ตอนที่ 3|คือโชคชะตา... - 1

2512 คำ
รองเท้าคัทชูสีดำคู่หนึ่ง ได้เหยียบเดินอยู่บนทางเดินที่ปูด้วยแผ่นหินอันทอดยาวไปสู่สำนักงานที่อยู่ทางด้านหลังของรีสอร์ตแห่งนี้  เพียงแค่ได้เดินเข้ามาไม่กี่ก้าว เจ้าของรองเท้าคู่ดังกล่าวก็รู้สึกชื่นชอบบรรยากาศของที่นี่เสียแล้ว พลางคิดว่า หากเธอได้ปักหลักทำงานที่นี่  พร้อมกับได้ดูแลผู้เป็นป้าไปด้วยก็จะดีไม่น้อย หญิงสาวในชุดทำงานสุภาพ ได้กวาดสายตาดูคนวัยหนุ่มสาวจำนวนหนึ่ง ที่กำลังนั่งรอเป็นแถวตรงมุมรับแขกในส่วนของห้องทำงานตรงหน้า   ใบหน้า  การแต่งกายแต่ละคนก็ไม่ได้แตกต่างจากเธอมากนัก ที่จะเน้นความสุภาพเรียบร้อยเป็นหลัก ที่สำคัญทุกคนล้วนแต่มาที่นี่ด้วยความมุ่งหวังกันทั้งสิ้น ขณะที่ศิศิรากำลังมองหาที่ว่าง ๆ ในมุมรับแขก แล้วสายตาก็ไปจรดเข้ากับหญิงสาวอีกคนที่มีอายุอานามใกล้กันกับเธอ ข้างกายหญิงสาวผู้นั้นมีที่ว่าง ๆ พอที่จะให้เธอนั่ง               ศิศิราจึงรีบเดินเข้าไปนั่งทันที จากนั้นหญิงสาวคนดังกล่าวก็ยิ้มให้กับเธอเล็กน้อย ก่อนจะก้มหน้าก้มตาง่วนอยู่กับเอกสารหลายแผ่นในมือตัวเองต่อ                                                       ศิศิราเองจึงรีบจัดการเอกสารที่เตรียมมาเช่นกัน เธอหยิบใบสมัครที่กรอกรายละเอียดบางส่วนไว้แล้วออกมาจากกระเป๋า เพื่อตรวจตราความเรียบร้อยอีกที                                                                                    “เราส่งใบสมัครทางอินเทอร์เน็ตมาก่อนหน้าแล้วล่ะ... ตอนบ่ายจะได้สัมภาษณ์งานต่อ”                                                                        ศิ ศิราเงยหน้าจากแผ่นกระดาษในมือ มองหญิงสาวคนนั้นที่จ้องเธออยู่ก่อนแล้วด้วยสายตาแห่งความเป็นมิตร                                           เธอคนนี้เอ่ยไปอีกว่า “ตื่นเต้นจัง...บ่ายนี้เจ้าของรีสอร์ตจะสัมภาษณ์งานเองอีกด้วย”  ศิศิราไม่ได้สนใจ หรือตื่นเต้นเท่ากับอีกฝ่ายด้วยมากนัก  หากเจ้าของรีสอร์ตจะเป็นคนที่สัมภาษณ์งานผู้ที่มาสมัครงานเอง แต่…  “ได้ยินมาว่า คุณเทียมน่ะ...เขาให้โอกาสคน...ดูคนที่ความสามารถ ตั้งใจจะทำงานจริง ๆ”   คำว่า ‘ให้โอกาส’ นั่นเอง...คือคำเดียวที่ทำให้ศิศิราใช้ดวงตาคู่งามสบตากับหญิงสาวตรงหน้าอย่างตั้งใจฟัง รู้สึกว่าความหวังกำลังเอ่อท่วมท้นขึ้นมาอยู่ในหัวใจอีกครั้ง หญิงสาวก้มมองดูวุฒิการศึกษาที่ตัวเองนำมาสมัคร ถ้าเทียบกับคนอื่น ๆ ที่อยู่รายรอบเธอแล้ว ของเธอดูด้อยกว่ามากนัก...แต่คำว่าให้โอกาสคนนี่แหละ  ที่พอจะทำให้หัวใจเธอชุ่มชื้นขึ้นมา         “แล้วนี่...สมัครในตำแหน่งอะไรล่ะ”                                               “ก็...พนักงานต้อนรับค่ะ”                                                             “เหมือนกันเลย!”                                                                         อีกฝ่ายพูดออกมาอย่างตื่นเต้นอีก  จากนั้นศิศิราก็พูดคุยกับหญิงสาวคนนี้ต่อคร่าว ๆ จึงรู้ว่าเธอคนนี้จบการศึกษาระดับปวส. หรือประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูงสาขาการโรงแรมและท่องเที่ยว และก่อนหน้าก็ได้เที่ยวสมัครงานมาบ้างแล้วหลายที่ แต่ที่นี่เรียกสัมภาษณ์ก่อน จึงมาสัมภาษณ์วันนี้ในตอนบ่าย                                                                   เมื่อจัดการเอกสารเสร็จแล้ว ศิศิราจึงจะไปยื่นใบสมัครให้กับเจ้าหน้าที่ของรีสอร์ต เธอลุกขึ้นยืนแต่ ไม่ทันระวังจึงชนเข้ากับร่างใครบางคน เอกสารในมือจึงตกและกระจายไปตามพื้น    ศิศิราก้มลงเก็บเอกสารของเธอที่ตกไปตามพื้น ก่อนจะถึงแผ่นสุดท้าย...ก็มีมือของใครคนหนึ่งหยิบมันขึ้นมาถือให้พอดี   หญิงสาวยืดตัวขึ้น สบตากับเจ้าของมือข้างนั้น...                      วิมลสิริก้มมองแผ่นกระดาษแผ่นหนึ่งในมือ ก่อนจะเงยหน้ามองเจ้าของที่กำลังเดินตรงมาหา  เธอมีความรู้สึกชนิดหนึ่งกับหญิงสาวคนนี้ขึ้นมาอย่างทันใด  เป็นความรู้สึกในด้านลบเสียด้วย ซึ่งแม้ไม่เคยพบหน้ากันมาก่อนเลยสักครั้งก็ตาม  แต่วิมลสิริก็หาเหตุผลไม่ได้เหมือนกันว่า   ทำไมถึงเป็นความรู้สึกในด้านนี้เมื่อแรกพบกับหญิงสาวที่กำลังยืนส่งสายตาปริบ ๆ ตรงหน้า           กว่าหญิงสาวคนนี้จะเดินมาถึง เธอก็ก้มอ่านข้อความในกระดาษแผ่นนี้อีกครั้งคร่าว  ๆ พอจับใจความได้ว่า    เธอก็เป็นหนึ่งในหลาย ๆ คนที่จะมาสมัครงานที่นี่    ในตำแหน่ง รีเซพชั่น หรือพนักงานต้อนรับ                    “เอ่อ...ขอกระดาษคืนด้วยค่ะ”     เสียงหวานใสดังขึ้น ปลุกให้วิมลสิริรู้สึกตัว เธอช้อนตาขึ้นมาสบกับดวงตาคู่หวานตรงหน้า ก่อนจะยื่นแผ่นกระดาษในมือคืนให้ด้วยรอยยิ้มหวานที่เสแสร้ง                                                                                           “นี่ค่ะ”                                                                                           หญิงสาวคนนั้น  ยื่นมือมารับกระดาษกลับไป แล้วกล่าวขอบคุณด้วยรอยยิ้มสว่างใสเจือความหวานชนิดหนึ่งกลับมา “ขอบคุณค่ะ”                        วิมลสิริยิ้มน้อย ๆ แล้วถาม “มาสมัครงานที่นี่หรือคะ”                      “ค่ะ”                                                                                        “ขอให้โชคดีนะ...” อวยพรแล้วก็เดินจากไป  อย่างไม่มองดูรอยยิ้มแห่งความยินดีที่อีกฝ่ายมีให้มา                                                 ศิศิราเหลียวมองตามร่างระหง ในชุดแซคยีนส์แขนกุดเข้ารูปด้วยความนึกชื่นชมในหลาย ๆ อย่าง ทั้งความสวย ท่วงท่าเดินที่สง่าอันบ่งบอกถึงบุคลิกที่มั่นใจในตัวเองอย่างสูง เธอไม่ทราบหรอกว่า อีกฝ่ายเป็นใครที่              รีสอร์ตแห่งนี้ แต่ดูท่วงท่าที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ การพูดทักทายพนักงานด้วยกันขอวที่นี่ ก็ทำให้ทราบว่า คงเป็นคนที่มีความสำคัญกับรีสอร์ตแห่งนี้ไม่น้อย                                                                                                     ศิศิรารีบปัดความคิดที่ว่า เธอคนนั้นคือใครออกจากหัวไปทันที เมื่อร่างระหงนั้นผลักประตูห้องทำงานห้องหนึ่งแล้วเดินหายลับเข้าไป เธอจึงเดินไปยื่นเอกสารสมัครงานต่อเจ้าหน้าที่ ใช้เวลาไม่นานอีกฝ่ายก็แจ้งเธอว่า เธอจะได้สัมภาษณ์งานตอนบ่ายนี้ หญิงสาวจึงกล่าวขอบคุณ แล้วผุดลุกขึ้นด้วยรอยยิ้มเพื่อกลับมานั่งรอที่เดิมด้วยความตื่นเต้นที่จะได้สัมภาษณ์งานต่อไป   หลังพักเที่ยง เธอรวมไปถึงคนที่มีนัดสัมภาษณ์งานในตอนบ่ายก็กลับมานั่งรอตามลำดับ บนม้านั่งหน้าห้องทำงานของผู้จัดการฝ่ายบุคคล  โดยภายในห้องนั้นนอกจากเจ้าของห้องแล้ว ยังมีเจ้าของ         รีสอร์ตที่มาสัมภาษณ์งานเองด้วย ศิศิราไม่ทันพบเขา ตอนที่เขาเดินผ่านตรงม้านั่งนี้เหมือนใครคนอื่น เธอและเพื่อนใหม่ไปทานมื้อเที่ยงพอกลับมาเขาก็อยู่ในห้องทำงานนี้แล้ว                                                                            พอพูดถึงเพื่อนใหม่คนนี้ ต่างคนก็ทราบชื่อเล่นของกันละกัน แล้ว หญิงสาวคนนี้ได้เล่าเรื่องของตนเองให้เธอฟังบ้าง    ส่วนศิศิราก็เล่าเรื่องของเธอให้อีกฝ่ายฟังคร่าว ๆ กระทั่งประตูห้องที่มีการสัมภาษณ์เปิดออก หญิงสาววัยกลางคนแต่งกายด้วยกางเกงผ้าสีดำ สวมเสื้อโปโลสีน้ำตาลเข้ม ปักตรารีสอร์ตตรงกระเป๋าเสื้อบนหน้าอก ได้เรียกชื่อจริงของใครคนหนึ่งขึ้น แล้วเพื่อนใหม่คนนี้ ก็ผุดลุกด้วยความตื่นเต้นตามทันที                                               “เราเข้าไปก่อนนะน้ำค้าง” เธอคนนี้เอ่ย                                        ศิศิราก็ไม่ลืมที่จะอวยพรให้ “โชคดีนะ แยม”                          จากนั้นราว ๆ สิบนาทีได้ เพื่อนใหม่คนเดิมก็เปิดประตูเดินออกมาด้วยสีหน้าที่บ่งบอกว่าโล่งอกที่สุด แล้วเดินตรงมาที่เธอนั่งรอต่อ   “ตื่นเต้นมาก คุณเทียมเจ้าของรีสอร์ตสัมภาษณ์เอง ท่าทางเขาเป็นคนสุขุม สุภาพมาก น้ำค้างไม่ต้องกังวลนะ” เพื่อนใหม่พยายามให้กำลังใจ เพราะลำดับถัดไปจะเป็นทีของศิศิราที่ต้องเข้าไปต่อ ตอนนี้เธอแค่รอให้หญิงวัยกลางคนเดิมนั้นเปิดประตูและเรียกเธอเข้าไป…                                                                                                                                                                                       