แคว้นไท่หยวน
นครไท่เยวี๋ยน
แคว้นไท่หยวนตั้งอยู่บริเวณปากแม่น้ำแยงซี ทางตะวันออกของแค้วนฉู่ มีเมืองหลวงแห่งแรกชื่อ เหมยหลี่ หรือเมืองอู๋ซีในปัจจุบันและภายหลังย้ายไปที่เมืองกูซู ซึ่งในปัจจุบันคือบริเวณเมืองใหม่ซูโจวและเมืองไท่เยวี๋ยน ซึ่งก็คือบริเวณเมืองเก่าซูโจวในยุคปัจจุบัน
แคว้นไท่หยวนและแคว้นเยว่มีความเชี่ยวชาญด้านการโลหะ โดยเฉพาะการผลิตดาบเป็นอย่างดี โดยมีเครื่องหมายกากบาท หรือ เครื่องหมายรูปทรงเรขาคณิต ฝังทองหรือเงินเป็นสัญลักษณ์
โดยดาบที่ผลิตในแค้วนไท่หยวนและแคว้นเย่วมักใช้โลหะเป็นดีบุกหรือทองแดงซึ่งต่างจากดาบที่ผลิตโดยรัฐอื่น ๆ จึงมีการส่งดาบจากรัฐอู๋เพื่อเป็นของกำนันแก่รัฐอื่นทางเหนืออยู่เสมอ เช่น แคว้นฉี แคว้นไช่ ตัวอย่างเช่น หัวหอกของอู๋อ๋องฟูไชและดาบยาวของอู๋อ๋องเหอหลู อดีตกษัตริย์เจ้าผู้ครองแคว้นในช่วง 514 –496 ปี ก่อนคริสตศักราช
เจ้าผู้ครองแคว้นไท่หยวนปกครองสืบทอดต่อๆ กันมาอย่างยาวนาน จวบจนกระทั่งในสมัยเจ้าผู้ครองแคว้นไท่หยวนพระนามว่าชงซ่าน ทรงมีปัญหาในการสืบสายพระโลหิต
ด้วยพระสนมมากมายจนไปถึงฮองเฮาเคียงข้างพระวรกาย ไร้สิ้นวี่แววการตั้งพระครรภ์แต่อย่างใด พระองค์ไม่มีพระราชโอรสหรือพระราชธิดาแม้แต่เพียงพระองค์เดียว จวบจนกระทั่งเมื่อทรงครองแคว้นผ่านไปเป็นระยะเวลากว่า 15 ปี ฮองเฮาซือฉีก็ได้ตั้งทรงพระครรภ์สมดั่งพระทัยในขณะที่พระนางมีพระชนมายุ 33 ชันษา และอ๋องชงซ่านมีพระชนมายุเข้าสู่ปีที่ 40
ทั่วท้องฟ้าสีครามภายใต้นภากว้างไกลสุดเหนือแผ่นดินมังกร ปรากฏแสงสว่างเรืองรองดุจดั่งดาวตกร่วงหล่นทะยานจากแผ่นฟ้าเบื้องบนลงสู่ใต้ล่างอันเป็นดินแดนของมนุษย์ แสงสว่างคล้ายดาวตกพุ่งทะยานลงไปอย่างรวดเร็วอันเป็นสถานที่ตั้งของแคว้นไท่หยวน บริเวณพระราชวัง ก่อนจะเจาะทะลุหายลับลงไปในตำหนักใหญ่อันเป็นสถานที่กำลังจะมีพระประสูติกาลของรัชทายาทเพียงหนึ่งเดียวของแคว้นไท่หยวนอยู่ในขณะนี้
ภายในพระราชวังหลวงซางเป่ยในเวลานี้ เต็มไปด้วยความวุ่นวายกันอย่างถ้วนหน้าเมื่อ ฮองเฮาซือฉีมีพระประสูติกาล บรรดาหมอหลวงต่างพากันเดินเข้าออกห้องเตรียมประสูติกันอย่างอลหม่าน
