"ได้ตั๋วแล้ว" หมอธันวาเขาเดินกลับมาพร้อมตั๋วสองใบ
"ค่ะ รอบไหนคะ?^^"
"รอบต่อไป จริงๆเข้าเลยได้เลยนะแต่คุณทิชาอยากเข้าห้องน้ำก่อนมั้ยครับ?^^" เข้าห้องน้ำงั้นเหรอ? ก็ดีนะไปเช็คกลิ่นเต่า กลิ่นปาก กลิ่นผมหน่อยก็ดี
"ค่ะ ทิชาขอเข้าไปเข้าห้องน้ำสักห้านาทีนะคะ"
"ตามสบายครับ^^"
แล้วฉันก็แยกออกมาเข้าห้องน้ำที่ฝั่งขวามือของโรงหนัง แต่ทุกคนขา...หัวใจฉันเต้นแรงมาก ฉันอยากจะไปกรี๊ดดังๆแล้วสาดน้ำใส่หน้าตัวเองให้หายบ้าสักที
มันเร็วมากๆเลยที่ฉันรู้สึกแบบนี้ ที่เขาทำ...มันเป็นเรื่องปกติที่จิตแพทย์รักษาคนไข้ หรือว่าเขามีใจให้ฉัน? ฉันเดินคิดในหัวแล้วเดินไปหยุดที่หน้ากระจกห้องน้ำ ก่อนจะเปิดกระเป๋าหยิบน้ำหอมฉีดที่ชีพจร และหลังหูตัวเองด้วยความหวังที่เต็มเปี่ยม
เขาต้องชอบฉันบ้างล่ะ ไม่อย่างนั้นไม่จับมือถือแขนฉันหรอก
อีกอย่างฉันเองก็ไม่ได้ขี้เหร่ สวย ขาว อึ๋ม ครอบครัวเป็นเจ้าของโรงแรมห้าดาวชื่อดัง มีบริษัทโบรกเกอร์อีกต่างหาก แล้วเรื่องพูดไม่รู้เรื่องไม่ได้เลวร้ายอะไรเลยด้วย ยังไงเขาก็ต้องชอบอยู่แล้ว
พอในหัวคิดอะไรบางอย่างที่ตัวเองไม่เคยคิดมาก่อนในชีวิต ฉันก็ยืนนิ่งและมองตัวเองในกระจก...
เอ ทำไมเรื่องแบบนี้ถึงมั่นอกมั่นใจนัก...
หรือว่าจริงๆแกไม่ได้เป็นโรคประหม่า หรือไม่มั่นใจในตัวเอง ปัญหาของแกคืออยากมีผัว? อยากมีคนเคียงข้าง?
"โอ๊ย! ฉันจะทำยังไงดีเนี่ยพุ่งชนก็รู้สึกแรด ทำแอ๊บก็กลัวอด"
ฉันบ่นหัวเสียจนพี่ผู้หญิงที่เดินเข้ามาทีหลังตกใจ จริงสิคนอื่นเคยไปพบจิตแพทย์บ้างมั้ย แล้วจิตแพทย์เคยทำแบบนี้กับพวกเขาบ้างรึเปล่า!?
"พี่คะ!"
"คะๆ ว่าไงคะ?" พี่สาวที่กำลังเปิดน้ำล้างมือหันมาทันที
"พี่เคยพบจิตแพทย์มั้ยคะ?"
"จิตแพทย์?" เธอถามทวน แล้วทำท่านึกคิดแต่ไม่ถึงห้าวินาทีก็หันขวับมาจ้องหน้าฉันตาเขม็ง
"นี่ จะบ้าเหรอ?! ฉันไม่ได้บ้านะ"
"ไม่ได้หมายถึงแบบนั้นค่ะ คือว่า..."
"พอๆฉันไม่อยากคุยด้วย" แล้วนางก็ปัดมือไล่ฉันเหมือนหมูเหมือนหมา ก่อนจะรีบดึงทิชชู่เช็ดมือ ฟรึบ ฟรึบ แล้วรีบเดินออกไปจากห้องน้ำทันที
ดูสิ! คนไทยไม่เปิดกว้างเลย การพบจิตแพทย์...ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นบ้าซะหน่อย!
พอพี่สาวคนนั้นคล้อยหลังแล้วฉันมองตามตาละห้อย สุดท้ายฉันก็สูดเอาความมั่นใจที่เหลือเล็กน้อยเข้าปอด แล้วเดินออกไปจากห้องน้ำ
ซึ่งออกมาก็เห็นว่าหมอธันวากำลังซื้อน้ำกับป็อปคอร์นอยู่พอดี
"ป็อปคอร์นรสอะไรดี?" เขาหันมาถาม จนฉันมองไปที่ช่องป็อปคอร์นประมาณแปดช่องตรงหน้า รสลาบ รสเค็ม รสบลาๆ ไม่ได้ดูหนังมานานมากนี่มันพัฒนารสชาติได้เยอะขนาดนี้แล้วเหรอ?
"แล้วแต่คุณหมอเลยค่ะ"
"แล้วแต่คุณทิชาสิ วันนี้ผมให้รางวัลคุณนะ"
"ถ้าตามใจทิชา ก็...รสออริจินอลแล้วกันค่ะ" ได้ยินแบบนั้นจิตแพทย์หนุ่มก็หันไปสั่งพนักงาน แต่เขาซื้อน้ำมาแค่หนึ่งแก้วเท่านั้นค่ะคุณแม่
แถมหลอดก็หนึ่งหลอดด้วย...
จากการคาดการณ์ของชะนี...ต้องมีจูบกันทางอ้อมแล้วล่ะ แต่อย่าตุกติกทักเรื่องหลอดนะทิชา ห้ามมองให้คุณหมอรู้ตัวด้วย แกต้องรีบลากเขาเข้าไปโรงหนังตอนนี้เลย
"เข้าไปกันเลยดีกว่าค่ะ โฆษณาคงใกล้จบแล้ว^^" สำเร็จ! คุณหมอผายมือเชิญฉันเดินเข้าไปในโรงหนังทันที ก่อนที่เขาจะก้มหาที่นั่งให้ และหย่อนก้นนั่งลงข้างๆกัน
ที่นั่งที่เราเลือกเป็นแถวAชั้นบนสุด ซึ่งมันไม่ใช่โซฟา แต่มันเป็นเบาะที่ยกที่วางแขนพับขึ้นได้เท่านั้น น่าเสียดายจัง...ฉันอยากไหล่ชน ตัวชิดเขามากกว่านี้
"นั่งไม่สบายเหรอ?" เขาหันมาถามเมื่อเห็นว่าฉันยุกยิกไปมา เปล่าหรอกค่ะฉันนั่งสบายดี แค่รำคาญที่วางแขนที่มันคั่นกลางระหว่างเรานี่แหละ
"เอ่อ ทะ...ทิชาไม่ชอบที่วางแขนเลยค่ะ มันเกะกะ" ฉันบอกเท่านั้น คุณหมอธันวาก็หันไปวางกล่องป็อปคอร์นที่เก้าอี้ว่างๆอีกฝั่ง ก่อนที่เขาจะดันที่วางแขนเก็บ กึก! แล้วหันมายิ้มสุดน่ารักให้ฉัน ราวกับเรื่องทุกอย่างมันง่ายนิดเดียว
เลอค่า...
ตามใจทิชาทู๊กอย่าง...
และเมื่อไฟในโรงหนังหรี่ลงๆเท่านั้น ฉันก็ถือวิสาสะขยับไปใกล้ๆเขา ซึ่งโชคดีมากที่รอบๆเราไม่มีใครนั่งเลย ฉันจึงได้เป็นข้ออ้างที่จะบอกเขาว่า...
"ทิชากลัวค่ะ"
"ไม่ต้องกลัวนะ ผีไม่มีในโลก ดูเพื่อความบันเทิง^^" บันเทิงแน่ๆ
"ถ้าทิชาตกใจแล้วทำอะไรไป ขอโทษล่วงหน้าด้วยนะคะ"
"ครับ ตามสบายผมไม่ถือ"
เสร็จกู
คำนี้ดีดขึ้นมาในหัวพรึบ! แต่เมื่อรำลึกได้ว่าตัวเองเป็นสาวเรียบร้อย ก็ต้องรีบสลัดมันทิ้งออกจากหัว แล้วนั่งขาชิดวางมือบนตักตั้งใจดูหนังต่อ
ผีออกมาสิ ออกมาเล้ย!
ทิชาพร้อมแล้ว
ภาพในจอเริ่มมืด...และรอบๆมีแต่ความเงียบงัน เสียงฝีเท้านักแสดงสาวก้าวช้าๆ ตึก ตึก ตึก ส่องไฟฉายเข้าไปในบ้านร้างที่สภาพเก่าเต็มไปด้วยหญ้ารก และขณะนั้น...
ซาวด์ระทึกขวัญก็เริ่มดังขึ้น...ดังขึ้น พร้อมๆกับแสงจากไฟฉายที่สาดไปเจอกับเงาทึบที่มุมบ้าน
ตึง!
"กรี๊ดดดดด อีเชี่ย!"
ฉันกรีดร้องพร้อมโผกอดคุณหมอธันวาแน่น ตอนนี้ไม่กล้าแม้แต่จะมองจอ ซบหน้าลงอกกว้างจนได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นแรงแข่งกับตัวเอง
ตึกๆ ตึกๆ ตึกๆ
"เอ่อ...โอเคมั้ยครับ?" ฉันค่อยๆเงยขึ้น ถึงแม้จะไม่เห็นว่าหมอธันวาทำหน้ายังไง แต่รู้สึกได้ว่าหน้าเขาอยู่ใกล้แค่นิดเดียว
เพราะลมหายใจของเขามันรดแก้มฉันแล้ว
"อะ...โอเคค่ะ ขอโทษนะคะ" ฉันเอ่ยคำขอโทษเสียงติดขัดก่อนจะค่อยๆคลายมือที่กอดและถอยออกมา ซึ่งนั่นมันทำให้คุณหมอหนุ่มถึงกับแอบถอนหายใจโล่ง
"ถ้าดูไม่ไหวบอกนะครับ ออกไปทำอย่างอื่นกัน"
"ออกไปทำอะไรคะ?" ฉันถามทันที
"ก็เดินเล่น กินไอติม ทานข้าวสักมื้อ" ไม่ๆ งั้นอยู่นี่แหละคุ้มกว่าเยอะ
"ทิชาดูได้ค่ะ แค่ไม่ชิน"
"ไม่น่าอุทานซะผมตกใจ" อุทานงั้นเหรอ? อุทานว่าอะไร?
ว้าย!
