ในขณะเดียวกัน
ณ.ดินแดนปีศาจ
ภายในเทือกเขาลึกซึ่งเป็นอาณาเขตของวังปีศาจ อันเป็นสถานที่ประทับของราชาปีศาจกำลังเข้าญาณตบะบำเพ็ญเพียรอยู่ในขณะนั้นเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บจากการทำสงครามรวมเผ่าพันธุ์ปีศาจทั้ง 12 เผ่าที่กระจัดกระจายอยู่ในเขตแดนปีศาจได้ถูกรวมเป็นเผ่าเดียวกัน
ด้วยญาณตบะอันแรงกล้าในระดับขั้นที่แปดของราชามารเฟิงหยาง จึงทำให้ดินแดนปีศาจซึ่งแก่งแย่งชิงอำนาจระหว่าง 12 เผ่ามานานนับแสนปีกลับสู่ความสงบสุขอีกครั้ง
พร้อมกันนี้ได้ทำการยกราชามารเฟิงหยาง ที่ขึ้นชื่อได้ว่าเป็นจอมมารแข็งกร้าว ขี้โมโห ชอบโวยวาย ปากจัดจ้านยามปะทะคารมกับผู้ใด จนขึ้นชื่อลือชาไปทั่วทั้งแดนสวรรค์ แต่ถึงแม้จะมีนิสัยเช่นนั้นกลับมีจิตใจเที่ยงธรรมและมั่นคงอย่างยิ่งยวด อีกทั้งสำเร็จตบะขั้นที่แปดเพียงหนึ่งเดียวในดินแดนปีศาจ
นับเป็นเทพเซียนองค์ที่ห้าที่สำเร็จญาณตบะขั้นสูงเป็นรองเพียงแค่จักรพรรดิสวรรค์และเทพบรรพกาลที่หลงเหลืออยู่อีกสามพระองค์ ด้วยเหตุนี้ชีวิตนับหลายแสนในเผ่าปีศาจที่สามารถมาหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกันได้ พร้อมใจให้จอมมารเฟิงหยางขึ้นเป็นราชาปีศาจปกครองดินแดนปีศาจสืบต่อไปซึ่งเผ่าสวรรค์และเหล่าเทพสวรรค์ล้วนยินดีอย่างยิ่งยวด
เมื่อจอมมารเฟิงหยางได้ขึ้นปกครองดินแดนของเทพเซียนฝ่ายมารเป็นราชาปีศาจองค์ปัจจุบันหลังจากที่เผ่าสวรรค์และเผ่าปีศาจต้องขัดแย้งกันอย่างรุนแรงเมื่อหลายแสนปีก่อน ทำให้ดินแดนปีศาจกลับคืนสู่ความสงบและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับชาวสวรรค์ได้อีกครั้ง
ทว่าถึงกระนั้นจอมมารเฟิงหยางสูญเสียพลังบำเพ็ญไปถึงแปดส่วน ภายหลังจากสังหารหมู่ราชามารทั้ง 11 เผ่า ตลอดจนถึงรัชทายาทที่จะต้องขึ้นปกครองแทน ล้วนสังเวยดวงจิตให้พระองค์จนหมดสิ้น เป็นเหตุให้ราชาปีศาจเฟิงหยางต้องเข้าญาณตบะนับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา จวบจนกาลเวลาหมุนเวียนเปลี่ยนไปนานนับหนึ่งแสนปี จากคืนวันอันสงบสุขพลันวุ่นวายเพียงชั่วพริบตา
แก่นกลางเทือกเขาปีศาจในเวลานี้มีแต่ความเงียบงัน มีเพียงไอทิพย์แผ่ไปทั่วบริเวณตลอดเทือกเขาสูง มีเพียงแสงดาวจากท้องฟ้าเบื้องบนจากสวรรค์แผ่ลงมาปกคลุมบริเวณเทือกเขาปีศาจ ราวกับว่ากำลังปกป้องและคอยดูแลราชาปีศาจของเหล่าหมู่มารทั้งปวงให้ดำรงอยู่อย่างปลอดภัยตลอดระยะเวลาหนึ่งแสนปีที่ผ่านมา