ในขณะที่อ๋องชงซ่านเสด็จออกจากพระตำหนักเฝ้ารอคอยการประสูติในครั้งนี้ของพระโอรสมาโดยตลอด จนพระองค์ลุกนั่งไม่ติดตั่งที่ประทับแต่อย่างใด เมื่อพระองค์ได้ยินเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดของฮองเฮาดังออกมาเป็นระยะๆ
“ทำไมถึงได้นานขนาดนี้ ฮองเฮาเจ็บท้องนานข้ามวันข้ามคืนยังไม่มีทีท่าว่าพระโอรสของข้าจะออกมาเลยอย่างนั้นหรอกเหรอ”พระสุรเสียงมีรับสั่งเต็มไปด้วยความกังวลพระทัยอย่างยิ่งยวด
“ฝ่าบาทสงบพระทัยเถิดพ่ะย่ะค่ะ ฮองเฮาทรงตั้งพระครรภ์เป็นครั้งแรก การมีพระประสูติกาลย่อมต้องใช้เวลายาวนานมากกว่าปกติ อีกทั้งบรรดาหมอหลวงล้วนแล้วแต่มีฝีมือฉกาจมากด้วยประสบการณ์อยู่ภายในห้องกันอย่างถ้วนหน้า ฮองเฮาและพระโอรสจะต้องปลอดภัยอย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”
เสียงของเสนาบดีฝ่ายซ้ายฟู่ซื่อ ผู้ได้ขึ้นชื่อว่าจงรักภักดีต่อแคว้นมาตั้งแต่อดีตเจ้าผู้ครองแคว้นพระองค์ก่อนกราบทูลให้คลายความวิตกกังวล
ทันใดนั้นเอง
อุแว้! อุแว้! อุแว้! เสียงทารกแรกเกิดแผดเสียงดังก้องอยู่ภายในห้องดังกล่าวขึ้นมาทันที
ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลของทุกคนที่รอฟังข่าวอยู่หน้าห้องเต็มไปด้วยรอยแย้มเยือนกันถ้วนหน้า ครั้นได้ยินเสียงร้องของทารกน้อยแผดเสียงดังก้องเอ็ดอึงไปทั่วบริเวณ
“ลูกข้าถือกำเนิดแล้ว! ลูกข้าเกิดแล้ว”สุรเสียงเต็มไปด้วยความยินดีเป็นยิ่งนัก
แต่แล้วอ๋องชงซ่านกลับต้องแปลกพระทัย ครั้นภายในห้องพระประสูติกาลกลับไร้สิ้นผู้ใดย่างกายออกมาแจ้งข่าวให้พระองค์ทรงทราบข่าวการประสูติแต่อย่างใด
“ทำไมจึงเงียบงันเช่นนี้...หรือว่า”สิ้นสุรเสียงรับสั่ง
พระวรกายสูงรีบเสด็จตรงไปที่ห้องมีพระประสูติกาลอย่างไม่รอช้า ท่ามกลางเสียงทัดทานของเสนาบดีฟูซื่อร้องเรียกอยู่ทางด้านหลัง ห้ามไม่ให้พระองค์เสด็จเข้าไป
“ฝ่าบาทอย่าเพิ่งเสด็จเข้าไปพ่ะย่ะค่ะ! ฝ่าบาท!”กล่าวพร้อมรีบเดินไปอย่างเร่งรีบ ก่อนจะรีบเดินไปดักหน้าขวางประตู
“ข้าจะเข้าไป!เหตุใดจึงมาทัดทานข้าเอาไว้เช่นนี้!”เจ้าผู้ครองแคว้นรับสั่งถามอย่างแปลกพระทัยระคนสงสัย
“กระหม่อมก็แค่อยากให้พระองค์ทรงรั้งอยู่ชั่วขณะเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ ฮองเฮาเพิ่งจะมีประสูติกาลภายในห้องคงจะยังไม่เรียบร้อย ทรงรีบร้อนเข้าไปอาจจะยังไม่เข้าที่เข้าทางนะพ่ะย่ะค่ะ”เสนาบดีใหญ่กราบทูลเฉไฉไปทางอื่นๆ
หากแต่มีหรือที่อ๋องชงซ่านจะไม่ผิดสังเกตครั้นทรงได้ยินเช่นนั้น ก่อนจะทอดพระเนตรไปทั่วบริเวณพร้อมเสียงบางอย่างปรากฏขึ้นอยู่ภายในห้องมีพระประสูติกาลดังแว่วออกมา ด้วยทรงยืนอยู่ใกล้ประตูเข้าออกนั่นเอง
ตุบ!ตุบ!ตุบ! เสียงคล้ายของหนักกระแทกลงบนพื้นห้องดังกล่าวติดต่อกันได้ยินอย่างชัดเจน
“ไม่ได้การแล้ว! มีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นภายในห้อง ออกไปอย่ามาขวางข้า!!!”รับสั่งพร้อมใช้พระหัตถ์ผลักร่างสันทัดของเสนาบดีใหญ่ที่กำลังยืนขวางหน้าประตูอยู่ในขณะนั้นออกไปให้พ้นทางเดินทันที จนขุนนางผู้ซื่อสัตย์เซถลาไปโดยพลัน
อ๋องชงซ่านรีบรุดเสด็จเข้าไปภายในห้องมีพระประสูติกาลอย่างไม่รอช้า และพลันต้องหยุดยืนนิ่งเมื่อได้ทอดพระเนตรร่างของนางกำนัลคนสนิทตลอดจนบรรดาหมอหลวง นอนตายเกลื่อน
ภายในห้องพระประสูติกาลหามีผู้ใดรอดชีวิตแม้แต่เพียงผู้เดียว ในขณะที่ฮองเฮาคนงามของพระองค์ยืนถือดาบยาวคมกริบซึ่งเต็มไปด้วยคราบเลือดแดงฉานเต็มไปหมด ใบหน้างามขาวซีดด้วยเพิ่งผ่านการมีพระประสูติกาลมาได้เพียงไม่ถึงครึ่งก้านธูป
“ซะ..ซือซือ...นะ...นี่มันเกิดอะไรขึ้น...หะ...เหตุ...เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้”รับสั่งถามอย่างตื่นตระหนก พร้อมสายพระเนตรเหลือบไปพบร่างของทารกน้อยแรกเกิดกำลังนอนหลับพริ้มอยู่ในพระภูษา
ครั้นทอดพระเนตรพระโอรสถูกห่อด้วยพระภูษาเช่นนั้น พระองค์เงยพระพักตร์ขึ้นมาทันทีพร้อมเสียงสุรเสียงตะโกนก้องดังขึ้นมาโดยพลัน
“ทะ....”รับสั่งได้เพียงเท่านั้น
อุบ!!! พระหัตถ์เรียวสวยของฮองเฮาซือฉีรีบปิดพระโอษฐ์ของพระองค์เอาไว้
“ไม่ต้องรับสั่งผู้ใดเข้ามาหรอกเพคะฝ่าบาท เป็นฝีมือของหม่อมฉันเองเหล่าหมอหลวงและนางกำนัลทั้งหมดสังเวยชีวิตภายใต้คมดาบเล่มนี้ทั้งสิ้น”ฮองเฮาซือฉีสารภาพกับพระสวามีไปตามความเป็นจริง
พระเนตรเบิกกว้างด้วยความตกพระทัยครั้นทรงได้ยินเช่นนั้น
แกร๊ง!!!! ดาบยาวพลันร่วงหล่นจากพระหัตถ์พร้อมมือเรียวสวยค่อยๆ ลดลงและร่างงามทรุดฮวบลงกับฟูกพระบรรทมทันใด
“ซือซือ!!”รับสั่งพร้อมรีบถลาเข้าไปรับร่างงามที่อ่อนระโหยโรยแรงอย่างเห็นได้ชัด
“นี่เจ้ามีวิชายุทธ์ถึงขนาดใช้ดาบสังหารผู้คนตั้งแต่เมื่อใดกัน บรรดาหมอหลวงและเหล่านางกำนัลสิบกว่าชีวิตเหตุใดเจ้าจึงต้องปลิดชีพให้ดับสิ้นลงเช่นนี้หรือว่าผู้คนเหล่านี้รวมตัวสังหารเจ้าและโอรสอย่างนั้นเหรอ”รับสั่งถามกลับไป
พระพักตร์ของฮองเฮาส่ายไปมาติดต่อกันเป็นการปฏิเสธ
“มีแต่ผู้ถวายความจงรักภักดีต่อหม่อมฉันและฝ่าบาททั้งสิ้นเพคะ แต่ถึงอย่างไรก็ไม่อาจปล่อยให้มีชีวิตอยู่ต่อไปได้เพราะต่างล่วงรู้และอยู่ในเหตุการณ์วันนี้ทั้งสิ้น ลูกของเราเป็นพระราชธิดาหาใช่พระโอรสเพคะ”รับสั่งของฮองเฮาทำให้อ๋องชงซ่านถึงกับประทับนิ่งงันไปทันทีครั้นทรงได้ยินเช่นนั้น
“มะ...หมายความว่าโอรสที่ข้าเฝ้ารอคอยมาโดยตลอดกลับกลายเป็นพระราชธิดาอย่างนั้นหรอกเหรอ”รับสั่งถามสุรเสียงเบาแทบจะไม่ได้ยิน ในขณะที่อีกฝ่ายพยักหน้าขึ้นลงเป็นการยอมรับพร้อมเสียงของเสนาบดีฟูซื่อเอ่ยแทรกขึ้น
“กระหม่อมเป็นผู้ต้นคิดเรื่องนี้เองทั้งหมดพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท ไม่ได้เกี่ยวกับฮองเฮาแต่อย่างใด สาเหตุที่ต้องทำเช่นนี้ลงไปก็เพื่อให้ราชบัลลังก์ของพระองค์มีรัชทายาทสืบต่อไปเบื้องหน้า หาไม่แล้วบัลลังก์ของฝ่าบาทรวมไปถึงแคว้นไท่หยวนทั้งหมดจะต้องถูกสกุลหลิวเข้าครอบครองเป็นแน่แท้ จิ้งตี้ฮ่องเต้จากราชวงศ์ฮั่นจะต้องส่งสายสกุลหลิวเข้ามาปกครองไท่หยวนทั้งหมด ฝ่าบาทจะทรงยินยอมอย่างนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ”เสนาบดีผู้ภักดีกราบทูลถามกลับไป
และนั่นทำให้อ๋องชงซ่านทรงหันกลับไปทอดพระเนตรฮองเฮาของพระองค์และเสนาบดีผู้ใกล้ชิดที่สุดสลับไปมาอยู่ชั่วขณะ พร้อมทอดพระเนตรร่างอันไร้วิญญาณของนางกำนัลและหมอหลวงนับสิบกว่าชีวิต นอนตายเกลื่อนกระจัดกระจายอยู่ตามพื้นห้อง
“นี่เจ้าสองคนพี่น้องกำลังจะบอกให้ข้าแต่งตั้งพระราชธิดาตัวน้อยๆ ที่เพิ่งเกิดมาไม่ถึงครึ่งก้านธูปให้รั้งตำแหน่งรัชทายาทของไท่หยวนอย่างนั้นนะเหรอ! ดูท่าพวกเจ้าจะประเมินฮั่นจิ้งตี้ต่ำไปเสียแล้วกระมัง ถึงอย่างไรเสียก็ยังไม่อาจรั้งราชบัลลังก์นี้เอาไว้ได้แต่อย่างใด ราชนิกูลสกุลหลิวจะต้องถูกส่งมาปกครองแคว้นไท่หยวนของข้าอยู่เช่นเดิม”รับสั่งพลางส่ายพระพักตร์ไปมาติดต่อกัน
“เหตุใดฝ่าบาทจะต้องประกาศออกไปด้วยเล่า ว่าหม่อมฉันมีพระประสูติกาลเป็นพระราชธิดาในเมื่อความศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่รับสั่งของพระองค์ หากแม้นทรงประกาศว่าพระราชธิดาก็คือพระโอรสก็ทรงทำได้ไม่ใช่หรือเพคะ”ฮองเฮาซือฉีรับสั่งสวนกลับไป
และนั่นทำให้อ๋องชงซ่านหันกลับไปจ้องพระพักตร์ฮองเฮาของพระองค์เขม็งครั้นทรงได้ยินเช่นนั้น หากแต่เพียงครู่รอยแย้มโอษฐ์พลันคลี่ออกกว้างอย่างพึงพอพระทัย
“ในที่สุดเจ้าและฟูซื่อก็ยังสามารถหาทางออกของเรื่องนี้ให้แก่ราชบัลลังก์ของข้าจนได้ ลำบากเจ้าแล้วซือซือ”รับสั่งพร้อมเอื้อมพระหัตถ์ประคองดวงหน้างามคู่ทุกข์คู่ยากของพระองค์ ในขณะที่อีกฝ่ายเริ่มมีหยาดน้ำตาคลอเบ้า
ทารกตัวน้อยถูกห่อด้วยพระภูษาสีแดงค่อยๆ ถูกยกขึ้นจากฟูกพระบรรทมอย่างทะนุถนอม จุมพิตจากแม่ด้วยความรักอันยิ่งใหญ่ประทับลงบนกลางหน้าผากน้อย ก่อนจะถูกส่งต่อไปยังอ้อมแขนของพระบิดาที่กำลังนั่งทอดพระเนตรด้วยความปลามปลื้มพระทัยกับสายพระโลหิตเพียงหนึ่งเดียวของพระองค์แม้ว่าจะเป็นเพียงพระราชธิดาก็ตาม
“ฝ่าบาททรงตั้งชื่อให้ลูกของเราเถิดเพคะ เพราะจะต้องออกประกาศให้พสกนิกรล่วงรู้กันทั่วแคว้นแล้ว”ฮองเฮาซือฉีรับสั่งพร้อมยื่นพระราชธิดาตัวน้อยให้แก่พระสวามี
ท่อนพระกรใหญ่อ้าออกกว้างพร้อมรีบรับพระธิดาตัวน้อยเอาไว้ในอ้อมกอด พระพักตร์เต็มไปด้วยรอยแย้มเยือน
“นี่คือราชธิดาตัวน้อยที่ข้าเฝ้ารอคอยมาโดยตลอด ดูสิช่างน่าเอ็นดูเสียจริงๆ แม้ว่าจะเกิดมาเป็นสตรีแต่พ่อรักเจ้ามิคลาดคราแม้แต่น้อย แต่การที่จะเลี้ยงเจ้าให้เป็นบุรุษภายในพระราชวังหลวงแห่งนี้โดยที่ไม่มีผู้ใดสงสัยดูท่าคงจะยากยิ่งนักที่จะปิดบังความลับนี้เอาไว้ได้”รับสั่งพลางครุ่นคิดไปในคราวเดียวกัน
“เรื่องนั้นฝ่าบาทไม่ต้องทรงกังวลพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมได้จัดเตรียมพร้อมเอาไว้ล่วงหน้าทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ทันทีที่ฮองเฮาทรงมีพระประสูติกาลพระราชธิดากระหม่อมก็ลงมือทันใด”ฟูซื่อเอ่ยกราบทูลให้เจ้าผู้ครองแคว้นทรงคลายกังวล
และนั่นทำให้อ๋องชงซ่านหันกลับไปทอดพระเนตรเสนาบดีใหญ่และฮองเฮาซือฉีพร้อมมีรับสั่ง
“แสดงว่าเจ้าสองคนพี่น้องตระเตรียมแผนการเอาไว้ล่วงหน้าแต่ไม่ยอมบอกแก่ข้าให้ล่วงรู้ นี่ใจคอพวกเจ้าคิดว่าจะปิดข้าได้นานสักเพียงใดกันเชียว ความลับย่อมไม่มีภายใต้หล้านี้สักวันย่อมเปิดเผยหลงลืมไปแล้วอย่างนั้นเหรอ และนี่ดูเอาเถิดข้าครองคู่อยู่กินกับเจ้ามานานถึงเพียงนี้ ไม่เคยระแคะระคายแต่อย่างใดว่าฮองเฮาข้างกายข้านี้มีวรยุทธ์”รับสั่งตัดพ้อต่อว่าออกไปทันใด
“เรื่องนี้หากจะกล่าวหรือเล่าให้ฝ่าบาทฟังตอนนี้ค่อนข้างจะยาวเพคะ วรยุทธ์ของหม่อมฉันไม่ได้เก่งกาจเหนือผู้ใดในใต้หล้านี้ แต่ก็สามารถช่วยเหลือตัวเองในยามคับขันไม่ต้องถูกฆ่าดั่งใบไม้ร่วงหล่นง่ายๆ หรอกเพคะฝ่าบาท”
อ๋องชงซ่านพยักพระพักตร์ขึ้นลงพลางใช้นิ้วพระหัตถ์ยกขึ้นลูบไล้แก้มน้อยๆ สีชมพูสายพระโลหิตแท้ๆ ของพระองค์ไปมาเบาๆ ด้วยความรักต่อพระราชธิดาน้อยอย่างยิ่งยวด
“ต่อไปนี้เจ้าคือเฟยเฟยของพ่อและแม่ เฉลิมพระนามลงในราชวงศ์แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรัชทายาทของไท่หยวน มีพระนามว่าอู๋ฮ่าวเทียน ต่อหน้าพ่อและแม่ของเจ้าคืออู๋อี้เฟยราชธิดาของพ่อ หากแต่ภายภาคหน้านับจากนี้ไป เจ้าคืออู๋ฮ่าวเทียนรัชทายาทและคือเจ้าผู้ครองแคว้นไท่หยวนองค์ต่อไป ราชวงศ์อู๋ของข้าจะยังสามารถยืนหยัดและดำรงอยู่ได้ อย่าหวังว่าสกุลหลิวจากต้าฮั่นจะได้ครอบครอง!!!!”อ๋องไท่หยวนรับสั่งสรุเสียงกร้าวอย่างหมายมั่นพระทัย
อนาคตเบื้องหน้าต่อไปหามีผู้ใดล่วงรู้ได้ รัชทายาทซึ่งเป็นสตรีเพียงหนึ่งเดียวของแคว้นไท่หยวน ต้องถูกเลี้ยงและเติบโตดั่งเช่นชายชาติบุรุษเพื่อก้าวขึ้นรับตำแหน่งเจ้าผู้ครองแคว้นองค์ต่อไป
บันทึกราชวงศ์จารึกลงในประวัติพระนามอู๋ฮ่าวเทียนจะต้องประสบชะตากรรมเช่นไรต่อไป ในเมื่อลิขิตสวรรค์ไม่ได้กำหนดให้นางต้องเป็นเจ้าผู้ครองแคว้นไท่หยวนไปตลอดกาล แต่นางกลับถูกกำหนดให้เป็นเจ้าของหัวใจบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ ที่แม้แต่องค์จักรพรรดิของต้าฮั่นก็ไม่อาจทัดเทียม