วง เป็นกังวล บ้าเนอะ” ยูถกาบอกแล้วยิ้มเจื่อนๆ ให้กับเม็ดขนุนที่ลุกขึ้นและดึงมือยูถกาให้เดินตามมาที่ชั้นบนของร้าน
“หิว หรือเปล่า” เม็ดขนุนถามให้ดูเป็นเรื่องปกติ
“ใช่เวลาถามเรื่องกินหรือเปล่า มีอะไร ทำไม ไม่บอก ไม่บอกแล้วยูว์จะรู้เรื่องไหมล่ะ มีอะไรในใจ ก็บอกมา” ยูถกาดึงเสื้อของเม็ดขนุนเอาไว้ไม่ให้เดินหนีไป
“ไม่มีอะไร ยูว์มีอะไรจะบอกเราหรือเปล่า” เม็ดขนุนหันมาถาม
“ยูว์ไม่มีอะไร ตัวเองนั่นแหละ คิดอะไรอยู่” ยูถกาเดินมายืนจ้องเขม็ง
“คิดเรื่อยเปื่อย เลยไปเดินรอบสนามหลวงมา” เม็ดขนุนบอก แล้วจะเดินไปนำน้ำดื่มมาให้ยูถกา แต่ยังคงถูกรั้งตัวเอาไว้อีกครั้ง
“ถามจริง เอาแบบตรงๆ เลยนะ เรื่องพี่พิณ หรือเปล่า”
“พี่พิณ ทำไมถึงคิดว่าเป็นพี่พิณล่ะ” เม็ดขนุนถามกลับ
“ยืนตรงนี้ ห้ามไปไหนนะ แล้วฟัง” ยูถกายังคงดึงที่เสื้อยืดยึดตัวคนที่ทำท่าจะเดินหนีเอาไว้
“ไม่ถามหน่อยหรือ ว่าอยากฟังหรือเปล่า” เม็ดขนุนพูดขึ้น มองจ้องดวงตาคู่สวยของยูถกาที่เรียบนิ่ง
“อยากฟังหรือเปล่า ถ้าอยากเข้าใจกัน ก็ฟัง ถ้าไม่อยากทำความเข้า ใจอะไรกับยูว์ ก็ไม่ต้องฟัง ถอยแค่ก้าวเดียว ยูว์ก็จะกลับ” ยูถกาพูดเสียงเข้ม น้ำเสียงฟังดูเด็ดเดี่ยวจนน่าหวั่นใจ
“โคตรดุเลย” เม็ดขนุนรำพึงออกมาเบาๆ
“ปากเหรอนั่น ตกลงยังไง จะฟังหรือไม่ฟัง” ยูถกาถาม รู้สึกดีที่ได้ยินคำพูดกวนๆ ออกมาจากปากของเม็ดขนุน
“ว่ามาสิ ดุขนาดนี้ กลัวจนไม่กล้าจะขยับตัวแล้ว” เม็ดขนุนยิ้ม
“ไอ้บ้าเม็ดขนุน เป็นห่วงจะแย่ รู้หรือเปล่า” ยูถกาโผเข้ากอดเม็ดขนุนเอาไว้ ความรู้สึกห่วงใยก่อตัวขึ้นตั้งแต่เม็ดขนุนหายออกมาจากร้านของรักษาและยังหายไปโดยไม่ยอมรับโทรศัพท์จนค่ำมืด
“เพิ่งรู้นี่แหละ” เม็ดขนุนบอก
“ไม่มีอะไรเลย เรื่องพี่พิณ โกรธหรือ” ยูถกาถามตามตรง
“เปล่า แต่อันที่จริง มันเป็นเรื่องของยูว์นะ ที่ยูว์จะคุยกับใคร”
“แต่งอน หนีกลับมาก่อน” ยูถกายิ้มทะเล้นให้
“เปล๊า” เม็ดขนุนพูดยิ้มๆ
“เสียงสูง หวงก็บอกมาเถอะ ยูว์เข้าใจ” ยูถกายิ้มอายๆ
“เราหวง ได้ด้วยหรือ” เม็ดขนุนถาม
“ไม่รู้เหมือนกัน เอาที่ตัวเองรู้สึกก็แล้วกัน แต่อยากให้ฟังยูว์บ้าง ไม่ใช่หนีมาแบบนี้ เอ๊านี่เสื้อ” ยูถกาเอื้อมไปหยิบถุงเสื้อที่วางไว้ หลังจากที่ถือติดมือมาด้วย
“ขอบคุณ ถ้าใส่เสื้อแล้วคุณพุดแซว จะให้ทำอย่างไร” เม็ดขนุนถาม
“ก็แล้วแต่”
“คืออะไร ก็แล้วแต่” เม็ดขนุนทำคิ้วขมวดด้วยความไม่เข้าใจ
“อยากบอกว่าอย่างไรล่ะ ก็แล้วแต่นี่” ยูถกาจิ้มไปที่หน้าอกด้านซ้ายของเม็ดขนุน
“จริงดิ แต่ไม่เอาดีกว่า รอให้เจ้าตัวพูดเองดีกว่า ว่าทำไมถึงซื้อเสื้อให้เรา เตรียมตัวไว้เถอะ คุณพุดน่ะ ช่างจดช่างจำ ช่างสังเกต ช่างใส่ใจ รับรองมีคำถามอีกเยอะแน่” เม็ดขนุนพูดยิ้มๆ
“อันนั้นไว้ค่อยว่ากัน ถามจริง หวง ยูว์ จริงๆ หรือ”
“ไม่เรียกว่า หวง ดีกว่า โอกาสมีตั้งมากมาย ยูว์เลือกได้นี่” เม็ดขนุนยิ้มให้ยูถกา
“เอาจริงดิ หวงหรือเปล่า”
“เปล่า แค่หัวใจรวนๆ ไปเดินเรื่อยเปื่อยก็ดีขึ้นนะ” เม็ดขนุนยิ้ม
“แถวบ้านเขาเรียก หวง เว๊ย” ยูถกายิ้มทะเล้นให้คนที่ยิ้มอายๆ และกอดยูถกาเอาไว้