เทียมตะวันกำลังจะใช้ความคิด เพราะการประเมินหลังสัมภาษณ์งานเรียบร้อยแล้ว เขาจะใช้เวลาอยู่ราว ๆ ห้านาที เพื่อลงความเห็น ครั้นเรียบร้อย  ชายหนุ่มจะให้สัญญาณให้คุณอรุณเรียกคนที่จะสัมภาษณ์ลำดับถัดไปเข้ามาได้ ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นกำลังจะพยักหน้าให้คุณอรุณ  ทว่า เสียงโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่ใกล้มือได้ดังขึ้นมาก่อน  เขาจึงกดรับ เพราะคนที่โทร. เข้ามาคือคนสนิท ซึ่งก็คือบิดาของวิมลสิรินั่นเอง                                             “ว่าไง…”                                                                                  “ผมจะรายงานคุณเทียมว่า เจอร่องรอยของเธอคนนั้นแล้ว เธออยู่ในอำเภอเมืองนี่เอง”                                            “จริงหรือ!” น้ำเสียงของชายหนุ่มดูตื่นเต้นขึ้น เธอคนนั้นที่เขาตามหาอยู่ในจังหวัดนี้!  และห่างออกไปเพียงไม่กี่สิบกิโลเมตรนี่เอง!    “ครับ”เทียมตะวันเงยหน้าขึ้นจากโทรศัพท์มือถือ แล้วหันไปทางผู้จัดการ  พลางเรียก “คุณอรุณ เดี๋ยวสัมภาษณ์แทนผมที”                                “ได้ค่ะ คุณเทียม”                                                                           มอบหมายงานแล้ว ชายหนุ่มลุกขึ้นด้วยความดีใจ เขากำลังจะผลักประตูห้องออกไป แต่นึกได้ว่าถ้าผ่านตรงโถงรับแขกของสำนักงาน จะทำให้คนที่นั่งอยู่ด้านนอกตื่นตกใจเปล่า ๆ เขาจึงเปลี่ยนใจ กลับมาใช้ประตูอีกประตูที่อยู่ด้านหลังของห้องทำงานแทน โดยมีสายตาของผู้จัดการฝ่ายบุคคลมองตามอย่างสนใจ                                                                           คุณเทียมดูเร่งรีบและตื่นเต้น …คงมีเรื่องสำคัญจริง ๆ สำหรับเขาแทรกขึ้นมา ผู้จัดการฝ่ายบุคคลปัดความคิดนั้นออก ก่อนจะเดินไปเปิดประตูเพื่อเรียกคนที่จะสัมภาษณ์ถัดไปเข้ามา…                                                “คุณศิศิรา เชิญค่ะ”      "ไม่ได้ก็ไม่เป็นไรหรอกนะ น้ำค้าง งานอื่นที่นี่ยังมีอีกเยอะ โชคดีที่อำเภอนี้เป็นอำเภอท่องเที่ยวของจังหวัด โรงแรม รีสอร์ตอื่น ๆ ก็ยังมีอีก"      ระมิตา...เพื่อนใหม่ที่เพิ่งรู้จักกันไปเมื่อไม่กี่วันก่อนได้โทร. มาถาม เรื่องงานที่ศิศิราได้ไปสัมภาษณ์วันนั้น ทีแรกอีกฝ่ายโทร. มาด้วยน้ำเสียงแห่งความยินดี ที่ได้รับการแจ้งกลับจากรีสอร์ตเทียมตะวันว่า ตัวเองผ่านการสัมภาษณ์งานทำให้ได้งานที่นั่นแล้ว  จึงรีบโทร. มาถามศิศิราว่า อีกฝ่ายจะได้รับข่าวดีเหมือนกันหรือไม่  ทว่า...ศิศิราไม่ได้รับการแจ้งกลับใด ๆ จากทางรีสอร์ต  จึงเป็นอันเข้าใจได้เองว่า  ศิศิราไม่ได้งานจากที่นั่น                                 ถึงแม้รมิตาจะให้กำลังใจเธออย่างท่วมท้น... ซึ่งคงคิดว่าเธอนั้นจะต้องผิดหวังกับเรื่องนี้ แต่ศิศิรากลับไม่ได้รู้สึกผิดหวังอย่างที่อีกฝ่ายคิดนัก จริงอยู่เธออยากจะได้งานเร็ว ๆ เพื่อจะได้เริ่มต้นชีวิตได้เร็วขึ้น แถมบรรยากาศของ รีสอร์ตก็เป็นที่ที่เธอชื่นชอบเป็นพิเศษอีก แต่...เธอมักจะฝึกทำใจให้รับกับความผิดหวังที่เข้ามาในชีวิตได้อยู่แล้ว                                              ศิศิรา...ย้อนกลับไปนึกถึงเหตุการณ์ครั้งที่เธอนั่งสัมภาษณ์งาน ซึ่งหลังจากที่คุณเทียมมีธุระสำคัญแทรกขึ้นมา จากนั้นคุณอรุณก็ได้สัมภาษณ์เธอเอง​                                                                                                             หลังจบการสัมภาษณ์ คุณอรุณยังกล่าวชมเธอในเรื่องการใช้ภาษาอังกฤษที่ดีกว่าอีกหลายคนที่มาสมัครในวันนั้น มันจึงทำให้เธอมีความหวังขึ้นมาอีกนิด แต่แล้วก็ไม่เป็นอย่างที่หวัง เธอคิดว่าทางรีสอร์ตอาจจะมีเหตุผลในการรับเลือกคนในตำแหน่งนี้ นอกจากการใช้ภาษาอังกฤษได้ดีมาก เพราะหลายคนที่สมัครก็จบจากสาขาด้านนี้โดยตรง ทำให้พวกเขามีประสบการณ์และโอกาสมากกว่าเธอที่จบเพียง ม.6 ก็เป็นไปได้             หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อเรียกความหวังและกำลังใจให้ตัวเองอีกครั้ง ว่าชีวิตก็ยังต้องก้าวต่อไปข้างหน้าเสมอ...อย่ามัวแต่มาผิดหวังกับเรื่องเพียงแค่นี้จะดีกว่า                                                                    ดังนั้น ...หลังจากจัดการมื้อเช้าและเตรียมยาให้กับผู้เป็นป้า หญิงสาวก็ออกจากห้องพัก เพื่อตระเวนหางานใหม่ตามรีสอร์ต โรงแรมที่อยู่บริเวณนี้ ขณะกลับ เธอบังเอิญเจอป้ายรับสมัครพนักงานขายที่ร้านขายของที่ระลึกชื่อดังของอำเภอ ศิศิราจึงสอบถามรายละเอียดพร้อมกับให้เบอร์โทร. ติดต่อทิ้งเอาไว้ จากนั้นก็กลับห้องพักทันที     "อ้าว! น้ำค้างมาพอดีเลย ทำไม่ไม่พกโทรศัพท์นะ"                         คำพูดแรกหลังจากที่หญิงสาวเปิดประตูห้องพัก ผู้เป็นป้านั่นเองที่นั่งรอเธออยู่โดยมีท่าทางกระวนกระวายอย่างเห็นได้ชัด                                "น้ำค้างไปถามเรื่องงานที่ร้านขายของที่ระลึกแค่นี้ เลยคิดว่าไม่พกจ้ะ ว่าแต่..."                                                                                        "เมื่อกี้คนที่รีสอร์ตอะไรนะ เขาโทร. มานี่ บอกว่าให้น้ำค้างโทร. กลับเขาด่วน"                                                                                              หญิงสาวทำหน้าฉงน เพราะคิดว่าเธอพลาดตำแหน่งงานที่ไปสมัครไว้เสียอีก ครั้นยื่นมือรับโทรศัพท์มือถือจากผู้เป็นป้าแล้วจึงโทร. กลับทันที           "ค่ะ"                                                                                                      "ค่ะ"                                                                                         "ค่ะ...ตกลงค่ะ..."                                                                       นางปราณีมองบทสนทนาของหลานสาวที่มีเพียงเท่านี้ ก่อนอีกฝ่ายจะหันมาสบตากับผู้เป็นป้าด้วยสีหน้าเรียบ ๆ "มีอะไรล่ะน้ำค้าง..."             "ทางรีสอร์ตที่น้ำค้างไปสมัครและสัมภาษณ์งาน  เมื่อหลายวัน ก่อนเขาโทร. กลับ ถามว่าอยากร่วมงานกับเขาไหม?"                                                "อ้าว ก็ดีสิ..."                                                                              "แต่ไม่ใช่ตำแหน่งที่น้ำค้างไปสมัครไว้นะจ๊ะป้า พอดีทางรีสอร์ต ขาดแม่บ้านห้องพักกะทันหัน เลยโทร. มาถามว่าหากสนใจให้น้ำค้างกลับไปคุยรายละเอียดภายในวันนี้"                                                                          "อ้าว แล้วน้ำค้างทำอย่างไร...อยากกลับไปทำงานกับเขาเหรอ"          "ก็ถ้าให้เลือก ...น้ำค้างเห็นเงินเดือนที่ทางนั้นเสนอให้ก็มากกว่าร้านขายของที่ระลึกใกล้ ๆ แถมสวัสดิการก็ดีกว่าด้วย"                 "แต่งานแม่บ้านมันหนักนะ" นางปราณีแสดงความเห็นอย่างสงสารหลานสาว      "น้ำค้างไม่เลือกงาน" ศิศิราพูดพลางส่ายหน้า "...หนักกว่านี้ก็เคยทำมาแล้วนี่ ถ้าทำแล้วได้เงินพอใช้สำหรับเราสองคน และเมื่อมันเหลือ... น้ำค้างจะเก็บเพื่อจะใช้เรียนต่อ"                                                                                    หญิงสาวคิดเช่นนี้ ผู้เป็นป้าเลยได้แต่อึ้ง ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง "ถ้าป้าไม่เป็นภาระเอ็ง..."                                                            "โธ่...ป้าณี คิดอะไรอย่างนั้นล่ะจ๊ะ  เอาเป็นว่าเดี๋ยวน้ำค้างไปคุยรายละเอียดงานแล้วจะรีบกลับนะ เพราะเขาให้เวลาภายในตอนบ่ายนี้เท่านั้น"                                                                                                         "ทำไมรีบอย่างนี้"                                                                         "ทางรีสอร์ตคงต้องการคนทำในตำแหน่งนี้โดยเร็วล่ะจ้ะ..."                        หญิงสาวเอ่ย... ก่อนจะเดินไปหยิบกระเป๋าถือจัดการกับสภาพตัวเอง ด้วยการเปลี่ยนชุดและแต่งหน้าอ่อน ๆ เพิ่มเสียหน่อย แล้วจึงเดินออกจากห้องพักไป ท่ามกลางสายตาของผู้เป็นป้าที่ทอดมองหลานสาวด้วยความรักและสงสารเป็นอย่างยิ่ง...            
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม