ฉันโดนพักงาน
พักงานจากบริษัทของตัวเอง
โดยที่คุณพ่อกับพี่ไทม์ให้เหตุผลว่าฉันต้องพักผ่อนและศึกษางานให้มากกว่านี้ ฉันไม่ได้ผิด แต่แค่ฉันยังไม่พร้อมที่จะรับมือกับลูกค้ารายใหญ่เท่านั้น
"เอาน่าทิชา ไม่ทำงานก็สบายดีออก อยู่บ้านนอนดูหนังทำขนมกับแม่ดีกว่าเนอะ"
คุณแม่ขึ้นมาปลอบใจฉันถึงห้องนอน เพราะหลังจากที่คุณพ่อบอก ฉันก็เอาแต่เก็บตัวอยู่แต่ในห้องไม่ยอมลงไปทานมื้อค่ำ
"ทิชา..." คุณแม่เรียกฉันอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง
"หนูอยากทำงานค่ะคุณแม่"
"แม่รู้ค่ะลูก อย่าโกรธคุณพ่อเลยนะ คุณพ่อเองก็ไม่อยากให้ใครว่าทิชา ไว้เราพร้อมเราค่อยกลับไปทำงานก็ได้ ยังไงเมย์ลินไทม์ก็คือของทิชาอยู่แล้ว"
ฉันลุกขึ้นจากหมอนที่ตัวเองนอนฟุบอยู่ทันที จนคุณแม่ท่านตกใจกับตาที่แดงก่ำและน้ำตาที่เปียกตามแก้มของฉัน
"โถ่ทิชา...อย่าร้องสิลูก"
"ฮึกๆ ก็ทิชาไม่อยากถูกมองว่าเป็นคนไม่มีประสิทธิภาพนี่คะ การพักงานผู้บริหารคนอื่นเข้าใจได้ไม่กี่อย่างหรอกค่ะ ไม่ทำผิดร้ายแรงจนเสียชื่อบริษัท ก็ทำงานห่วยแตก"
คุณแม่รีบจับไหล่ที่สั่นระริกของฉันทันที
"ไม่ใช่แบบนั้นทั้งหมดหรอกนะ เชื่อแม่นะทิชาพักก่อนดีกว่า ไว้พร้อมเมื่อไหร่ทิชาค่อยกลับไปนะลูก ระหว่างที่พักคุณพ่อจะสอนงานทิชาเอง"
ดูเหมือนว่าคำพูดของคุณแม่ จะไม่ช่วยให้สภาพจิตใจฉันดีขึ้นเลย แต่เพื่อให้ท่านสบายใจและยอมออกไปจากห้องของฉัน ฉันจึงได้แต่พยักหน้าหงึกๆตอบท่าน
ฉันทั้งน้อยใจตัวเอง น้อยใจครอบครัว ถ้าวันนี้ไม่ได้อ่านวรสารของจิตแพทย์คนนั้น ความรู้สึกฉันคงแย่กว่านี้...
เอ๊ะ จิตแพทย์งั้นเหรอ?!
ฉันเบิกตากว้าง แล้วดีดตัวลุกจากเตียงเดินไปหยิบวรสารข้างๆกระเป๋าสะพาย ก่อนที่จะตัดสินใจหยิบมือถือขึ้นมาโทรหาใบไม้ด้วย ฉันต้องชวนเธอไปเจอหมอคนนี้ให้ได้ ฉันอยากคุยกับเขา และฉันเชื่อว่าใบไม้เองก็อยากรักษาอาการที่เธอเป็นอยู่ไม่ต่างกัน
Calling BAIMAI ~
(มีอะไร) เธอรับสายด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาเช่มเดิม
"แกทำอะไรอยู่ ยุ่งมั้ย?"
(ไม่ กำลังดื่มไวน์และนั่งมองรถที่ระเบียงคอนโด)
"ฉันอยากชวนแกไปพบจิตแพทย์"
(อะไรวะ ฉันไม่ได้บ้านะเว้ย!) ว่าแล้วเชียวใบไม้ต้องตอบมาแบบนี้
"ใช่...แกไม่ได้บ้า แต่คนที่ไปพบจิตแพทย์ไม่จำเป็นต้องบ้านะแก นอนไม่หลับ อกหัก หรือเครียดก็ไปบำบัดได้ ฉันอยากให้แกลองไปนะ เดี๋ยวฉันไปเป็นเพื่อนเองเพราะฉันก็อยากปรึกษาคุณหมอเรื่องที่ฉันประหม่าพูดไม่รู้เรื่องด้วยเหมือนกัน"
(การบำบัดต้องใช้เวลา แกว่างมากรึไง? เห็นว่าช่วงนี้มีนักธุรกิจสนใจลงทุนหุ้นเยอะไม่ใช่เหรอ? ฉันนึกว่าแกงานยุ่งซะอีก)
"อืมสนใจเยอะ แต่ฉันโดนคุณพ่อพักงานแล้ว" ฉันตอบเสียงเบา
(ว่าไงนะ?!)