ครั้นมองลอดผ่านปล่องถ้ำลงไป เบื้องล่างปรากฏร่างใหญ่ของราชาปีศาจเข้าญาณตบะมานานกว่าหนึ่งแสนปี เปลือกตาปิดสนิทมานานนับหลายสหัสวรรษมิมีทีท่าว่าจะเปิดผนึกออกมาแม้แต่น้อย หากแต่เบื้องหน้าในยามนี้
ร่างปริศนาปรากฏกายขึ้นตรงเบื้องหน้าจอมมารอย่างชนิดที่ว่าไม่น่าเป็นไปได้ว่าจะมีผู้ใดสามารถเล็ดรอดเข้ามาในสถานอันเป็นที่กักตนของราชาปีศาจองค์ปัจจุบัน
ภายในมือกระชับมีดศิลาสวรรค์ ซึ่งเป็นศาสตราวุธเพียงหนึ่งเดียวที่สามารถทำอันตรายชีวิตของเผ่าสวรรค์และเผ่าปีศาจจนดวงจิตแตกสลายลงไปโดยพลัน
ด้วยเพราะถูกหลอมจากเลือดของราชามารทั้ง 12 เผ่าและร่ายเวทย์จากญาณตบะแรงกล้าของราชามารทั้งหมดลงไว้ในหินศิลาสวรรค์จนกลายมาเป็นมีดเล่มดังกล่าว จุดประสงค์มีไว้เพื่อใช้เป็นอาวุธสังหารราชามารทั้ง 12 เผ่านั้นเองหากแม้นหนึ่งในราชามารเหล่านั้นได้ทำผิดกฎสวรรค์และละเมิดข้อตกลงของแดนปีศาจ
ทว่าหลังจากจอมมารเฟิงหยางรวมเผ่าปีศาจเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้ มีดศิลาสวรรค์ถูกจอมมารนำไปเก็บซ่อนเร้นไว้เป็นอย่างดีหามีผู้ใดล่วงรู้สถานที่ซุกซ่อนแต่อย่างใด ตลอดระยะเวลาหนึ่งแสนปีที่ผ่านมาศาสตราวุธนี้เลือนหายไปจากความทรงจำของเผ่าปีศาจอย่างสิ้นเชิง
หากแต่ในเวลานี้ร่างปริศนาที่เร้นกายจนสามารถเล็ดรอดมาปรากฏอยู่ตรงหน้าจอมมารหนุ่มที่กำลังหลับใหลมานานกว่าหนึ่งแสนปีอยู่ถึงภายในแก่นกลางของเทือกเขาปีศาจได้อย่างไรกันเล่า หากแม้นไม่ใช่เทพสวรรค์ก็จะต้องเป็นคนในเผ่าปีศาจ
ฉึก! มีดศิลาสวรรค์เสียบเข้าตรงบริเวณหน้าอกด้านซ้ายของราชาปีศาจ ที่กำลังบำเพ็ญตบะอยู่ในขณะนั้นเพื่อสะกดไม่ให้ติดตามหัวใจของพระองค์ซึ่งถอดออกมาเก็บไว้ในหินสามภพในขณะที่ทรงเข้าญาณตบะมานานนับแสนปี ทั่วพระวรกายเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นหินศิลาไปชั่วพริบตา ทันทีที่ปลายมีดอันแหลมคมดังกล่าวเสียบเข้าบริเวณตำแหน่งของหัวใจจอมมาร
โดยหารู้ไม่ว่าหัวใจของราชาปีศาจถูกถอดออกจากกายนำมาซ่อนเร้นไว้ในหินสามภพ ซึ่งเก็บไว้อยู่ในเทือกเขาปีศาจมานานนับแสนปีนับตั้งแต่จอมมารเฟิงหยางกักตนเข้าญาณตบะ
ครืนนนน!!!! ทั่วทั้งดินแดนปีศาจสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไปทั่วบริเวณบ่งบอกว่ามีเรื่องร้ายบังเกิดขึ้น เผ่าปีศาจต่างพากันตื่นตระหนกกันอย่างถ้วนหน้า แรงสั่นสะเทือนดังกล่าวไปถึงวังปีศาจเลยทีเดียว
ในขณะเดียวกันภายในวังปีศาจเหวินกวาง สหายสนิทของจอมมารเฟิงหยางทำหน้าที่คอยดูแลความสงบเรียบร้อยภายในดินแดนปีศาจแทนสหายรักมานานกว่าหนึ่งแสนปี กำลังนั่งแก้กลหมากล้อมอย่างคร่ำเคร่งแรงสั่นสะเทือนลุกลามเข้าสู่วังปีศาจจนทั่วบริเวณดั่งถูกคนจับโยกคลอน
