เจินเจิน&หลี่เซียวเหยา
ท่ามกลางสวนสวยที่แสนจะร่มรื่นรอบล้อมด้วยมวลพฤกษานานาพรรณภายในอุทยานของตำหนักหนึ่งแห่งแคว้นต้าหลี่ มีสตรีนางหนึ่งกำลังเดินไปหมุนตัวไปด้วยท่วงท่ารื่นเริงล้อเล่นอยู่กับหมู่ภมรอย่างอารมณ์ดี ด้วยภายในใจของนางกำลังคิดว่าตนเองนั้นสวยสดงดงามที่สุดในปฐพี
นางมีนามว่า เจินเจิน
“โอย...เหนื่อย! นั่งพักก่อนดีกว่า” เจินเจินบ่นออกมาเพียงนิดก่อนเคลื่อนกายเข้าไปนั่งยังศาลากลางสวนสวยที่อยู่ไม่ไกล
หญิงสาวเดินเล่นทั้งวันแบบคนไม่มีอะไรจะทำแบบนี้มาหลายวันแล้วตั้งแต่ตัดสินใจเดินทางออกจากฝ่ายอิทธิพลมืดเพื่อติดตามหงเหม่ยหลงผู้ที่เป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวของท่านประมุขผู้ยิ่งใหญ่ของฝ่ายอิทธิพลมืด
เจินเจินนั้นเป็นสมาชิกระดับสูงของสำนักหมื่นโลกันต์ซึ่งเป็นกลุ่มอิทธิพลมืดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและเป็นอันดับหนึ่งของยุทธภพ
นางติดตามคณะของฮ่องเต้แคว้นต้าหลี่นามว่าหลี่ซื่อหมินและฮองเฮานามว่าหงเหม่ยหลงซึ่งเป็นเจ้านายสายตรงมาจากพรรคฝ่ายมาร ซึ่งเป็นฝ่ายของกลุ่มอิทธิพลมืดที่คอยหนุนหลังให้แคว้นต้าหลี่อยู่อย่างลับๆ
นางได้มาอาศัยอยู่ในแคว้นต้าหลี่ด้วยคิดว่าอยากจะหาบุรุษไว้อิงแอบแนบกาย แบบเป็นจริงเป็นจัง เป็นเรื่องเป็นราวสักคน
ตัวของเจินเจินนั้นเป็นสตรีที่เติบโตและอาศัยอยู่ในสำนักหมื่นโลกันต์ตั้งแต่อายุแปดขวบปี
นางได้รับการฝึกฝนวิชาการต่อสู้แขนงต่างๆมาเป็นอย่างดีจนมีฝีมือเก่งกาจไม่แพ้ใคร
และตัวของนางมีลูกน้องในอาณัติอยู่ไม่น้อย ลูกน้องของนางแต่ละคนล้วนแล้วแต่เป็นบุรุษ
แม้นางจะมีบุรุษที่เลี้ยงเอาไว้ที่สำนักหมื่นโลกันต์หลายคน แต่นั่นก็เป็นแค่การกระทำเพื่อเสริมสร้างบารมีของตนเพียงเท่านั้น
นางไม่นิยมมีลูกน้องเป็นสตรี
สำหรับนางต้องเป็นบุรุษเท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์เป็นลูกน้องของนางได้
และที่สำคัญ!
นางยังไม่มีคู่ครอง...
นางจึงเดินทางจากพรรคฝ่ายมารมายังเมืองหลวงด้วยความคิดที่ว่าบุรุษของเมืองหลวงน่าสนใจมากกว่าบุรุษของพรรคฝ่ายมาร
นางเป็นสาวงามเชียวนะ จะน้อยหน้าได้อย่างไร
แต่....
เอ....
แถวนี้ไม่มีบุรุษให้นางเกี้ยวเลย ไปไหนกันหมด
บุรุษจ๋า....
คิดได้ดังนั้นนางจึงดีดตัวออกจากศาลากลางสวนเพื่อเดินไปตามทางเชื่อมต่อระหว่างสวนสวยของอุทยานพลางเมียงมองหาบุรุษที่นางพึงใจ
หญิงสาวเดินมาตามทางเรื่อยๆ
จากตำหนักภายในวังหลังจนผ่านกำแพงของเขตวังหลัง
จนออกมาถึงอาณาเขตของตำหนักด้านหน้าภายในอาณาเขตของวังหลวง
ก่อนจะเดินตัวลอยออกมายังอาณาเขตเชื่อมต่อระหว่างพระราชวังกับตำหนักแห่งหนึ่งที่แยกตัวออกมาจากวังหลวงอีกหนึ่งชั้นแต่ยังคงตั้งอยู่ในตำแหน่งที่ใกล้เคียงกันเพียงมีกำแพงวังขวางกั้น
หญิงสาวยังคงทอดสายตาสอดส่ายเมียงมองไปถ้วนทั่วบริเวณเพื่อหาบุรุษที่นางพึงใจ
และนางก็ได้เจอ...
บุรุษผู้หนึ่งยืนตระหง่านด้วยท่วงท่าน่าเกรงขามวางมาดน่ายำเกรง แผ่กลิ่นอายสูงศักดิ์เหนือผู้ใด
เขายืนอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่ภายในอาณาบริเวณกว้างขวางล้อมรอบไปด้วยหมู่แมกไม้นานาพรรณ
บุรุษผู้นั้นรูปร่างสง่างามหน้าตาหล่อเหลาคมคายสะอาดสะอ้านชวนมอง แต่งกายด้วยอาภรณ์เนื้อดีบ่งบอกฐานะและฐานันดรชัดเจน
เขาผู้นั้นกำลังเดินเป็นวงกลมคล้ายกับการเดินจงกลมอยู่ตรงกลางสวนภายใต้ร่มไม้ท่ามกลางสายลมร่มรื่น
เจินเจินถึงกับหยุดยืนเพื่อมองภาพนั้นอย่างสนใจก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นตื่นตะลึง
โอว... น่ากิน
เอ้ย! น่าทำความรู้จัก
คิดได้ดังนั้น เจินเจินจึงรีบกระโดดม้วนตัวเข้าไปอย่างสวยงามตามแบบฉบับสาวพรรคมารก่อนจะหยุดนิ่งตรงหน้าบุรุษหนุ่มผู้นี้พร้อมเอ่ยเสียงอ่อนหวานนัยน์ตาหยาดเยิ้มทอประกาย
“ถวายบังคมเพคะ องค์ชาย” ดูจากการแต่งกายของเขาแล้ว เขาเป็นองค์ชายอย่างแน่นอน เจินเจินคิด มั่นใจตนเองยิ่งนักว่าทักทายไม่ผิด
เงียบ...
“...”
ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ
หืม?
เจินเจินที่ก้มหน้าทำความเคารพอย่างอ่อนช้อยถึงกับฉงนกับความเงียบที่ผิดปกติเกินไป จึงเงยหน้าขึ้นมองบุรุษตรงหน้า เห็นเขาเพียงก้มหน้ามองมาทางนางนิ่งๆ
นิ่งมาก
นิ่งเกินไป
นิ่งเสียจน
อะแฮ่ม! นี่คนหรือรูปปั้นกันล่ะนี่ เจินเจินกระแอมพลางคิดในใจขณะพิศมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างพินิจพิจารณา
ใบหน้าแม้รูปงามแต่บูดบึ้งนิ่งขึงคล้ายนักบวชที่สละแล้วซึ่งกิเลส
บุคลิกลักษณะท่าทางช่างดูสงบนิ่งน่านับถือแฝงความน่ายำเกรงคล้ายมีเกราะกำบังบางอย่างแบบแน่นหนามิให้ผู้ใดอื่นได้เข้าใกล้
ดวงตาคล้ายสีนิลทอแสงสีดำสนิทดิ่งลึกไร้แววทอประกายใดๆ
อืม...
บุรุษทั่วไปเมื่อได้เจอนาง มักจะมองนางอย่างไม่วางตา เนื่องจากว่านางนั้นมีรูปร่างหน้าตาที่สวยสดงดงามทั้งยังมีรูปร่างที่อวบอิ่มเย้ายวนเป็นที่สุด
แต่...
หรือนางจะคิดไปเอง
เจินเจินคิดอย่างหลงตัวเองอยู่อย่างนั้นขณะเหม่อมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างสงสัยใคร่รู้
เขาช่างเป็นบุรุษเพศที่น่าค้นหา เขาน่าสนใจและดึงดูดนางเป็นอย่างยิ่ง
ทั้งท่วงท่า ทั้งดวงหน้า ทั้งดวงตา และมาดนิ่งขรึมขึงขังคล้ายเทพเซียนจำแลง
น่าสนใจจริงๆ...
ทั้งสองยืนจ้องหน้ากันพักใหญ่
โดยฝ่ายชายยังคงไว้ซึ่งท่าทางสงบนิ่งเรียบเฉยจ้องมองฝ่ายหญิงอย่างเย็นชา ไร้อารมณ์ ไร้ความรู้สึก
ส่วนฝ่ายหญิงนั้นกำลังเหม่อมองด้วยสายตาระยิบระยับแสดงออกถึงความเสน่หาอย่างเปิดเผย
ซักพักหญิงสาวจึงกระแอมเรียกสติตนเองอีกครั้งก่อนเอ่ยเสียงหวาน
“ถวายบังคมเพคะ องค์ชาย” หญิงสาวทำความเคารพด้วยท่วงท่ายั่วยวนสุดชีวิต แต่...
เหมือนจะไม่ได้ผล
บุรุษตรงหน้าของนางนั้น
ยังคงนิ่งงัน
นิ่งมาก
นิ่งเกินไป
นิ่งเสียจน
ฮึ่ม!
จับกินเสียเลยเป็นไร
เมื่อคิดได้ดังนั้นจึงพุ่งตัวเข้าประชิดร่างสูงโปร่งงามสง่าของบุรุษตรงหน้าอย่างไม่คิดจะห้ามใจ
หญิงสาวคิดเอาไว้แล้วเชียวว่าจะทำตัวให้ดูดีเสมือนดังเป็นสตรีทั่วไปของเมืองหลวง เนื่องจากที่นี่ย่อมแตกต่างจากสำนักหมื่นโลกันต์ของพรรคฝ่ายมาร ที่นั่นนางจะแสดงอิทธิฤทธิ์อย่างไรก็ได้ แต่ที่นี่มันต่างกัน
สตรีของที่นี่แตกต่างจากนางโดยสิ้นเชิง พวกนางล้วนแล้วแต่ทำตัวสูงส่งงามสง่า หน้าเชิดคอตั้งตลอดเวลา
เจินเจินจึงพยายามทำตัวให้กลมกลืน
นางพยายามแล้วนะ
แต่บุรุษตรงหน้านางขณะนี้ กำลัง...
ทำนาง...
ตบะแตก!
กฎระเบียบใดๆของเมืองหลวง นางไม่เคยสนใจ
ล่วงเกินองค์ชายรึ ใครกลัวกัน!
อา...
กลิ่นกายช่างหอมหวล
แผงอกช่างบึกบึน
เจินเจินลูบคลำบุรุษตรงหน้าอย่างเพลิดเพลินโดยไม่ได้สังเกตเห็นสีหน้าดำคล้ำมืดครึ้มของบุรุษที่นางกำลังลวนลามแต่อย่างใด
เขาเป็นองค์ชายสี่ นามว่า หลี่เซียวเหยา เป็นพระอนุชาต่างมารดาของฮ่องเต้หลี่ซื่อหมินของแคว้นต้าหลี่แห่งนี้
หลี่เซียวเหยากับฮ่องเต้หลี่ซื่อหมินเป็นพี่น้องร่วมบิดา โดยบิดาของทั้งคู่เป็นองค์ฮ่องเต้แคว้นหลี่
ซึ่งต่อมาหลี่ซื่อหมินได้แยกตัวออกมาสร้างอาณาจักรเป็นของตนเองและสถาปนาอาณาจักรแห่งนี้ว่าแคว้นต้าหลี่
เดิมทีนั้นฮ่องเต้หลี่ซื่อหมินทรงต้องการแต่งตั้งให้หลี่เซียวเหยาเป็นชินอ๋องประจำแคว้นต้าหลี่แห่งนี้ แต่หลี่เซียวเหยายังคงปฏิเสธอยู่ เนื่องจากว่าหลี่เซียวเหยานั้นแค่เพียงต้องการมาช่วยงานราชกิจมิได้ต้องการอำนาจอันใดมากไปกว่านั้น
เขาเป็นองค์ชายที่ชอบฝักใฝ่ในเรื่องของธรรมะธัมโม
เขาไม่ชอบยุ่งเกี่ยวกับสตรีเพศ
ตั้งแต่ชายาของเขาแอบคบชู้สู่ชายจนเขาจับได้และทำการสังหารนางกับชายชู้ด้วยมือของเขาเอง เขาก็หันหน้าเข้าหาพระพุทธพระธรรมโดยไม่คิดจะแต่งงานใหม่
แม้ว่าจะมีสตรีมากหน้าหลายตามาเสนอตัวแก่เขา แต่เขาก็หาได้สนใจไม่
เขารังเกียจเหลือเกินกับกลิ่นอายของอิสตรี
พวกนางช่างน่ารังเกียจ
น่ารังเกียจยิ่ง!
ยัง...
ยังไม่หยุด
ยังจะลูบๆคลำๆ
ยังจะล้วงเข้ามา
บัดซบ!
เจินเจินถึงกับชะงักกึก เมื่อรู้สึกได้ถึงมือหนาของบุรุษคนนี้ที่จับข้อมือของนางแล้วบีบก่อนจะบิดอย่างแรงคล้ายบันดาลโทสะ
อาการนั้นทำหญิงสาวถึงกับหัวเราะคิก
เขาตอบสนองแล้ว...
“ถ้าไม่อยากตาย จงถอยออกไป” หลี่เซียวเหยาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกได้ว่า เขาจะทำอย่างนั้นจริงๆ
แต่...
เจินเจินหาได้เกรงกลัวไม่!
ต้องอย่างนี้สิ
ใช่เลย...
นางชอบ....