"ฉันตกงานว่ะแก ก็เลยอยากไปพบจิตแพทย์ เผื่อว่าเขาจะให้คำปรึกษากับฉันได้"
(เฮ้อ เออๆ...ลองดูก็ได้ โรงพยาบาลไหนล่ะ หมออะไร?)
"เอ่อ ก็หมอคนที่ฉันถ่ายรูปวรสารให้แกในไลน์ไง เขาชื่อหมอธันวา ไว้ฉันสืบได้ว่าเขาอยู่โรงพยาบาลไหน แล้วฉันจะไลน์ไปบอกแกอีกทีนะ"
(อืม ยังไงก็นัดเวลาไปด้วยเลย ฉันว่างแค่ช่วงบ่ายนะ)
"ได้ๆ ฉันจัดการให้"
ฉันตื่นเต้นมาก ราวกับตัวเองจะได้เจอดาราที่คลั่งไคล้ ฉันรีบเสิร์ชชื่อคุณหมอในกูเกิ้ลอย่างตั้งใจ จนเห็นเว็บไซต์ของโรงพยาบาลที่เขาประจำเด้งขึ้นอันดับแรก
แล้วพอกดปุ๊บก็เจอกับประวัติการศึกษา ตารางงานของเขา มีช่องให้เลือกเวลานัดหมาย ฉันจึงเลือกเวลาบ่ายโมงตามที่ใบไม้บอกไว้...แต่ลงเป็นชื่อใบไม้ไปก่อนนะ
เพราะฉันมันคนว่างงานไปเมื่อไหร่ก็ได้
ตื่นเช้ามาฉันออกจากบ้านเช้ากว่าวันทำงานอีกค่ะ เพราะฉันไม่อยากเจอคนในบ้าน อยากอยู่คนเดียว จนตอนนี้แอบคิดว่าจะซื้อคอนโดเป็นของตัวเองสักห้อง มันไม่ใช่ฉันไม่ยอมรับความจริงนะ แต่ยิ่งฉันอยู่บ้านเฉยๆในขณะที่พี่ชายทำงานควบสอง ฉันยิ่งรู้สึกว่าตัวเองไร้ประโยชน์
เอาล่ะยังเหลือเวลาอีกนานกว่าจะถึงเวลานัดหมาย ฉันคนว่างงานจึงตัดสินใจแวะไปหาน้องคนสนิทที่เป็นเภสัช
เธอคนนี้ชื่อ คานะ เป็นน้องสาวกัปตันไคล์ผู้ชายที่ใบไม้หลงชอบ แต่รายนี้สายมูมาก เธออยากมีแฟนเป็นหมอถึงขั้นไปบนบานศาลกล่าวทั่วไทย ซึ่งเมื่อก่อนฉันก็ไปด้วยค่ะ แต่หลังๆเบาลงแล้ว
ก็มันไม่มีใครกล้าเข้ามานี่น่า บนไปก็เสียเวลาเปล่าๆ
ร้านยา K Pharmacy
"เออเจ้ไปก็ดีแล้ว บางทีจิตแพทย์แนะนำเจ้ได้นะ พวกนี้เก่งจะตาย สบตาปุ๊บก็อ่านใจเราได้ปั๊บ"
"บ้า แกพูดเวอร์ไปป่ะ"
"ไม่เวอร์ แล้วรู้มั้ย...เขาบอกว่าจิตแพทย์เป็นหมอที่โคตรมีเหตุผล อบอุ่น เข้าอกเข้าใจ ใครได้เป็นแฟนนะรับรองฟินเวอร์" คานะทำหน้าเพ้อฝัน แต่แปลก...ฉันไม่เถียงอะไรเธอสักคำ แถมยังเผลออมยิ้มตามไปด้วย
หมอธันวาเขาจะหน้าตาเป็นยังไงนะ...
ชักอยากเห็นหน้าเขาแล้วสิ
"ฮั่นแน่...ยิ้มทำไม? อย่าบอกนะที่บอกว่าจะไปปรึกษาจิตแพทย์ จุดประสงค์มันมีมากกว่าการบำบัด อุ๊ย...ร้ายนะเราอ่ะ"
ฉันกลอกตาใส่คานะทันที ไอ้บ้า...รู้ทัน
ไม่ใช่ๆ ไม่ใช่แบบนั้น >_ก๊อก ก๊อก ก๊อก
"ฉันเห็นแกมาจอดรอตั้งนาน ทำไมรีบขนาดนี้" ขึ้นรถมาใบไม้ก็ถามฉันทันที
งั้นโอกาสนี้ขออธิบายอีกครั้งแล้วกัน ว่าทำไมใบไม้ถึงต้องไปบำบัด ใบไม้เป็นคนสวย ฉลาด แต่หน้านิ่งมาก จนบางครั้งไอ้ความหน้านิ่งทำให้คนอื่นไม่กล้าเข้าใกล้เธอและเพื่อนก็ไม่อยากคบ ไม่คบไม่พอช่วงประถมยังมีพวกนิสัยไม่ดีตั้งฉายาหน้าพาซวยให้เธออีกนะ
ตอนนั้นฉันสงสารเพื่อนมาก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ อยากด่าให้สะใจ
แต่ก็คิดคำด่าไม่ออก
"ก็ฉันไม่รู้จะไปไหนก็เลยมารอ จะออกรถแล้วนะ"
"อืม"
ยิ่งระยะทางมันใกล้ขึ้นเท่าไหร่ใจฉันยิ่งสั่น และมือฉันที่จับพวงมาลัยก็เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อจนฉันต้องเช็ดกับกระโปรงอยู่หลายครั้ง
"เป็นอะไรของแก" ใบไม้ถาม
"เปล่า อากาศร้อนนะแกว่ามั้ย?" ใบไม้ที่นั่งกอดอกอยู่หันขวับมาขมวดคิ้วมองฉันด้วยความสงสัย แต่สุดท้ายเธอก็ไม่พูดอะไร เงียบจนเราไปถึงโรงพยาบาล
แต่มาถึงฉันจะบ้าตายแล้วค่ะ กระสับกระส่ายกลายเป็นคนบ้าหน้าแผนกจิตเวช เพราะเอาแต่ลุ้นว่าคุณหมอผู้ชายคนไหนเป็นคุณหมอธันวา
เขาจะหล่อมั้ย? จะสูงประมาณไหน จะ....
"ที่นัดไว้บ่ายโมงครึ่ง คุณใบไม้ใช่มั้ยคะ...เชิญเลยค่ะ"
"อ้าวฉันก่อนเหรอ?" ใบไม้หันมาถามฉันทันที จนฉันยิ้มแล้วดันหลังเธอลุกขึ้น
"ใช่ๆแกก่อน แกไม่ค่อยว่างไง ฉันทีหลังก็ได้"
"อ๋ออืม" แล้วใบไม้ก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินไปหาพยาบาล
"ฉันต้องตรวจอะไรบ้างคะ?"
"เดี๋ยว consulte เบื้องต้นกับพยาบาลก่อนนะคะ แล้วค่อยไปพบคุณหมอธันวาในห้อง"
คุณหมอธันวา~
หน้าฉันร้อนวูบ...มือสองข้างที่วางบนขาก็กำแน่นจนเหงื่อชุ่มมือ ส่วนใจไม่ต้องพูดถึง ตอนนี้มันเต้นดังตึก ตึก จนฉันได้ยินออกมาถึงข้างนอกแล้ว
จนใบไม้เข้าห้องไปสักพัก...
พยาบาลก็เปิดประตูออกมาอีกครั้งนึง...
"ขอโทษนะคะ พอดีคุณหมอธันวาอยากคุยกับเพื่อนคนไข้ด้วยค่ะ"
!?!
"ฉะ ฉันเหรอคะ?O///O" ฉันชี้มาที่ตัวเองตกใจ จนพยาบาลพยักหน้าแล้วส่งยิ้มหวานกลับมาให้
"คุณนั่นแหละค่ะ^^"
!!!
__________________________
คอมเมนท์ = กำลังใจนะเจ้าคะ