ครืนนนนน!!!! ร่างสูงโปร่งสั่นไหวไปมาจนเอนเอียง กระดานหมากล้อมตรงหน้าสั่นไหวอย่างแรงจนกระจัดกระจายร่วงหล่นลงสู่พื้นเต็มไปหมด
“เหวออออ! เกิดอะไรขึ้น!”เหวินกวางกล่าวพร้อมรีบยันกายของตนลุกขึ้นจากตั่งที่นั่งอย่างรวดเร็ว
“ต้องมีเหตุร้ายเกิดขึ้นแน่ๆ หรือว่า...”กล่าวเพียงเท่านั้น ดวงตาหรี่เล็กเบิกกว้างขึ้นมาโดยพลันร่างเลือนหายไปทันที
พรึบ!!!! ร่างสูงของเทพปีศาจเหวินกวางปรากฏกายขึ้นภายในแก่นกลางเทือกเขาปีศาจอันเป็นที่เก็บของสำคัญอีกหนึ่งชิ้นของดินแดนแห่งนี้ ตาข่ายสวรรค์ซึ่งเกิดขึ้นจากการร่ายเวทย์ของราชาปีศาจถูกทำลายลงอย่างไม่มีชิ้นดีพร้อมบางสิ่งบางอย่างได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย
“แย่แล้ว! หินสามภพหายไป!”เทพปีศาจกล่าวอย่างตื่นตระหนก พร้อมร่างเลือนหายลับไปทันที
ในขณะที่แรงสั่นสะเทือนยังคงสั่นไหวไม่หยุดทั่วทั้งดินแดนปีศาจเกิดความอลหม่านและความวุ่นวายกันอย่างถ้วนหน้า เสียงเอ็ดอึงดังกึกก้องไปทั่ว
พรึบ!!! เปลือกตาที่ปิดผนึกมานานนับหนึ่งแสนปี เปิดขึ้นมาทันใดดวงเนตรสีเลือดลุกโชนขึ้นมาโดยพลันพร้อมพระวรกายที่กลายเป็นหินศิลาไปเมื่อครู่ที่ผ่านมา เริ่มมลายหายไปอย่างช้าๆ จนกลับคืนเป็นปกติดั่งเดิม พระพักตร์งดงามของราชาปีศาจค่อยๆ ก้มลงทอดพระเนตรมีดศิลาสวรรค์ที่เสียบจนมิดด้ามบริเวณตำแหน่งหัวใจของพระองค์
กรอดดดด!!!! พระทนต์ขบเข้าหากันจนแน่นครั้นทรงล่วงรู้ว่าหนึ่งในราชามารของ 11 เผ่ายังมีชีวิตหลงเหลืออยู่
พรึบ! เบื้องหน้าเหวินกวางปรากฏกายทันใด
“เฟิงหยาง!”เสียงตะโกนก้องด้วยความตื่นตระหนกยิ่งนักของเหวินกวางดังขึ้นมาทันที ครั้นเห็นพระวรกายของจอมมารถูกมีดศิลาสวรรค์เสียบจนมิดด้าม
หากแต่ยังไม่ทันจะกล่าวสิ่งใด พระหัตถ์ใหญ่ยกขึ้นเป็นสัญญาณห้ามขึ้นมาทันที
“อย่าเข้ามาใกล้ข้า!! จงถอยออกไปให้ห่างหนึ่งร้อยจั้งหาไม่แล้วจะถูกพลังของมีดศิลากระทบถูกร่างของเจ้าจะทำให้ร่างแหลกสลายไปชั่วพริบตา!!!”จอมมารขี้โมโหรับสั่งเตือน
“ตะ...แต่ว่า...ท่านถูกมีดศิลาตรึงร่างเอาไว้เช่นนี้จะไม่เป็นอะไรอย่างนั้นเหรอ”เหวินกวางถามกลับไปด้วยความเป็นห่วง
“ข้าไม่เป็นอะไร...ผู้ที่ลงมือกระทำเช่นนี้ไม่ล่วงรู้ว่าบัดนี้ข้าสำเร็จตบะขั้นที่เก้าแล้ว จึงทำให้มีดศิลาสวรรค์ไม่สามารถทำให้ร่างแหลกสลายได้ ทำได้แต่เพียงตรึงร่างของข้าเอาไว้ได้ชั่วระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น”
