"เหมือนคุณหมอ...เข้ามาอยู่ในหัวทิชาเลยนะคะ"
"ทำไมเหรอครับ บอกผมได้มั้ย?" เขาเอียงคอถามสุดน่ารัก เล่นเอาหัวใจที่เต้นแรงพาลเต้นหนักขึ้นไปอีก ยิ่งคุยภูมิต้านทานฉันยิ่งลด นี่เขาเป็นหมอที่ทำให้ฉันหายจากโรคประหม่า แต่มาทำให้โรคหัวใจฉันกำเริบแทนใช่มั้ย?
"คือ...พอสู้ใครไม่ได้ ทิชาก็ชอบคิดคำนั้นในหัวค่ะ"
"อ๋อครับ บางอย่างปล่อยมันออกมาบ้างก็ได้ ไม่ต้องกลัวที่จะเปิดเผยความรู้สึกตัวเองหรอก มันคือการป้องกันตัวนะครับ^^"
"....." ฉันมองหน้าเขานิ่ง หัวเปิดรับทุกสิ่งที่เขาพูดอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง
"ที่คุณไม่กล้าพูดคำพวกนั้น ไม่กล้าทำในสิ่งที่ในหัวคุณคิดอยากจะทำ คุณกลัวอะไรเหรอครับ?"
"ทิชา...ทิชา" ฉันอ้ำอึ้ง จนคุณหมอธันวาเอื้อมมือมาแตะหลังมือฉันเบาๆ
"มองหน้าผมนะ...ไม่ต้องกลัว บอกผมเถอะนะครับ ผมช่วยคุณได้^^"
ทุกคนมาทางนี้...
มาฟังฉัน
เหมือนเมฆครึ้มที่ก่อตัวค่อยๆจางลง ดวงอาทิตย์ที่ลับฟ้าก็โผล่ขึ้นเหมือนเช้าวันใหม่ ฉันก้มมองมือนุ่มที่ยังแตะหลังมือฉันไว้ ไม่กล้าแม้จะขยับมันเลย
ฉันอยากให้เขาจับแบบนี้นานๆ...ฉันรู้สึกอุ่นใจมาก
"คือ...ทิชากลัวไม่มีใครปกป้องทิชาน่ะค่ะ"
"ทุกคนพร้อมจะปกป้องคุณทิชานะครับ ผมก็ด้วย ขอแค่คุณเชื่อมั่นในตัวเอง กล้าพูด กล้าคิด กล้าที่จะเป็นคุณ^^"
แล้วมือนั้นก็ค่อยๆถอยออกไป ขณะที่ฉันมองตามอย่างเสียดายสุดซึ้ง
ขออีกหน่อยไม่ได้เหรอ? ถ้าไม่อยากจับมือ...จับที่อื่นก็ได้
"ตอนนี้คุณทิชาคิดอะไรอยู่ครับ?^^"
"อยากให้คุณหมอจับมืออีกค่ะ เอ๊ย! ไม่ใช่ๆ คือว่าๆ...คือ><"
ฉันหลับหูหลับตาบอกเขา จนลืมไปว่าเสียงแหลมๆของตัวเองมันดังลั่นร้าน และเมื่อทุกคนหันขวับมามองฉันเป็นตาเดียว คุณหมอธันวาก็รีบเปิดกระเป๋าวางเงินแบงค์พัน แล้วจับมือฉันวิ่งออกไปนอกร้านทันที
ใช่ค่ะ ตอนฉันหันไปเห็นทุกคนมองมา ฉันก็รู้สึกประหม่าขึ้นอีกแล้ว แต่คุณหมอธันวาทำดีมาก เขาเป็นคนจับมือฉันดึงออกมาจากความรู้สึกเหล่านั้นอย่างรวดเร็ว
แถมตอนนี้ยังพาฉันวิ่งไปไหนไม่รู้
"เราจะไปไหนกันคะ" ฉันถามตามหลัง และมองมือที่กุมมือสลับกับแผ่นหลังเขา
"ไปให้รางวัลคุณไง"
"ที่ไหนคะ?" คำถามนั้นทำให้จิตแพทย์หนุ่มหยุดฝีเท้าที่ก้าวเร็วๆทันที ก่อนที่เขาจะหันมายิ้มให้ฉัน
"ที่ไหน ที่เขานิยมเดทกันเหรอครับ?^^"
"O///O" เดท...
"มือคุณเย็นมาก คุณประหม่าอีกแล้ว ผมรักษาผิดขั้นตอนแน่ๆเลย"
ไม่ใช่ ฉันแค่รู้สึกว่าตัวเองร้อนรุ่มไปทั้งตัวแค่นั้น รู้จักคำว่าใจพองโตมั้ย? ฉันไม่เคยเดทกับใคร แต่วันนี้กำลังจะได้เดทกับผู้ชายที่ตัวเองรู้สึกด้วยมากๆ
"ไม่หรอกค่ะ คุณหมอรักษาถูกแล้ว แต่สถานที่เดทที่เขานิยมกัน น่าจะเป็นโรงหนังมั้งคะ"
"คุณพูดแบบนี้ แสดงว่าคุณไม่เคยเดทเหรอครับ?" ฉันพยักหน้าอายๆ แต่ดูแล้วคนถามคงไม่ต่าง เพราะมืออีกข้างของเขานั้นยกขึ้นลูบท้ายทอยตัวเองแล้ว
"ผมก็ไม่เคย แต่จะพยายามให้รางวัลคุณนะ"
เป็นรางวัลที่ฉันชอบมาก ฉันหันไปยิ้มตอบคุณหมอแล้วยอมให้เขาเดินจับมือไปที่โรงหนัง จะว่าไปการบำบัดนอกสถานที่ก็ดีเหมือนกันนะ ถ้าเป็นโรงพยาบาลเราทำแบบนี้ไม่ได้แน่ๆ
"ดูเรื่องอะไรดี?" ดูเรื่องอะไรไม่รู้ รู้แต่ไม่ปล่อยมือฉันเลยค่ะ
"คุณหมอชอบหนังแนวไหนคะ?"
"ผมชอบแนวฆาตกรรมอำพราง คุณล่ะ" คุณพระ! จิตแพทย์เขาชอบดูอะไรแบบนี้กันเหรอ?!
"เอ่อ...รักใสๆ พวกปิดเทอมใหญ่หัวใจว้าวุ่นค่ะ"
"อื้มผมพอรู้ แต่หนังเรื่องนี้มันนานมากแล้วนะ" ฉันพยักหน้ายิ้มๆ ใช่มันนาน...นานพอๆกับที่ฉันไม่ได้ดูหนังอีกเลย
"ทิชาไม่ได้ดูหนังนานแล้วค่ะ เอาเป็นว่าคุณหมอเลือกดีกว่านะคะ" หมอธันวาดูลำบากใจไม่น้อย เขาหันมองฉันสลับกับตารางหนังสามสี่ครั้ง ซึ่งมันไม่มีหรอกค่ะหนังรัก มีแต่หนังฆาตกรรมสืบสวน ไม่ก็หนังผีปีศาจไปเลย
"เอาเรื่องไหนดี...ผมไม่กล้าชวนคุณดูหนังฆาตกรรมเลย"
"ทำไมเหรอคะ?" ฉันหันไปถามกลับ
"ก็คุณสดใสเกินกว่าจะดูหนังพวกนี้"
อืม...ไม่ใช่เขาคนเดียวหรอกที่บอกว่าฉันสดใส คนอื่นๆก็พูดกันทั้งนั้น บ้างก็หาว่าฉันไม่มีพิษภัย เป็นคนไม่คิดเล็กคิดน้อย ที่โรงเรียนเพื่อนก็เลยชอบแซวชอบแกล้งเป็นประจำ
ซึ่งมันไม่ใช่การแกล้งรุนแรงหรือใช้ถ้อยคำหยาบหรอกนะ แต่ก็มีหลายครั้งที่ฉันรู้สึกอายต่อหน้าคนมากๆ และกลายเป็นจุดสนใจจนอยากแทรกแผ่นดินหนี
"แล้วคุณหมอว่าความสดใสของทิชา มันทำให้ทิชาดูอ่อนแอมั้ยคะ?"
ฉันถามเขากลับ แล้วเงยขึ้นมองเขา... ราวกับตัวเองเป็นเด็กน้อยที่ต้องการคำตอบจากพี่ชาย
"ไม่ครับ น่าทะนุถนอมมากกว่า^^"
"...." น่าทะนุถนอมงั้นเหรอ? เอ...ฉันควรดีใจใช่มั้ย ปกติเวลาผู้ชายรู้สึกดีกับผู้หญิงเขาพูดคำนี้กันรึเปล่า?
"อย่าคิดมากเลยนะ คุณไม่เคยอ่อนแอ เอาเป็นว่าผมดูหนังผีดีกว่า"
"หนังผีก็ได้ค่ะ..." หลังจากนั้นคุณจิตแพทย์สุดหล่อก็เดินไปซื้อตั๋ว ซึ่งพอเขาคล้อยหลังฉันก็คิดในหัวเป็นฉากๆว่าจะทำอะไรในโรงหนังบ้าง
ใช่...
ฉันต้องจับมือหมอธันวาให้ได้มากที่สุด
ซบบ่อยๆ ไม่ก็หันไปบอกเขาว่ากลัวผีขอกอดแขนหน่อยได้มั้ย หลังจากนั้นมันอาจจะมีสักฉากที่เราจ้องตากันก็ได้
มีเฟิร์สคริสเบาๆก็ว่าไป หรือว่าหอมแก้มให้พอน่ารักกรุบกริบก็ฟินนะ
กรี๊ด มันเป็นความคิดที่ไร้ยางอายมาก แต่ทำไมฉันคิดแบบนั้นแล้วรู้สึกกระปรี้กระเปร่ายังไงไม่รู้ววว~!
__________________________
🩺
คอมเมนท์ = กำลังใจ