พอนึกได้ ฉันก็ยกมือปิดปากหันไปทางอื่น ก่อนที่จะแอบตีเพียะๆสองทีให้กับปากที่ไม่มีหูรูด ให้ตายเถอะทิชา...เมื่อก่อนก็ไม่เห็นจะอุทานคำพวกนี้ อย่ามาปล่อยไก่ต่อหน้าหมอธันวาสิ เดี๋ยวเขาก็หนีเตลิดไปหรอก
"ฮะๆ ผมไม่ถือสาหรอกครับ" พอเขาบอกแบบนั้นฉันก็หันกลับไปอีกครั้ง แล้วส่งยิ้มเจื่อนๆไปให้
"อ่อ...ค่ะ เมื่อกี้คงไม่ใช่ทิชา"
"ครับ ไม่ใช่หรอก อย่าคิดมาก^^" แล้วทุกอย่างก็กลายเป็นสีชมพูเมื่อเราสองคนหันไปยิ้มให้กัน คุณหมอเขาน่ารักมากๆเลยค่ะทุกคน ไม่ว่าฉันจะปล่อยเป็ดปล่อยไก่เขาก็ยังยิ้มน่ารักกลับมาให้เสมอ
อยากใส่ถุงห่อกลับบ้านจัง
หรือไม่ก็...แวะเอาไปกินที่คอนโดขณะที่ยังร้อนๆอยู่
"มีอะไรรึเปล่าครับ?" ฉันละสายตาจากใบหน้าหล่อๆนั้นหันกลับไปที่จอหนังทันที
"ปะ..เปล่าค่ะ ดูหนังกันค่ะ แฮะๆ^^"
เป็นการดูหนังที่คุ้มค่าที่สุดเท่าที่เคยดูมา เพราะฉากไหนที่ผีโผล่พรึบ! ฉันก็รีบกอดคุณหมอปั๊บ เวลาหน้าสิ่วหน้าขวานฉันก็เอนไปซบไหล่เขาเนียนๆแล้วซุกหน้าทำปิดตา เล่นเอาไม่มีเวลากินป็อปคอร์นกินน้ำกันเลย
แต่อรุ่มมากค่ะ อกแข็งๆนั้นหอมมาก...
และหัวใจของจิตแพทย์ที่ฉันแอบอิงนั้นก็เต้นแรงจนฉันรู้สึกได้ เขาต้องรู้สึกอะไรกับฉันบ้างล่ะ ไม่อย่างนั้นหัวใจไม่เต้นตะลึดตึดฉึ่งแบบนี้หรอก
•••
"ขอบคุณสำหรับรางวัลนะคะ^^" ฉันกล่าวขอบคุณคุณหมอหนุ่มข้างรถปอร์เช่คันหรูของตัวเอง ขณะที่มือกำลังดึงประตูรถเปิดไปด้วย
"ครับ ขับรถดีๆ อาทิตย์หน้าผมขอนัดคุยอีกนะ" เปลี่ยนจากอาทิตย์หน้าเป็นพรุ่งนี้ได้มั้ย?
"อาทิตย์หน้าไม่นานไปเหรอคะ?" ฉันปิดประตูรถ แล้วกอดอกถามคุณหมอให้แน่ใจ
"ไม่หรอกครับ ตามปกติผมนัดคนไข้ทุกอาทิตย์อยู่แล้ว"
ฉันไม่อยากเป็นคนไข้น่ะสิ
ฉันจะแรดแล้ว ช่วยเป็นอย่างอื่นสนับสนุนความแรดของฉันหน่อยได้มั้ย เป็นคนคุยก่อนก็ได้...ฉันไม่ติด
แต่ก็ทำได้แค่คิด...ฉันไม่กล้าพูดออกไป จนคุณหมอธันวาเขาโบกมือลาและหันหลังกลับเท่านั้น ฉันถึงรีบร้อนถามเขาไปว่า
"คะ คุณหมอมายังไงคะ?!"
"ผมขึ้นรถไฟฟ้ามาครับ"
"แล้วจะไปไหนเหรอคะ ทิชาไปส่งมั้ย? พอดีทางกลับบ้านทิชา มันทางเดียวกับโรงพยาบาลค่ะ^^" เขาอมยิ้มแล้วส่ายหน้าน้อยๆ
"ไม่เป็นไรครับ ผมมีนัดทานข้าวกับพ่อแม่ที่ร้านอาหารจีนที่อยู่ถัดไปไม่กี่ซอยนี่เอง ขอบคุณนะครับ"
แล้วเขาก็เดินจากไป...ก่อนที่จะล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วกดอะไรบางอย่าง
แต่เอาเถอะวันนี้ได้แค่นี้ก็คุ้มค่าแล้ว อาทิตย์หน้าค่อยว่ากันใหม่...
________________________
🩺
คอมเมนท์ = กำลังใจนะคะ