คุณหนูเยี่ยนเข้าใจถูกต้องแล้ว

1423 คำ
“คุณหนูเยี่ยน เจ้าเข้าใจถูกต้องแล้ว” มู่เลี่ยงหรงดูเหมือนขุนเขาตระหง่านขึ้นมาทันที รัศมีสูงศักดิ์ยิ่งเจิดจ้าจนหญิงสาวหายใจแทบไม่ออก ท่านอ๋องสังเกตอากัปกิริยาของหญิงสาวอยู่ครู่หนึ่ง บัดนี้ใบหน้านางซีดลงกว่าเดิม น้ำตาไหลอาบแก้มสีชมพู นางสะอื้นฮักอยู่เงียบ ๆ ราวกับกำลังยอมรับชะตากรรม แต่เขาไม่อยากให้ว่าที่หวางเฟยของตนเองเป็นลมล้มพับไปเสียก่อน ‘ข้าคงแกล้งนางหนักเกินไปเสียแล้ว’ “คุณหนูเยี่ยนลุกขึ้นเถิด ข้าจะละเว้นบุตรสาวท่านไคกั๋วกงสักครั้ง แต่จะคาดโทษเอาไว้ก่อน อย่าลืมว่าเจ้าต้องตอบแทนความเมตตาของข้าด้วย” น่าสนุก ท่านอ๋องหนุ่มปั้นหน้าเคร่งขรึมเก็บซ่อนอาการยินดี “ขอบพระทัยท่านอ๋องเพคะ” นางค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนอย่างแช่มช้า โดยมีสาวใช้ช่วยประคองไม่ให้ล้ม ‘ฉินอ๋องท่านเองก็หวั่นไหวเป็นเช่นกันสินะ’ เยี่ยนเยว่ฉีคิดในใจ พร้อมส่งสายตาหวานซึ้งให้ผู้ที่นางติดค้าง “เอาล่ะ ไปได้แล้ว เจ้าต้องไปเตรียมตัวทำการแสดงต่อหน้าพระพักตร์ไม่ใช่หรือไร หน้าตาเช่นนี้คงดูไม่งามเท่าใดนัก” แม้จะพูดเช่นนั้นแต่ภายในในใจคิดสวนทาง ยิ่งผ่านการร้องไห้ ริมฝีปากอวบอิ่มสั่นระริกของนางยิ่งดูน่าครอบครอง แต่เขายังไม่รีบร้อน เพราะถึงอย่างไรนางก็ต้องแต่งเข้าจวนฉินอ๋องอยู่ดี ‘ความจริงเจ้างดงามมากต่างหาก ข้าอยากจะกอดปลอบประโลมเจ้าเสียเหลือเกิน’ “ขอบพระทัยท่านอ๋อง ข้าน้อยขอทูลลา” สองนายบ่าวกล่าวอำลาพร้อมเพรียง แล้วรีบประคองกันเดินจากไปในทันที มู่เลี่ยงหรงมองตามแผ่นหลังเล็ก ๆ ไม่วางตา นางดูบอบบางเหมือนคุณหนูผู้อ่อนแอ กิริยามารยาทงามชดช้อย เห็นเช่นนี้แล้วเขาค่อยรู้สึกเต็มใจที่ต้องยกตำแหน่งหวางเฟยให้บุตรสาวท่านแม่ทัพใหญ่ขึ้นมาเล็กน้อย ครั้นคนงามจากไปไกลแล้ว มู่เลี่ยงหรงพบขลุ่ยหยกสลักงดงามเลาหนึ่งตกอยู่ตรงที่นางนั่งคุกเข่าเมื่อครู่ เขาก้มลงเก็บขึ้นมาแล้วพิจารณาขลุ่ยเลานี้อย่างละเอียด พบว่าเป็นขลุ่ยหยกสลักที่สร้างอย่างประณีตงดงาม หยกสีเขียวน้ำงามเรียบลื่นเปล่งประกาย เขาจึงไม่ได้ที่จะลองเป่าดูสักครั้ง แต่ปรากฏว่าไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมาเลย ท่านอ๋องหนุ่มจึงลงความเห็นว่าผู้ที่สร้างขลุ่ยเลานี้น่าจะไม่ใช่ช่างฝีมือธรรมดาเสียแล้ว “แปลกจริง ทำไมไม่มีเสียง ซิ่นเฉิงเจ้ารู้จักขลุ่ยแบบนี้หรือไม่” มู่เลี่ยงหรงเอ่ยถาม ทันใดนั้นองครักษ์ในชุดสีเทาที่เร้นกายอยู่ก็ปรากฏตัวขึ้น “เรียนท่านอ๋อง นี่ต้องเป็นขลุ่ยหยกพลิ้วพราย หนึ่งในงานสร้างของปรมาจารย์ไป่หลงจิวไม่ผิดแน่” “หากเป็นของปรมาจารย์ขลุ่ยโลกันต์ ย่อมต้องเป่าแบบธรรมดาไม่ได้สินะ” “ท่านอ๋องทรงปรีชา ผู้น้อยพอจะทราบมาว่าต้องใช้กำลังภายในควบคู่ไปด้วยพ่ะย่ะค่ะ” มู่เลี่ยงหรงลองทำตามคำแนะนำของซิ่นเฉิงปรากฏว่ามีเสียงออกมาจริง ๆ แต่ไม่ไพเราะเอาเสียเลย หากจะเป่าให้ได้ดีคงต้องเรียนรู้เคล็ดลับและฝึกฝนอย่างตั้งใจเป็นเวลานานพอดู “เจ้ารู้ได้ยังไงว่านี่คือขลุ่ยหยกพลิ้วพราย แล้วทำไมมันถึงมาอยู่กับคุณหนูตระกูลเยี่ยนได้ หากขลุ่ยนี้ต้องใช้กำลังภายในเป่า เราเกรงว่ามันจะเป็นอาวุธ” “เรียนท่านอ๋อง เรื่องคุณหนูเยี่ยนเป็นศิษย์ของไป๋หลงจิวไม่ใช่ความลับแต่อย่างใด ขลุ่ยเลานี้เขาทำขึ้นให้นางโดยเฉพาะ และกระหม่อมไม่เคยได้ยินว่าบุตรสาวท่านแม่ทัพใหญ่ใช้วิชาขลุ่ยโลกันต์ได้” “ไม่เคยได้ยินก็ใช่ว่าจะใช้ไม่ได้ เจ้าประมาทเกินไปแล้ว” “กระหม่อมตรวจสอบความปลอดภัยภายในงาน โดยมิได้ละเลยแม้แต่น้อย การแสดงนี้ถูกแจ้งไว้อย่างเปิดเผย ตอนอยู่เมืองหานจีคุณหนูเยี่ยนก็แสดงเพลงขลุ่ยพลิ้วพรายแล้วหลายครั้ง อีกทั้งนางเรียนแค่วิชาดนตรีไม่ได้เรียนวิชาขลุ่ยโลกันต์ ถึงต้องใช้กำลังภายในแต่ก็เพียงเล็กน้อยเพื่อความไพเราะกังวาน” “ซิ่นเฉิง นางอาจจะรอเวลาที่เหมาะสมเช่นวันนี้อยู่ก็ได้ หากเกิดอะไรขึ้นเจ้ารับผิดชอบไหวหรือ” “กระหม่อมมั่นใจว่าตรวจสอบละเอียดแล้ว ที่สำคัญวิชาขลุ่ยโลกันต์ต้องใช้ขลุ่ยโลกันต์บรรเลงเท่านั้น ในเมื่ออาวุธร้ายแรงได้ถูกผนึกไปแล้ว ไป่หลงจิ่วก็รับสอนเพียงวิชาดนตรีธรรมดามานานหลายปี ทางราชสำนักเองก็จับตาดูเขาไม่ห่าง” “เจ้าแน่ใจรึ แต่เราคงจะนิ่งเฉยอยู่ไม่ได้” ชายหนุ่มไม่อยากประมาท หากเกิดเรื่องร้ายในงานเลี้ยงคงไม่ดีแน่ “เจ้าไปยกพิณหวนคำนึงมาให้เราเดี๋ยวนี้” “พ่ะย่ะค่ะ” ซิ่นเฉิงทะยานหายไปทันที มู่เลี่ยงหรงตั้งใจแล้วว่าจะต้องตรวจสอบเยี่ยนเยว่ฉีอีกครั้ง ถึงในใจจะรู้สึกหวั่นไหวต่อนางบ้างแล้ว แต่สำหรับเขาความปลอดภัยของฮ่องเต้คือสิ่งที่ต้องคำนึงถึงเป็นอันดับแรก ท่านอ๋องหนุ่มจ้องขลุ่ยหยกสีเขียวในมือพลางครุ่นคิด คุณหนูเยี่ยนคงเริ่มตามหาของสิ่งนี้แล้ว เขาจึงเหน็บขลุ่ยไว้ข้างเอวภายใต้เสื้อคลุมแล้วตรงกลับเข้าไปในงานเลี้ยงทันที บุรุษผู้สูงศักดิ์เดินไปคิดแผนการไป ก่อนอื่นจะต้องหาทางคืนขลุ่ยหยกให้นางเสียก่อน อาจจะต้องใช้อุบายเพื่อเข้าใกล้สตรีผู้นั้น เพื่อตรวจสอบวรยุทธ์ และท้ายที่สุดเขาจะต้องแทรกแซงการแสดงของนางเสีย เมื่ออยู่ใกล้กันยามบรรเลงเพลง หากเกิดเหตุร้ายเขาย่อมแก้ไขสถานการณ์ได้ทันท่วงที ข่าวลือที่ว่าเยี่ยนหยางเจวี๋ยจะถวายตัวบุตรสาวให้ฮ่องเต้คงมีมูลอยู่บ้าง ดีที่พระเชษฐาคิดจะส่งนางเข้าจวนฉินอ๋องแทน เมื่อคิดถึงตรงนี้ในอกข้างซ้ายกลับรู้สึกแปลก ๆ ‘วันนี้ข้าเป็นอะไรไปนะ’ ตั้งแต่เกิดมามู่เลี่ยงหรงไม่เคยรู้สึกสนใจสตรีใดเป็นพิเศษ ไม่เคยหัวใจเต้นโครมครามถึงเพียงนี้ นี่เพิ่งได้พบนางเพียงครู่เดียวกลับรู้สึกอยากใกล้ชิดสนิทเสน่หา แต่แล้วก็ต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ เหตุใดเมื่อเขาพบหญิงสาวที่พอจะทำให้หัวใจหวั่นไหวได้บ้าง นางก็ดันมาเป็นศิษย์ของปรมาจารย์ขลุ่ยโลกันต์แห่งยุทธภพเสียอย่างนั้น ตอนนี้แม่ทัพใหญ่รักษานครคุมกำลังหนึ่งแสนรอบเมืองหลวง บุตรชายทั้งสองก็มีฝีมือไม่ธรรมดา หากเยี่ยนหยางเจวี๋ยผูกสัมพันธ์กับพวกกังฉินเห็นทีบัลลังก์คงสั่นสะเทือน เช่นนี้เองสินะพระเชษฐาจึงต้องส่งถางซือเซินมาหาเขา ด้วยตำแหน่งไคกั๋วกง เยี่ยนหยางเจวี๋ยย่อมไม่ยินดีให้บุตรสาวเป็นเพียงพระสนม หรือพระชายารองของผู้ใด ดังนั้นตำแหน่งฉินหวางเฟยจึงเหมาะสมที่สุด เมื่อกระจ่างแจ้งในพระประสงค์ของฮ่องเต้แล้ว มู่เลี่ยงหรงจึงคิดกลับไปบอกแผนการให้แก่อัครเสนาบดีจอมเจ้ากี้เจ้าการ คิดแล้วให้รู้สึกหงุดหงิด พระเชษฐากับสหายของเขาทำไมต้องทำให้เรื่องยุ่งยาก เพียงเอ่ยปากบอกมาตามตรงแต่แรกก็สิ้นเรื่อง หรือบางทีอาจเป็นเพราะคำขอของตนเองกระมัง ‘เสด็จพี่ ข้าอยากยกตำแหน่งพระชายาเอกให้สตรีที่รักชอบ’ คิดมาถึงตรงนี้ มู่เลี่ยงหรงก็ไม่ค่อยแน่ใจแล้วว่า การตัดสินใจยอมรับเรื่องการแต่งงานกับเยี่ยนเยว่ฉี เขาทำไปเพื่อความมั่นคงของราชบัลลังก์ หรือเป็นเพราะต้องการครอบครองโฉมงามกันแน่ ยามนี้เรื่องเดียวที่ท่านอ๋องหนุ่มเป็นกังวล หากเยี่ยนเยว่ฉีเป็นผู้สืบทอดวิชาต้องห้าม เขาก็จำเป็นต้องกำจัดนางอย่างช่วยไม่ได้ หวังเพียงว่าไป่หลงจิวจะรักษาข้อตกลงกับราชสำนัก ไม่ได้ถ่ายทอดเคล็ดวิชาให้บุตรีท่านแม่ทัพใหญ่ ‘สตรีนางนี้ช่างสร้างความยุ่งยากเสียจริง ถ้าข้าพบว่าเจ้าสามารถใช้เพลงขลุ่ยโลกันต์ได้ล่ะก็ ข้าฉินอ๋องจะบั่นศีรษะของเจ้าด้วยตัวเอง แต่หากว่าเจ้าเป็นผู้บริสุทธิ์ เยี่ยนเยว่ฉีเอ๋ย...เจ้าก็จะกลายเป็นหวางเฟยของข้าตลอดไป’
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม