ตอนที่ 5 ความบังเอิญไม่มีจริง
ห้องชุดที่เธียรธาราได้รับเป็นของขวัญเป็นคอนโดมีเนียมหรูใจกลางเมือง สภาพของมันดูดีเสียจนแม้แต่หญิงสาวเองก็ยังอดทึ่งไม่ได้เมื่อได้เห็นกับตา
ด้านล่างสุดของคอนโดเป็นสระน้ำขนาดใหญ่ที่แบ่งเป็นโซน ติดกับสระน้ำคือฟิตเนสซึ่งกรุกระจกไว้รอบด้าน และใกล้กันนั้นเป็นสวนสาธารณะขนาดย่อม มีพื้นที่สำหรับวิ่งออกกำลังกายและนั่งพักผ่อนหย่อนใจ
ยิ่งเมื่อรับกุญแจแล้วตามนิติบุคคลไปยังห้องพักของเธอเองบนชั้นเจ็ด เธียรธาราได้แต่นึกขอบคุณที่เธอไม่บอกให้ใครคืนห้องไปตั้งแต่เจ็ดปีก่อน
เมื่อเจ็ดปีก่อนมันยังเป็นโครงการที่มีแต่เสาเอกอยู่เลย ถึงแม้จะสร้างเสร็จช้าและมีคนคืนห้องที่จองเป็นจำนวนมาก แต่ผลของความอดทนของเธียรธาราก็ส่งผลงอกเงยกลายเป็นคอนโด หรูที่มีมูลค่าสูงกว่าราคาจองในตอนแรกถึงห้าเท่า แม้แต่พี่ชายของเธอเองยังเปรยว่าถ้าหากเธอไม่สนใจจะมาอยู่กรุงเทพเขาจะขอซื้อต่อเอง
ถึงแม้ว่าครอบครัวของเธอจะย้ายมาอยู่ที่กรุงเทพแล้ว แต่ความห่างเหินที่ผ่านมานานทำให้หญิงสาวและธารธาราไม่คิดจะไปเหยียบที่นั่นนอกจากจะมีความจำเป็น
มิน่า พี่ธารถึงไม่ยอมถ่ายรูปคอนโดให้ดู
และเพราะเดินทางก่อนกำหนด ผลคือนอกจากเฟอร์นิเจอร์ที่จำเป็น เครื่องใช้อย่างอื่นก็ยังไม่มี
คอนโดขนาดสามห้องนอนสี่ห้องน้ำ ห้องครัวแยกและระเบียงสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของลำน้ำสายหลักของกรุงเทพมหานครทำให้เธียรธาราไม่กล้ากระโดกกระเดกมากนักเมื่อเห็นสายตาพิจารณาของคุณแขไขหัวหน้านิติบุคคล แม้ใบหน้าของเจ้าหล่อนจะเต็มไปด้วยรอยยิ้มพิมพ์ แต่ก็แฝงไว้ด้วยความเคลือบแคลงสงสัยไม่มิด
หญิงสาวอายุยังไม่ถึงสามสิบปีอย่างเธียรธารา มีคอนโดหรูเป็นชื่อตัวเองเช่นนี้ จึงไม่แปลกที่คนจะสงสัยกัน ถ้าเป็นหนุ่มหล่อรวยเสน่ห์อย่างพี่ธารของเธอก็ว่าไปอย่าง รายนั้นทำอะไรก็ดูดี แม้แต่ตอนที่มารับห้องแทนคนยังเข้าใจผิดว่าเป็นคอนโดของเขาเลย
แหม…เธอไม่ใช่เด็กเสี่ยนะ ของขวัญตอนสอบติดมหาวิทยาลัยต่างหากเล่า บังเอิญว่าผ่านมานานเกิน ของขวัญเลยเป็นอภิมหาของขวัญนี่แหละ
“ถ้าหากคุณเธียรธารามีปัญหาอะไร กดเบอร์ศูนย์ต่อเข้านิติฯ ได้เลยนะคะ”
เรียกซะเต็มยศจนเธียรธาราหัวเราะแห้งๆ “เรียกเทียนก็ได้ค่ะ เทียนหอมค่ะ”
“อุ๊ย ก็ได้ค่ะ จริงสิ คอนโดของเรามีทั้งหมดห้าสิบชั้น ชั้นละสี่ห้องค่ะ แบ่งเป็นสองฝั่งคือฝั่งถนนและฝั่งแม่น้ำ แต่ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่เป็นส่วนตัวนะคะ ตอนนี้มีคนพักอยู่แค่สองห้องรวมห้องน้องเทียนแล้วค่ะ”
“ค่ะพี่แขไข”
อีกฝ่ายจีบปากจีบคอเล็กน้อย “จริงสิ ว่าแต่คุณน้องธารไม่มาด้วยเหรอคะคุณน้อง”
เจอกันไม่กี่ครั้ง พี่ชายของเธอก็กลายเป็นน้องธารของพี่แขไขไปแล้ว
“พี่ธารอยู่บ้านค่ะ” เธอตอบตามตรง เธียรธาราลากกระเป๋าไว้มุมหนึ่งของห้องรับแขก ยกมือไหว้อีกฝ่าย “ขอบคุณมากนะคะพี่แขไข มีอะไรเทียนจะโทรไปรบกวนนะคะ”
“ไม่เป็นไรค่ะคุณน้อง พี่ยินดีเทคแคร์อยู่แล้ว โฮะๆ ไปแล้วค่ะ”
ด้วยความเป็นมืออาชีพ แขไขพอจะรู้ตัวบ้างว่าถูกไล่ทางอ้อม หล่อนยกมือรับคำขอบคุณแล้วเปิดประตูออกไป
เธียรธาราถอนหายใจ ข้าวของเธอมีไม่มาก จึงเลือกเดินไปที่ประตูหนึ่งซึ่งอยู่ติดระเบียง ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเป็นห้องนอนที่มีวิวแม่น้ำ
มาก่อนได้ก่อน
เธอหัวเราะกับตัวเอง
ธารธาราอาจจะป้ายน้ำลายจองไว้ที่ประตูห้อง แต่เธียรธาราเป็นผู้อยู่อาศัย ให้พี่ธารไปเลือกอีกสองห้องเอาเองเถอะ
ห้องนอนใหม่เป็นห้องขนาดใหญ่ที่มีเตียงคิงไซส์ ผ้าปูเตียงสีขาวตามมาตรฐานงานตกแต่งที่รับกับเฟอร์นิเจอร์สีดำขาวซึ่งเป็นรสนิยมของธารธาราล้วนๆ อันที่จริงเฟอร์นิเจอร์ที่แถมมากับห้องชุดก็มากพอสำหรับคนที่อยู่คนเดียวอย่างเธอแล้ว แต่ธารธารากลับบอกว่าแค่นี้ยังไม่พอ เพราะเขาออกปากไว้แล้วว่าจะให้ที่นี่เป็นที่ซุกหัวนอนเวลาหนีงานจากพะเยาหรือเชียงใหม่มาที่กรุงเทพมหานคร ดังนั้นแล้วเธียรธาราจึงให้พี่ชายเป็นคนจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายส่วนเกินทั้งหมดแทนเธอเก็บเสื้อผ้าใส่ตู้ หยิบข้าวของวางไว้หน้ากระจก และ…โทรหาพี่ชาย
สัญญาณรอสายดังหลายรอบกว่าธารธาราจะรับโทรศัพท์
“ไงคนสวย”
“ทำเสียงเสี่ยวอีกแล้วนะพี่ธาร”
“จ้า เป็นไง ถึงห้องยัง” อีกฝ่ายถามอย่างอารมณ์ดี น้ำเสียงเริงร่านั้นทำเอาเธียรธาราถึงกับขมวดคิ้ว
“อารมณ์ดีเนอะพี่ธาร แอบทำอะไรมาแน่ๆ”
“เปล๊า พี่ป้ายน้ำลายจองห้องติดระเบียงไว้แล้วนะโว้ย”
นั่นปะไร ผิดคาดเสียที่ไหน เธียรธาราหัวเราะหึๆ ในลำคอ “เหรอ แต่เทียนนอนทับที่พี่ธารไปแล้ว ที่สำคัญนะ เตียงนู้มมมมนุ่ม สปริงดึ๋งๆ แล้วก็…เทียนเอาเหรียญสิบบาทซื้อเตียงไว้แล้วด้วย พี่ธารจะเอาคืนก็สายไปแล้วล่ะ โฮะๆ”
“ไอ้บ้า พี่แกไม่ใช่ผีนะโว้ย นอนๆ ไปเถอะเดี๋ยวฉันไปเมื่อไร จะเอาพระมาสวดแล้วค่อยเข้าไปนอน”
ถ้อยคำเจ็บแสบจากธารธาราทำเอาคนเป็นน้องนิ่วหน้า “พี่ธาร เทียนยังไม่ตาย”
“โอ๊ะ! ลืมไป ฮ่าๆ”
เสียงหัวเราะยียวนจากปลายสายยิ่งทำให้เธียรธาราอยากส่งกำปั้นประเคนให้ถึงที่ ติดที่สองพี่น้องอยู่คนละจังหวัด ไม่อย่างนั้นป่านนี้ธารธาราจะต้องโอดโอยจากการถูกเธอรัดคอจนหายใจไม่ออกแน่ๆ
“เงียบแบบนี้วางแผนฆาตกรรมฉันอยู่ล่ะสิ”
“อุ๊ย เทียนคิดดังไปเหรอ”
“เฮอะ เอาเถอะ แกถึงคอนโดแล้วก็ดี เออนี่ ได้ข่าวว่าที่ห้าง xxx จะเปิดตัวฟิกเกอร์รุ่นใหม่ใช่มะ แกไปต่อแถวเอาบัตรคิวซื้อให้ฉันหน่อยสิน้องรัก”
“ไม่เอาอะ คนอื่นเขามารอข้ามวัน กรุงเทพร้อนจะตาย พี่ธารบินมากรุงเทพสิ เทียนให้พี่ธารพักฟรีเลยนะ ไม่คิดโดดงานมาเลยเหรอ”
“แล้งน้ำใจสุดๆ ไม่คิดไม่ฝันเลยว่า…”
“พี่ธาร บุญคุณน่ะ ถ้าทวงแล้วมันจะไม่มีค่านะ เทียนไม่ว่าง ต้องซื้อของเข้าคอนโด บัตรพี่ธารในมือเทียนสั่นระริกละเนี่ย” เธอรีบตัดบท
“เฮ่...ค่อยๆ รูดนะ เงินเดือนฉันไม่เยอะ”
“หืม...ล่าสุดซื้อฟิกเกอร์หมดไปกี่แสนแล้วนะ ถ้าเทียนไม่เห็นตู้ใส่ของรักพี่ธารเทียนคงจะหลงเชื่อไปแล้วแน่ๆ กิจการที่ให้คนดูแลจะเจ๊งแล้วเหรอ”
“โฮ่...นั่นปากแกเหรอ น้องทรพี”
หญิงสาวหัวเราะในลำคอ “ไม่รู้ล่ะ พี่ธารบอกแล้วว่าให้เธียรรูดได้เต็มที่นี่นา”
ธารธาราเป็นนักสะสมฟิกเกอร์ตัวพ่อ ขอให้มีรุ่นใหม่ออกมาเถอะ เขาจะต้องตามล่าหามาให้ได้ ปกติแล้วถ้ามีแบบนี้ธารธาราจะบินมากรุงเทพโดยตรงแล้วแวะไปทำธุระที่อื่นให้เสร็จก่อน จากนั้นก็มาต่อแถวยาวเป็นกิโลเพื่อซื้อฟิกเกอร์รุ่นใหม่ล่าสุดโดยไม่มีอิดออด
แต่ถ้าต้องมาช่วยต่อแถวเพื่อรอซื้อของเซลล์ล่ะก็ ธารธาราจะต้องหาข้ออ้างมาปฏิเสธจนได้ หรือถ้ามาได้ ก็จะบ่นจนกว่าคนที่ไปด้วยจะยอมแพ้นั่นแหละ
“ใช่ซี้…”
“เทียนต้องรีบไปซื้อของก่อนนะพี่ธาร แล้วเจอกันนะ”
เธอรู้อยู่แล้วว่าธารธาราต้องหาเรื่องบินมากรุงเทพแน่นอนหากมีงานเปิดตัวฟิกเกอร์รุ่นใหม่
ดีเลย…หากรรมกรมาช่วยแบกหามอยู่พอดี
“ไอ้น้องบ้า รู้ไหมมันเปลืองเงินค่าตั๋ว”
“โอ๊ย ถ้าอย่างพี่ธารไม่มีเงิน เทียนก็ยาจกแล้วล่ะ บายจ้า จุ๊บๆ”
อยู่คอนโดใหม่มาห้าหกวัน เธียรธาราก็เริ่มคุ้นเคยกับเส้นทางในบริเวณนั้นบ้างแล้ว ที่สำคัญคือเธอจำหมายเลขรถประจำทางในแต่ละสายได้ขึ้นใจ แต่ทว่าในบางครั้งการขึ้นรถไฟฟ้าก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่เธอสมควรต้องใช้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
วันนี้เธอตื่นแต่เช้า เพราะข้างห้องเองก็ตื่นเช้ามากเช่นกัน จะว่าไปแล้วตั้งแต่เมื่อวานที่มีคนย้ายเข้ามา แม้ว่าเสียงตรงหน้าห้องจะไม่ดังมาก แต่ด้วยความที่ห้องนอนของอีกฝั่งน่าจะอยู่ติดกับห้องของเธอ เสียงอะไรบางอย่างกระทบผนังเป็นจังหวะตลอดทั้งคืนก็ทำให้กระอักกระอ่วนไม่น้อย
ถึงจะไม่คิดบาป แต่สมองก็ไปไกลแล้ว กว่าจะนอนได้เธอก็หน้าแดงแล้วแดงอีก วันนี้จึงคิดว่ารีบออกแต่เช้าคงจะดี กะว่าแต่งตัวเสร็จค่อยหาอะไรกินก่อนออกไปรายงานตัว
ติ๊ง!
“รอด้วยครับ!”
ประตูลิฟต์เกือบปิดลงพร้อมกับร่างสูงที่แทรกเข้ามาอย่างรวดเร็ว กลิ่นหอมสะอาดลอยวนตรงปลายจมูก เธียรธาราเงยหน้ามองคนตัวสูงในชุดสูทสีเทาเข้มกับทรงผมที่จัดทรงง่ายๆ ตรงหน้า มือข้างหนึ่งที่ถือกระเป๋าสะพายก็แทบอ่อนแรง
คนคนนี้…กับเมื่อคืน?
เธียรธาราหน้าแดงก่ำ ความคิดบาปมหันต์กำลังลอยวนในหัว
เอ๊ะ!
“อ้าว คุณที่เชียงใหม่”
ครั้งที่สี่…ครั้งที่สี่แล้ว!
เธียรธาราเผลออ้าปากค้าง สมองหมุนติ้วเหมือนลูกข่าง หนุ่มหล่อคนนั้น อยู่ข้างห้องเธอเหรอ
เธอยิ้มแหยงให้เขา ไม่รู้จะพูดอะไร พลันคิดได้ถึงเรื่องเมื่อคืน “เอ่อ…ออกกำลังกายตอนกลางคืน เบาๆ หน่อยนะคะ แบบว่ามันทะลุมาห้องฉันเลยค่ะ”
อิราชะงัก งุนงงกับสิ่งที่เธอพูด
เมื่อคืนอะไรกัน เขาเพิ่งเข้ามาที่คอนโดตอนเช้านี่เอง เมื่อคืนเขาไปกินเลี้ยงกับเพื่อน จำได้ว่าเอากุญแจคอนโดให้ชัชพล ก่อนจะโทรเรียกคนที่บ้านให้มารับ
ดวงตาคมหวานของคนตัวโตเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย หรือว่าไอ้ชัชเพื่อนเขาจะทำอะไรพิเรนทร์?
อิราจำได้ว่าห้องนอนอื่นๆ คล้องแม่กุญแจไว้หมด เหลือแต่ห้องของเขาที่ไม่ได้ล็อก
เขากระแอมแก้เก้อ เสเปลี่ยนเรื่อง “ผมอิรา อยู่ห้องข้างๆ คุณครับ เพิ่งกลับมาเมื่อเช้า”
เธียรธาราสะดุ้ง เขาแนะนำตัวไม่เท่าไรหรอก แต่บอกว่าเพิ่งกลับมาเมื่อเช้า แล้วใครอยู่ที่ห้องเมื่อคืนล่ะ?
“เธียรธาราค่ะ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ ฉันเพิ่งย้ายมาเมื่อวันพุธ” หญิงสาวตอบตามมารยาท เพื่อนบ้านกันแล้ว ต้องฝากตัวไว้ก่อน แต่ก็อดคิดไม่ได้ เขาอาจจะอยู่กับคนอื่นล่ะมั้ง
คงไม่ใช่ผีหรอก
อิรากระตุกยิ้ม เห็นว่าสาวใกล้ตัวเสมองทางอื่น แถมยังขยับออกห่างเล็กน้อย กระทั่งประตูลิฟต์เปิดและมีคนเข้ามา สีหน้าของเธอจึงคลายความอึดอัดลง
อยู่คอนโดห้องติดกัน อิรานึกถึงคำพูดของผู้เป็นตา มุมปากปรากฏรอยยิ้ม นัยน์ตาพราวระยับ
ถึงไม่มีสัญญาณอะไรนั่น เธอก็น่าสนใจไม่น้อยโดยไม่รู้ตัวเลยว่าสิ่งที่สมองคิด อาจไม่ใช่สิ่งที่ใจรู้สึกก็เป็นไปได้