ตอนที่ 6 Arch Imagine

2067 คำ
ตอนที่ 6 Arch Imagine ช่วงเช้ายังไม่มีแดด ริ้วเมฆบางตา แต่อากาศยังคงอยู่ในเกณฑ์เย็นสบาย ตอนแรกเธียรธาราคิดว่าจะหาอะไรกินก่อนเดินทางไปบริษัท ทว่าเพราะเป็นวันแรกที่ต้องรายงานตัว หญิงสาวจึงตัดสินใจเข้าร้านสะดวกซื้อเพื่อหาแซนด์วิชสักชิ้นกับนมสักกล่องรองท้อง จากนั้นจึงขึ้นรถเมล์สายเจ็ดสิบเก้าตามที่แจ้งในอีเมลของบริษัท หญิงสาวเคยไปสำรวจอยู่ครั้งหนึ่ง แต่ทว่าเมื่อไปถึงกลับหาไม่เจอว่าบริษัทอยู่ตรงไหนกันแน่ ถามใครก็ไม่มีใครรู้ จนเธอคิดไปแล้วว่าอาจเป็นพวกต้มตุ๋นโทรมาแกล้งหรือเปล่า การเดินทางจากคอนโดไปยังที่ตั้งบริษัทที่ปรากฏอยู่ในจีพีเอส[1]ใช้เวลาสี่สิบนาที ในอีเมลระบุว่าป้ายรถเมล์ที่เธอต้องลงคือป้ายเดียวที่มีตู้โทรศัพท์สาธารณะสีแดงคล้ายๆ กับในหนังซูเปอร์แมน ที่สำคัญในท้ายอีเมลยังระบุไว้อีกว่า ‘ประตูจะเปิดให้ผู้ที่เห็นเท่านั้น’ วันนี้เธียรธาราสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีครีม ทับด้วยกระโปรงสอบความยาวเหนือเข่าสีช็อกโกแลตรัดเข็มขัดสีเดียวกันกับเสื้อเชิ้ตและรองเท้าส้นเตี้ยสีครีม ผมยาวดำขลับมัดรวบเป็นหางม้า ผมหน้าม้าหวีตรง ใบหน้าผัดแป้งบางเบา กลีบปากอิ่มทาลิปกลอสสีอ่อน เพราะงานที่เธอสมัครไม่ใช่ตำแหน่งที่ต้องอาศัยหน้าตาหรือเคร่งเรื่องการแต่งตัว ดังนั้นแล้ววันนี้จึงถือว่าเธียรธาราแต่งตัวเต็มยศเกินไปเสียด้วยซ้ำ มันเป็นชุดสุภาพที่สุดเท่าที่เธอจะหาได้ และคิดว่าคงดูดีพอจะทำให้ผ่านการทดลองงานในช่วงแรกได้ หญิงสาวลงจากรถประจำหางหมายเลขเจ็ดสิบเก้า มีผู้ชายคนหนึ่งลงพร้อมกับเธอ เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีฟ้ากางเกงยีนสีซีด ท่าทางเหมือนคนไม่สนใจโลก ที่สำคัญคือเขาเอาแต่เล่นโทรศัพท์มือถือโดยไม่มองพื้นตอนลงจากรถเสียด้วยซ้ำ เธอไม่ได้สนใจนัก ดวงตาคู่หวานหลุบมองจีพีเอสในโทรศัพท์มือถือของตัวเอง มือข้างหนึ่งกระชับกระเป๋าสะพายแน่นเผื่อเหตุฉุกเฉิน จุดที่จีพีเอสบอกตำแหน่งก็คือตู้โทรศัพท์สีแดงที่ดูเหมือนผิดที่ผิดทางตู้นี้ เธอเดินวนรอยมันสามสี่รอบ มองหาคำใบ้หรืออะไรสักอย่างที่เกี่ยวกับบริษัท ทว่ากลับไม่มีอะไรช่วยได้สักอย่าง บริเวณหลังป้ายรถเมล์เป็นทุ่งนา ต้องเดินไปอีกหลายร้อยเมตรกว่าจะเจอบ้านคน อีกอย่างพื้นที่แถบนี้ไม่มีสถานที่ที่บ่งบอกได้ว่ามีบริษัทตั้งอยู่เลยแม้แต่น้อย เธียรธาราถอนหายใจด้วยความเซ็ง หรือว่าจะโดนหลอกมาเก้อจริงๆ ม้านั่งตรงป้ายรถเมล์เป็นม้านั่งยาว ที่แปลกคือป้ายรถเมล์ป้ายนี้กลับไม่มีบอร์ดโฆษณาอย่างป้ายรถเมล์อื่น สามารถนั่งได้ทั้งสองฝั่ง เธียรธาราเดินสองสามก้าว หยุดตรงม้านั่งตัวยาวแล้วนั่งลงพลางถอนหายใจ ดวงตาเหม่อมองไปยังท้องทุ่งนาที่เริ่มอาบย้อมไปด้วยแสงแดดอ่อนยามเช้า ลมพัดใบข้าวปลิวไสว กลิ่นน้ำยาทำความสะอาดบางเบาลอยกระทบจมูก น้ำยาทำความสะอาด? เธียรธาราหันขวับ รอบตัวเธอไร้ซึ่งร่องรอยของสิ่งมีชีวิต หญิงสาวลูบขนแขนที่จู่ๆ ก็ลุกชัน ปลุกปลอบตัวเองว่าจมูกอาจจะเพี้ยนไปแล้ว แต่เอ๊ะ! ลมพัดใบข้าว ทำไมลมไม่พัดโดนตัวเธอด้วยล่ะ ทั้งๆ ที่ขอบคันนากับป้ายรถเมล์ห่างกันไม่ถึงสี่เมตรแท้ๆ เธอขมวดคิ้ว ความสงสัยและความตื่นเต้นแล่นพล่าน ครู่หนึ่งคล้ายได้ยินเสียงคนคุยกันเบาๆ ณ จุดนี้ความกลัวทำอะไรเธอไม่ได้ ท้องฟ้าสว่างโร่ ผีเผอที่ไหนจะมี เธียรธาราลุกขึ้น รวบรวมความกล้าเดินไปยังขอบคันนา โป๊ก! “โอ๊ย!” หญิงสาวคลำหน้าผาก เธอชนกับกำแพงใสเข้าเต็มๆ แว่นที่สวมอยู่กระแทกกับดั้ง เจ็บปวดจนน้ำตาเล็ด มือเรียวยกขึ้นคลึงจมูกให้คลายความเจ็บ มืออีกข้างจะเคลื่อนไปทาบกับกำแพงใสที่มองไม่เห็น มันเย็นเฉียบ เรียบลื่น ทว่าเหมือนจะมีรอยต่อ ‘ติ๊ด!’ ปลายนิ้วของเธอคล้ายสัมผัสได้ถึงวัตถุบางอย่างจนเกิดเสียงดัง สักพักจึงรับรู้ได้ถึงกระแสลมและกลิ่นของทุ่งนาจริงๆ ปะทะใบหน้า กำแพงใสที่เคยสัมผัสได้พลันสลายหายไป เบื้องหน้าปรากฏภาพทางเดินหินทอดตัวยาวลงไปในทุ่งนา แปลกประหลาด เทคโนโลยีใหม่ของบริษัทเหรอ? แม้ว่าหญิงสาวจะเคยอ่านโครงการทดลองทางเทคโนโลยีมาบ้าง แต่พอมาเจอกับตัวก็อดตื่นเต้นไม่ได้ รู้คร่าวๆ ว่าบริษัทที่เธอสมัครงานนั้นมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสูง แต่ไม่คิดว่าจะล้ำสมัยขนาดนี้ เธียรธาราหลับตากลั้นหายใจเดินผ่านจุดที่เคยเป็นกำแพงแก้ว ครั้นก้าวเข้าไปได้สักสี่ก้าว เสียงของรถราที่อยู่ด้านหลังก็หายไป อากาศรอบตัวเย็นลงจนเผลอลูบแขนตัวเอง เมื่อเธอลืมตาแล้วหันกลับไป พลันพบว่าด้านหลังก็ยังเป็นภาพของป้ายรถเมล์ที่เธอลงเมื่อครู่ แต่เมื่อหันกลับมาเผชิญหน้ากับโลกเบื้องหลังกำแพงแก้ว เธอแทบจะลืมหายใจ… ผืนหญ้าเขียวขจีปกคลุมสุดลูกหูลูกตา ทางเดินปูด้วยแผ่นหินขนาดใหญ่ก็จริง แต่เมื่อสังเกตดีๆ จะพบว่าสองฝั่งทางเดินคือห้องทำงานที่กั้นกระจกรอบทิศ ทำให้เธอเห็นว่ามีคนสวมชุดแม่บ้านจำนวนหนึ่งแยกกันทำความสะอาดพื้นไม้ในแต่ละห้อง เธอคิดว่ากลิ่นน้ำยาทำความสะอาดคงมาจากสาเหตุนี้ ทว่าห้องทำงานที่นี่ไม่เหมือนอาคารอื่นที่เคยพบเห็น เพราะไอดินกลิ่นฟางข้าวก็ยังคงลอยวนตรงปลายจมูก ห้องทำงานที่ไม่มีหลังคา เหนือขึ้นไปคือท้องฟ้าสีครามและแสงแดดอ่อน กลับไม่ทำให้รู้สึกว่ารังสียูวีกำลังสัมผัสผิวหนังเลยแม้แต่น้อย สายลมเอื่อยที่พัดโชยทำให้เธอรู้สึกว่าตึกแห่งนี้ไม่ปกตินัก ไม่มีคนออกมาต้อนรับ ไม่มีใครสนใจว่าเธอกำลังรุกล้ำพื้นที่ ปี๊บๆ โทรศัพท์มือถือของเธอปรากฏสัญญาณแจ้งเตือน แผนที่จีพีเอสกำลังอัปเดตอัตโนมัติ เธียรธาราครุ่นคิด เสี้ยวหนึ่งในใจนึกกังวลว่าเธอกำลังถูกคุกคามความเป็นส่วนตัวด้วยหรือไม่ กระนั้นแล้วขาเรียวยาวยังคงก้าวตามพิกัดใหม่ที่ปรากฏขึ้น เส้นทางเบื้องหน้าคล้ายไม่มีที่สิ้นสุด กระทั่งประตูกระจกบานหนึ่งค่อยๆ เปิดกว้าง “สวัสดีครับคุณเธียรธารา” น้ำเสียงเรียบเรื่อยทว่ากังวานเรียกชื่อ ดึงความสนใจได้ชะงัด เธียรธาราหยุดฝีเท้า ชะโงกมองผ่านบานประตูที่แง้มเอาไว้ ใบหน้าคุ้นตาของใครคนหนึ่งเจือรอยยิ้ม เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดตัดกับกางเกงสแลคสีดำ ผมซอยสั้นจัดทรงอย่างทันสมัย เส้นผมสีน้ำตาลเข้มตรงปลายผมทำไฮไลต์สีทอง เข้ากับใบหน้าที่เหมือนไอดอลญี่ปุ่น เห็นปุ๊บคนก็จำได้แทบจะทันที “สวัสดีค่ะคุณไคโตะ” เธียรธารายกมือไหว้ “เชิญนั่งครับ” เขาผายมือ ไคโตะเป็นฝ่ายบุคคลของบริษัท ตอนเรียกสัมภาษณ์งานเขาเป็นคนหนึ่งที่เข้าร่วมสัมภาษณ์เธอรวมกับหัวหน้าแผนกคาแรคเตอร์ดีไซน์ ด้วยลักษณะท่าทาง การแต่งกายที่ดูสุภาพหากแต่นำสมัย รวมไปถึงบุคลิกเป็นกันเอง ทำให้ดูเหมือนว่าเขาจะอายุไม่เกินสามสิบปีเสียด้วยซ้ำ แต่แท้ที่จริงแล้วจากเว็บไซต์ของบริษัท ไคโตะเป็นหัวหน้าฝ่ายบุคคลที่อายุอานามร่วมสามสิบสามปี แม้ไม่ถือว่าอายุมาก แต่จากลักษณะภายนอก คนมักคาดเดาว่าเขาจะอายุสักยี่สิบปลายๆ เท่านั้น เธียรธาราหยิบเอกสารออกมาจากกระเป๋าสะพาย ส่งให้ไคโตะอย่างรู้งาน ชายหนุ่มพินิจมองสาวแว่นตรงหน้า ลักษณะท่าทางของเธอคล่องแคล่วดูเป็นกันเอง ขณะเดียวกันก็เหมือนมีกำแพงแก้วใสๆ ขวางกั้นอยู่เสมอ ใบหน้าที่เจือรอยยิ้มสุภาพแม้จะมีให้คนแปลกหน้าเสมอ หากแต่ก็ยังถือว่าเข้าถึงได้ยากพอสมควร เขาทำงานร่วมกับคนมาจำนวนไม่น้อย และคนที่ทำงานในอาร์ชอิมเมจิน (Arch Imagine) ส่วนใหญ่ แรกเข้าก็มักจะเป็นแบบนี้ “ต้องขอโทษด้วยนะครับที่เรียกตัวด่วน แต่ว่าตอนนี้ทางเรามีความจำเป็นต้องส่งคนไปเก็บข้อมูลนอกพื้นที่ คนที่เหลืออยู่จึงไม่เพียงพอต่อการทำงาน ที่สำคัญระหว่างระยะเวลาทดลองงานเราจำเป็นต้องให้เวลาให้คุณเธียรธาราเรียนรู้” ไคโตะเว้นจังหวะ เหลือบมองเธียรธาราที่ตั้งใจฟัง ก่อนจะเล่าต่อ “แผนกดีไซน์ของสยามรังสรรค์ เป็นเพียงหน่วยย่อยของอาร์ชอิมเมจินก็จริง แต่ก็เป็นหน่วยที่มีความสำคัญอย่างมาก แผนกนี้แบ่งออกเป็นสองแผนกย่อยหรือทีมย่อย ทีมแรกคือฝ่ายที่ออกแบบระบบความคิดของ NPC[2] ทีมที่สองคือฝ่ายที่ออกแบบรูปลักษณ์และองค์ประกอบภายนอก คุณคงทราบแล้วว่าตัวเองต้องไปอยู่ทีมไหนใช่ไหม” “ทีมแรกค่ะ” สิ่งที่เธอเรียนรู้ สิ่งที่เธอฝึกฝนและสั่งสมประสบการณ์มาตั้งแต่สมัยเรียน ทำให้บริษัทรับเธอเข้ามาร่วมทีมแรกตั้งแต่วันที่สัมภาษณ์ “ครับ อีกอย่างคือบริษัทของเรามีโค้ดเนมที่ใช้เวลาส่งอีเมลหรือต้องเข้าประชุมงาน ผมแจ้งไปตั้งแต่วันสัมภาษณ์คุณเธียรธาราคิดมาหรือยังครับ” เธียรธาราชะงักเล็กน้อย ตอบไปโดยอัตโนมัติ “วีนัสค่ะ” เธอไม่ได้คิดมาแต่แรกเพราะเกือบลืมไปแล้ว ทว่าชื่อนี้เป็นชื่อที่เธอใช้เป็นนามแฝงมาโดยตลอดจนชิน ไคโตะยิ้มมุมปาก “สวยสมชื่อ” เธียรธารากระตุกยิ้มตามมารยาท ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ “รบกวนเซ็นเอกสารนี้ด้วยครับ” ไคโตะส่งหนังสือสัญญารับเข้าทำงานให้เธียรธารา หญิงสาวอ่านรายละเอียด สัญญาระบุไว้ว่าช่วงทดลองงานคือสามเดือน แต่เนื่องจากว่าเธอมีประสบการณ์ที่ทางบริษัทต้องการ เงื่อนไขพิเศษจึงเพิ่มเงินเดือนให้มากกว่าที่เธอเรียกไปถึงสองเท่า และหากโปรเจกต์ใหม่ที่กำลังจะคลอดออกมาประสบความสำเร็จด้วยความร่วมมือของเธอ เธียรธาราจะได้โบนัสพิเศษเพิ่ม รวมไปถึงรับเข้าเป็นพนักงานประจำทันที หลังจากเซ็นสัญญาเรียบร้อย ไคโตะก็เรียกหัวหน้าทีมเธอมา “ชัท ลูกทีมคุณมาแล้ว” ไคโตะเอ่ยขึ้นก่อนที่ชัชพลจะเอ่ยทักทายเธอเสียด้วยซ้ำ “สวัสดีค่ะ” เธียรธารารีบยกมือไหว้ ชัชพลหลิ่วตาให้ไคโตะ ก่อนจะยิ้มกว้างให้เธียรธาราจนเห็นลักยิ้มบุ๋ม เขาแต่งตัวไม่ค่อยเรียบร้อย ผมเผ้าไม่ได้หวี ใต้ขอบตาคล้ำ แต่เสน่ห์ฉบับหนุ่มไทยแท้ก็กลบข้อเสียเหล่านั้นจนมิด “โค้ดเนมของเธอคือวีนัส (VENUS) แล้วนี่ ชัชพล หรือ ชัท (SHUT)” ไคโตะแนะนำ เธียรธารากลั้นยิ้ม กระแอมในลำคอเล็กน้อย เธอลุกจากเก้าอี้ “ปะสาวน้อย ไปท่องแดนมหัศจรรย์กันเถอะ” เธอแทบสำลัก แดนมหัศจรรย์เหรอ…ช่างคิด “โชคดีครับวีนัส” ไคโตะโบกมือลาก่อนจะกล่าวทิ้งท้าย “ระวังพวกซิธ[3]ไว้ให้ดีนะครับ” “เฮ่ ไคโตะฮะ อย่าสปอยล์เด็กซี” ชัชพลกล่าวกลั้วหัวเราะ เปิดประตูนำเธอออกไปสู่แดนมหัศจรรย์ [1] GPS (Global Positioning System) คือ ระบบระบุตำแหน่งบนพื้นโลก ซึ่งทำงานร่วมกับดาวเทียมบอกตำแหน่งทั้งหมด 24 ดวง [2] non-player character บ้างก็เรียกว่า non-person character หรือ non-playable character) หรือ เอ็นพีซี (NPC) ในเกมหมายถึง ตัวละครใด ๆ ที่ไม่ได้ถูกควบคุมโดยผู้เล่น โดยปกติในวิดีโอเกมจะหมายถึง ตัวละครที่ถูกควบคุมโดยคอมพิวเตอร์ผ่านปัญญาประดิษฐ์ (Artificial intelligence หรือ AI) [3] SITH ในจักรวาลสตาร์ วอร์ส คำว่า ซิธ (อังกฤษ: Sith) เป็นคำที่ใช้อธิบายถึงกลุ่มบุคคลสองกลุ่มที่เป็นเอกเทศแต่มีความเกี่ยวข้องกัน ในความหมายที่ใช้ทั่วไปนั้น ซิธหมายถึงกลุ่มลัทธิความเชื่อของนักบวชที่อุทิศตัวให้กับด้านมืดของพลัง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม