“ท่านคงโดดเดี่ยวและเหน็บหนาวมาเนิ่นนาน ท่านควรปล่อยวางอดีตที่ขมขื่นและมาเริ่มต้นใหม่อย่างเข้มข้นกับข้าเสีย” เจินเจินเอ่ยเรื่อยๆด้วยน้ำเสียงจริงจังดวงตาเป็นประกายมือไม้ซุกซน
หลี่เซียวเหยากล้ามเนื้อพลันกระตุกลำตัวชะงักเกร็งแข็งค้างกับประโยคคำว่า
อดีตขมขื่น โดดเดี่ยวและเหน็บหนาว
ใช่!
เขายังไม่เคยลืม
เขาไม่คิดจะลืม
อดีตที่ขมขื่นนั่น
เขาทั้งโดดเดี่ยวและเหน็บหนาวจนต้องเอาธรรมะเข้าช่วยเก็บข่ม มีเพียงธรรมะเท่านั้นที่ช่วยเยียวยาบาดแผลภายในใจของเขาได้
มิใช่สตรีเจ้ามารยาน่ารังเกียจ
เหล่าสตรีล้วนน่ารังเกียจ
โดยเฉพาะสตรีที่กำลังจะขืนใจเขาอยู่ขณะนี้
แล้วนี่!
นางจับเขากดนอนราบกับพื้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
บัดซบ!
“ท่าน!” เสียงเจินเจินดังอยู่เหนือร่างของหลี่เซียวเหยา
“ยังมีชีวิตอยู่ใช่หรือไม่ ใยถึงตัวแข็งเป็นรูปปั้นปานนี้”
“ปล่อย!” หลี่เซียวเหยาเอ่ยเสียงทุ้มต่ำ
เขาอยากจะระเบิดอารมณ์ของตัวเองเต็มที ความสุขุม ความนิ่งเฉย และกิริยาอันแสนจะสุขุมนุ่มลึกของเขากำลังจะหมดไปเพราะสตรีเจ้าเล่ห์นางนี้ที่กำลังขึ้นคร่อมเขาอยู่
“เจ้าอยากตาย ใช่หรือไม่” เขากัดฟันคำราม
“ท่านพูดได้” เจินเจินเริ่มตื่นเต้นกับการโต้ตอบของชายหนุ่มใต้ร่าง นางรีบเอ่ยต่อ “ข้ามิได้อยากตาย ข้าอยากช่วยท่าน”
“ข้าเป็นองค์ชาย เจ้ากำลังล่วงเกินองค์ชาย เจ้ามีโทษสมควรตาย ลุกออกไป”
“ท่านจะเป็นองค์ชายหรือไม่ใช่องค์ชายมิได้สำคัญ ขอเพียงท่านหลุดออกจากอดีตที่ท่านกำลังจมปลักอยู่ ให้ข้าช่วย”
"มันไม่ใช่เรื่องของเจ้า"
"ข้าอยากช่วยท่าน"
“ไม่จำเป็น ข้าไม่ต้องการ” เขาตอบตามสัตย์
“ท่านชอบช่วยตัวเองรึ” นางถามตามตรง
“.....”
“......”
และภายในห้องอันรโหฐานแห่งนี้ที่อดีตไม่เคยได้ปรากฎร่างของสตรีนางใดได้ย่างกรายเข้าไปมาก่อนเลย แต่บัดนี้กลับมีหญิงสาวนางหนึ่งผู้ซึ่งกำลังอยู่บนตัวขององค์ชายสี่หลี่เซียวเหยา ทั้งสองชายหญิงคู่นั้นกำลังคุยกันอย่างออกรสออกชาติในท่วงท่าหมิ่นเหม่ชวนวาบหวิว
และภาพนั้นกำลังปรากฎอยู่ในสายตาของสตรีอีกนางหนึ่ง
นางที่ซึ่งมักจะชอบแอบมององค์ชายสี่อยู่โดยตลอดในเวลาเนิ่นนานปีที่ผ่านมา
“นั่นเจ้ากำลังทำอะไร” เสียงบุรุษผู้หนึ่งเอ่ยขึ้นจากด้านหลังของสตรีที่แอบมองหลี่เซียวเหยากับเจินเจินอยู่ตรงประตูหน้าห้อง
“เจ้าคือ เซียงอวี๋” ชายผู้นั้นเอ่ยทักทายเมื่อเห็นและจำได้ว่านางเป็นใคร นางเป็นน้องสาวของอดีตชายาขององค์ชายสี่หลี่เซียวเหยาที่ตายไป นางคอยติดตามดูแลองค์ชายสี่มาตลอดเวลาหลายปีด้วยเหตุผลเพื่อชดเชยความผิดให้พี่สาวที่สร้างความอัปยศไว้ให้กับองค์ชายสี่พี่ชายของเขา
“เอ่อ! องค์ชายห้า” เซียงอวี๋เห็นบุรุษผู้มาใหม่จึงหันไปทำความเคารพอย่างตระหนกตกใจ “ถะ ถวายบังคมองค์ชายห้า เพคะ”
“เจ้ายังติดตามองค์ชายสี่อีกหรือ ติดตามมาถึงที่นี่เชียว” หลี่จื้อเฉิงหรือองค์ชายห้าพระอนุชาอีกคนของฮ่องเต้แห่งแคว้นต้าหลี่ขมวดคิ้วคมขึ้นพลางถามอย่างสงสัย
“เอ่อ! เพคะ องค์ชายห้า” เซียงอวี๋ก้มหน้าหลบสายตาก่อนตอบรับเสียงเบา นางเคยถูกห้ามไม่ให้ติดตามแต่นางฝืนจนได้มา
“เอาล่ะๆ ช่างเถอะ” หลี่จื้อเฉิงไม่อยากต่อความจึงทำท่าเดินเข้าห้องตรงหน้า
“เสด็จพี่ของข้าอยู่หรือไม่ อ่ะ!” ชายหนุ่มถึงกับหยุดชะงักกับภาพตรงหน้าที่อยู่ภายในห้องแห่งนี้
เขาจึงเข้าใจได้ในทันที ว่าทำไมเซียงอวี๋จึงต้องยืนเกาะประตูแน่นเยี่ยงนั้น
และภาพนั้น
ภาพนั้น...
หลี่จื้อเฉิงตาโตตกใจ พลันหันหลังกลับไปแล้วออกวิ่งอย่างเร็ว เปลี่ยนเป้าหมายไปอีกตำหนักหนึ่งทันที ซึ่งแต่เดิมนั้น หลี่จื้อเฉิงต้องการมาชวนหลี่เซียวเหยาเล่นหมากล้อม แต่ภาพที่เขาได้ประสพพบเจอทำให้เขาไม่อยากเล่นหมากล้อมอีกต่อไป
เพราะภาพนั้น
เรื่องนั้น
ต้องขยาย....
ณ ห้องทรงอักษรของฮ่องเต้หลี่ซื่อหมินของแคว้นต้าหลี่
“ทูลฮ่องเต้ องค์ชายห้าหลี่จื้อเฉิงขอเข้าเฝ้าพะย่ะค่ะ” สิ้นเสียงขันทีหน้าประตูห้องเสียงหนึ่งพลันดังตามมาพร้อมร่างสูงสง่าของบุรุษที่ชื่อหลี่จื้อเฉิงพุ่งพรวดเข้ามา “เสด็จพี่...”
องค์ชายห้าหลี่จื้อเฉิงเป็นพระอนุชาอีกคนหนึ่งของฮ่องเต้หลี่ซื่อหมิน
ทั้งองค์ชายสี่หลี่เซียวเหยาและองค์ชายห้าหลี่จื้อเฉิงเป็นพระอนุชาที่ฮ่องเต้หลี่ซื่อหมินทรงสนิทสนมทั้งยังไว้วางใจให้มาช่วยงานที่แคว้นต้าหลี่ซึ่งได้แยกขยายอาณาเขตออกจากแคว้นหลี่ดั้งเดิม
และเหตุที่พวกเขาค่อนข้างสนิทสนมกันจึงไม่คำนึงถึงพิธีรีตองอะไรมากนักในเขตส่วนบุคคลแห่งนี้
“เสด็จพี่ ข้ามีเรื่องของพี่สี่มากราบทูล” หลี่จื้อเฉิงเริ่มต้นบทความที่ต้องการขยายจากภาพที่เห็นภายในตำหนักของหลี่เซียวเหยาทันทีโดยไม่สนใจสิ่งอื่นใด ด้วยใจยังคงติดภาพของหลี่เซียวเหยาอยู่
เขายังคงกล่าวขึ้นอย่างต่อเนื่อง “ข้าต้องการให้เสด็จพี่จัดงานอภิเษกสมรสให้พี่สี่โดยเร็ว พี่สี่จะได้ตื่นจากฝันร้ายที่พยายามกลบเอาไว้ด้วยธรรมะเสียที”
ประโยคนี้ของหลี่จื้อเฉิงทำเอาฮ่องเต้หลี่ซื่อหมินเจ้าของห้องต้องมองอย่างฉงน
“มีเรื่องอันใดหรือ น้องพี่” หลี่ซื่อหมินลุกขึ้นเดินมาที่พระอนุชาของตนพร้อมเอ่ยถามอย่างใคร่รู้
“เฮ้อ! เสด็จพี่ไม่ทรงทราบหรอกว่ากระหม่อมเห็นอะไรมา ภาพนั้นมันทำให้กระหม่อมน้ำตาแทบไหล ในที่สุดพี่สี่ก็ได้หลุดพ้นจากความอัปยศอดสูในอดีตเสียที” หลี่จื้อเฉิงกล่าวขึ้นพร้อมกับทำท่าปาดน้ำตาที่ไม่มีสักหยด พลางเอ่ยต่อเนื่อง
“เพราะข้าเป็นหนุ่มเจ้าสำราญ ข้าจึงเข้าใจอารมณ์บุรุษเพศเป็นอย่างดี พี่สี่ของข้าคงเก็บกดมานานปี พระองค์ต้องช่วยพี่สี่ของข้านะ”
หลี่จื้อเฉิงยังคงย้ำด้วยสีหน้าจริงจัง “พระองค์ต้องทรงช่วยจัดงานอภิเษกสมรสให้องค์ชายสี่นะ พะย่ะค่ะ”
และเมื่อข่าวการขอพระราชทานสมรสแพร่ออกไป…
“ข้าไม่รู้เรื่องนะ” เจินเจินสาวงามที่สุดในปฐพีกำลังวิ่งหนีการไล่ล่าฆ่าฟันจากหลี่เซียวเหยาอย่างต่อเนื่อง “ท่านช่วยฟังข้าก่อนได้หรือไม่”
หลี่เซียวเหยายังคงก้าวย่างอย่างสุขุมงามสง่าด้วยท่วงท่าเย็นชาแฝงความอำมหิตแผ่กลิ่นอายสังหารมาทางเจินเจินโดยไม่คิดจะสนใจคำแก้ตัวใดๆ
“ข้าแค่อยากช่วยท่าน มิได้คาดหวังถึงขั้นแต่งงานเลยจริงๆนะ” เจินเจินยังคงอธิบายพลางกระโดดตัวลอยหลบคมดาบที่อยู่ในมือของหลี่เซียวเหยา
ในขณะที่หลี่เซียวเหยากำลังถือดาบคมกริบแวววาวไล่บี้ตามติดร่างงามของเจินเจิน
“เจ้ามันนางจิ้งจอกร้อยเล่ห์มารยา” หลี่เซียวเหยาเอ่ยเสียงทุ้มต่ำทรงอำนาจ ดวงตาคมปลาบดำดิ่งไร้ก้นบึ้งลึกล้ำของเขาที่เดิมทีไม่เคยได้ปรากฎเงาของใครในดวงตานั้นมาก่อน
บัดนี้ ได้ปรากฎเงาของสตรีนางหนึ่ง
ผู้ซึ่งทำให้เขา ตบะแตก! เกินควบคุมอารมณ์ใดๆอยู่ในขณะนี้
“ข้าเป็นนางจิ้งจอกจริง แต่ข้าบริสุทธิ์ใจนะ” เจินเจินเอ่ยด้วยน้ำเสียงโอดครวญ
“ข้าจะขวักใจของเจ้าออกมาดู ว่าบริสุทธิ์จริงหรือไม่” หลี่เซียวเหยาเอ่ยด้วยน้ำเสียงดุดันพลางชี้ดาบหมายคาดโทษไปทางเจินเจิน
“ไม่ดีหรอกนะ ฮือ...”
และการไล่ล่าก็ยังคงดำเนิ