เหวินกวางถึงกับยิ้มกว้างด้วยความโล่งอกครั้นได้ยินเช่นนั้น
“ถ้าเช่นนั้นท่านก็จะต้องล่วงรู้แล้วนะสิว่าหินสามภพ ตอนนี้ถูกหัวขโมยผู้นั้นนำออกไปจากเทือกเขาปีศาจแล้วจะทำอย่างไรต่อไปกันดี”เหวินกวางถามกลับไปด้วยความกังวล
พระเนตรสีเลือดลุกโชนขึ้นมาอย่างน่าสะพรึงกลัวเป็นยิ่งนักครั้นทรงได้ยินเช่นนั้น
“ราชามารทั้ง 11 เผ่าถูกข้าทำลายดวงจิตจนสูญสลายไปหมดสิ้นแล้ว รัชทายาทของแต่ละเผ่าก็ถูกทำลายด้วยแล้วเช่นกัน แต่เหตุใดจึงยังมีผู้รอดชีวิตหลงเหลืออยู่อีก จะต้องมีรัชทายาทของราชามารหนึ่งใน 11 เผ่ารอดชีวิตจากเหตุการณ์ในครั้งนั้นอย่างแน่นอน หาไม่แล้วมีหรือจะล่วงรู้วิธีจัดการกับข้าเช่นนี้ได้ มีเพียงเหล่าราชามารด้วยกันเท่านั้นที่จะล่วงรู้ และนอกเหนือจากราชามารก็คือรัชทายาทผู้สืบทอด”รับสั่งสุรเสียงคำรามลั่น
ทันทีที่เหวินกวางได้ยินเช่นนั้น ภาพแห่งความทรงจำในการทำสงครามรวม 12 เผ่าเมื่อหนึ่งแสนปีก่อน เหล่าราชามารรวมไปถึงรัชทายาททั้ง 11 เผ่าถูกจอมมารเฟิงหยางทำลายดวงจิตให้สูญสลายไปจนหมดมิมีเหลือ ไม่ว่าจะขบคิดเช่นไรเป็นไปไม่ได้แม้แต่น้อยว่าจะยังมีรัชทายาทของราชามารเหล่านั้นหลงเหลืออยู่
“เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอนที่จะมีราชามารและรัชทายาทรอดชีวิตในครั้งนั้น ทั้งหมดถูกท่านทำลายดวงจิตจนสูญสลายไปหมดสิ้นแล้ว ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะมีรัชทายาทหลงเหลืออยู่..ไม่มีทางอย่างแน่นอน”เหวินกวางเอ่ยอย่างมั่นใจ
“แต่มันเป็นไปแล้วเหวินกวาง! บิดาถูกรัชทายาทของเหล่าราชามารหนี่งในนั้นใช้มีดศิลาแทงหัวใจ!”จอมมารรับสั่งโวยวาย
อารมณ์ขุ่นเคืองเริ่มปะทุขึ้นโดยพลันทันทีที่มีรับสั่งแทนตนเช่นนั้นออกมา จนเป็นที่ล่วงรู้ว่าหากจอมมารมีถ้อยรับสั่งลักษณะเช่นนี้พระองค์กำลังกริ้วนั่นเอง เป็นเหตุให้อีกฝ่ายต้องเงียบปากสนิท
“มีดศิลาเล่มนี้ถูกหลอมจากเลือดของราชามารทั้ง 12 เผ่า มีเพียงราชามารและรัชทายาทที่มีเลือดในกายจึงจะสามารถเปิดผนึกมีดศิลาเล่มนี้ได้ อีกเพียงจิบชาหนึ่งถ้วยบิดาก็จะปลดผนึกออกมา จงถอยออกไปให้ห่างร้อยจั้ง!!! มีดศิลาจึงจะไม่ส่งผลกระทบต่อเจ้าแต่อย่างใด รีบถอยออกไป!!!”รับสั่งเตือนพร้อมปิดพระเนตรลงทันที
เหวินกวางรีบถอยออกไปจากบริเวณที่จอมมารหนุ่มประทับนั่งบำเพ็ญ ก่อนจะมาหยุดยืนอยู่บริเวณปากทางเข้าถ้ำของเทือกเขาปีศาจตามที่พระสหายกล่าวเตือนอย่างรวดเร็ว พลางชะเง้อคอมองเพื่อเฝ้าสังเกตการณ์ด้วยความเป็นห่วง