ยัยเด็กหื่น

2276 คำ
ประตูร้านสะดวกซื้อตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงถูกเปิดเข้ามา เฟญารินในชุดพนักงานสีเขียวสลับขาวลายทางยาวซึ่งเป็นยูนิฟอร์มของร้านกำลังก้มๆ เงยๆ จัดและเช็คสินค้า ใช้เวลาในช่วงปลอดผู้คนตอนตีสองให้เป็นประโยชน์ พอทำอย่างหนึ่งเสร็จหญิงสาวก็ไปหยิบม็อบหลังร้านกลับมาถูพื้นอย่างแข็งขันให้สมกับค่าแรงที่ถูกจ้างมาชั่วโมงละไม่ถึงสี่สิบบาท แม้จะมีทักษะทางด้านการงานบ้านงานเรือนไม่ถึงระดับมาตรฐานที่ผู้หญิงทั่วไปควรจะมี แต่เวลาสองวันกับงานหนักเอาการไม่ต่ำกว่าวันละแปดชั่วโมง ก็ทำให้อะไรดูเข้าที่เข้าทางขึ้นมาก พอถูซ้ำไปซ้ำมาหลายรอบเข้า เธอก็ได้เรียนรู้อะไรขึ้นมาอีกไม่น้อย หญิงสาวไล่ถูตั้งแต่ด้านหน้าร้าน ผ่านชั้นสินค้า ต่อไปเรื่อยๆ จนถึงบริเวณตู้แช่เครื่องดื่ม ก่อนสะดุดเข้ากับช่วงขายาวภายใต้กางเกงสแล็คสีครีม สัญชาตญาณบางอย่างทำให้เฟญารินต้องละจากหน้าที่เลื่อนสายตาขึ้นไปมอง แล้วก็ไม่ผิดหวัง!! ผู้ชายตัวสูง ผิวขาว หน้าตาอย่างกับเฮียพุฒมายืนซื้อของกลางเชียงใหม่ในเวลาตีสอง คนที่ตอนนี้ยืนนิ่งแทบจะทำไม้ถูพื้นหลุดมือกระพริบตามองซ้ำๆ สายตาเรียวคมของเขาแม้กำลังให้ความสนใจกับคำบรรยายสรรพคุณของเครื่องดื่มในมือ แต่แค่มองเสี้ยวหน้า ไม่ต้องรอให้เอเจนซี่เฟ้นหาดารามาบอก นักเขียนอย่างเธอก็บอกได้ว่านี่มันเบ้าหน้าพระเอกชัดๆ!! และที่สำคัญพ่อพระเอกอวตารลงมายังใส่เสื้อกาวน์สั้นสีขาว นั่นก็แปลว่าเขาต้องเป็นหมอ!! ขาว ตี๋ เกาหลี อินเทรน แถมเป็นหมอ นี่มันสเปคพระเอกนิยายในฝันไม่มีผิดเพี้ยน คนเก็บอาการโดยเฉพาะกับคนหล่อในชุดเสื้อกาวน์ไม่ค่อยได้ค่อยๆ เขยิบเข้าไปใกล้ ไม่เสียแรงที่เธอพาตัวเองมาลำบากตรากตรำทำอาชีพแรกคือพนักงานขาย ได้ประสบการณ์แถมยังได้เจอพระเอก คิดแล้วก็รีบวิ่งไปวางม็อบ แล้วกลับมาทำเนียนยืนที่เดิม เฟญารินมือเปิดตู้จัดของ ส่วนสายตาก็พยายามสอดส่ายไปตรงชื่อที่ปักบนอกเสื้อของอีกฝ่าย จากข้อมูลที่หามาเบื้องต้น การใส่เสื้อกาวน์สั้นไม่ปักสัญลักษณ์สถาบัน เธอเดาว่าเขาไม่ใช่นักศึกษาแพทย์ บวกกับท่าทางภูมิฐาน แววตาที่แม้มองแค่ด้านข้างยังสัมผัสได้ถึงความมั่นใจเต็มเปี่ยม เอาล่ะ เธอเดาว่าเขาน่าจะเป็นแพทย์จบใหม่ และนั่นไง นายแพทย์ภัทรดนัย อัศวกิจวนิชย์ รูปงามแถมนามยังเพราะ หญิงสาวพยายามบอกตัวเองไม่ให้ใจสั่น ขณะช้อนตาขึ้นมองชายหนุ่มผู้เป็นต้นแบบของพระเอกนิยาย เป็นตัวอย่างที่ดีของเยาวชนทั้งชาติ และเป็นผู้เสียสละให้กับสังคม หล่อใสไร้ที่ติในเวลาตีสอง นี่เธอต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ พอตื่นเต้นมากๆ ก็ต้องรีบผลุบตาต่ำลงมาเพื่อกู้สถานการณ์สุ่มเสี่ยงต่อการทำให้อีกฝ่ายรู้ตัว เฟญารินขยับตัวออกมาเพราะกลัวคนหล่อจะจับได้ แต่สายตาไม่รักดีดันไปสะดุดกับอะไรบางอย่าง อนุภาพทำลายล้างของมันมากพอทำให้ความหล่อถูกทำลายลงในพริบตา รสมินต์ กลิ่นสตรอเบอร์รี่ กลิ่นมะนาว ผิวเรียบ ไม่เรียบ ผิวขรุขระ เจ็ดสีหลากดีไซน์ประกายรุ้ง มันคือถุงยางอนามัย!! สิ่งที่วางอยู่ในตะกร้านับสิบร่วมกับบรรดาขนมขบเคี้ยวซึ่งถูกเลือกไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ทำเอาความหล่อออร่าพุ่งของคนถือจางหายไปในบัดดล!! “นี่คุณมีปัญหาอะไรกับเป้ากางเกงผมมากหรือเปล่า” เสียงห้าวที่อยู่ๆ ก็โพล่งขึ้นมา ทำลายสมาธิในการพุ่ง ‘เป้า’ ของหญิงสาวให้ต้องเปลี่ยนเป็นเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าคนเป็นเจ้าของแทบไม่ทัน “ฉันไม่ได้มองเป้า!!” คนถูกกล่าวหารีบแก้ตัวเสียงสูง เฟญารินรู้สึกหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ เมื่อเขาหรี่ตามองมาอย่างเอาเรื่อง ดูก็รู้ว่าไม่คิดจะเชื่อกันเลยสักนิด “ถ้าไม่มองเป้า แล้วจ้องอะไรใต้เข็มขัดไม่ทราบ” คำตอบของคนหล่อทำเอาเธอแทบอยากกรีดร้องออกมาดังๆ ถ้าไม่แคร์สวัสดิภาพในการถูกไล่ออกจากงาน เธออยากกระโดดแล้วเอามือตะปรบหน้าไอ้คนหล่อจัดให้เสียโฉมซะให้รู้แล้วรู้รอด “หยาบคาย ก็ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ได้มองเป้าคุณ ฉัน เอ่อ ก็จัดของของฉัน บ้าหรือไง” พอเหวเสร็จก็หันไปจัดของตามข้ออ้าง เธอได้ยินเสียง ‘เฮอะ’ ในลำคอของอีกฝ่าย เป็นหลักฐานยืนยันว่าสิ่งที่คิดนั้นถูกต้อง “คุณสิบ้า จบม.หกหรือยังน้อง ยังเด็กยังเล็กริอ่านชอบมองเป้าผู้ชาย เเน่ะ พูดแทงใจดำเข้าหน่อยมาทำเป็นรับไม่ได้ ไม่ต้องเขินหรอกครับ พี่ต่างหากล่ะที่ต้องอายเพราะโดนลวนลามทางสายตาไปถึงไหนต่อไหนขนาดนั้น” ไม่รู้เพราะอะไรทำให้ภัทรดนัยนึกอยากจะใช้สรรพนามเรียกแทนเธอและเขาให้ดูสนิทสนมเข้าไปอีกหน่อย และที่เขาว่าไม่ต่างจากสิ่งที่เกิดขึ้นจริงเลยสักนิด ตอนแรกที่ยัยเตี้ยเข้ามาจ้องๆ มองๆ เขาก็ว่าจะไม่พูดอะไร แต่สุดท้ายก็ทนไม่ไหว เพราะอีกฝ่ายเอาแต่จ้องอยู่แต่กับเป้ากางเกงของเขาจนตาแทบหลุด ต่างจากคนโดนข้อหา ‘ลวนลามผู้ชาย’ ที่กำลังหน้าแดงก่ำ เธอมีพี่ชาย แต่ไม่มีทางนับเขารวมลงไปและชาตินี้ก็ไม่มีวันนับญาติกับคนปากมีน้องหมาติดอยู่ทั้งคอกอย่างเขา ริมฝีปากกระตุกยิ้มกวนอารมณ์กับสายตาที่มองมาอย่างน่าหมั่นไส้ แน่ใจหรือเปล่าว่าไอ้บ้านี่เป็นหมอ ไม่ใช่เวรเปลแล้วไปขโมยเอาเสื้อใครเขามาใส่!! “คุณน่ะสิโรคจิต ไอ้หมอปากหมา เซ็กส์จัด บ้ากาม ตัณหากลับ!!” คราวนี้เฟญารินตั้งใจมองของในตะกร้าในมืออีกฝ่าย เลยขึ้นไปถึงใบหน้าคนถือด้วยสายตากล่าวหา คนถูกมองด้วยสายตาหมิ่นขมวดคิ้วแล้วก้มลงมองตาม ก่อนจะกระตุกยิ้มเมื่อเข้าใจได้ว่าอะไรเป็นอะไร “คอนดอม??” ภัทรดนัยหยิบของอันหนึ่งในตะกร้าขึ้นมาราวกับจะยั่ว ทำให้คนถูกมองกลับมาด้วยสายตาร้ายๆ แก้มซับสีเลือดจัดขึ้นไปอีก “ไม่รู้จัก??” “คุณนั่นล่ะไม่อายบ้างหรือไง ไอ้… ไอ้คนไม่มีความรับผิดชอบต่อสังคม” “น้องเอาอะไรมาพูด พี่นี่ล่ะโคตรมีความรับผิดชอบต่อสังคมเลย หลายสีหลายห่อขนาดนี้ คงไม่ได้เอาไปเป่าเล่นหรอกมั้ง” “อะ… ไอ้ ไอ้” ถ้าเป็นไปได้เขาก็อยากเอามืออุดปากยัยนี่ไว้ จะร้องโวยวายออกมาทำบ้าอะไร จากไม่มีใครสนใจ ตอนนี้ทั้งพนักงานทั้งคนที่เดินเข้ามาซื้อของก็พากันมามุงดูกันหมด “แต่เอาเถอะ พี่จะถือว่าน้องยังเด็กอย่างน้อยก็น่าจะยังไม่บรรลุนิติภาวะจะให้อภัย แต่อย่าทะเลอทะล่าไปมองใต้เข็มขัดใครไม่วางตาแบบนี้อีกล่ะ” แต่มันเรื่องอะไร ต้องมาโทษว่าเป็นความผิดของเธอ!! เร็วทันกันประตูตู้เย็นถูกเปิดด้วยมือข้างหนึ่งของคนเลือดขึ้นหน้า และหลังจากนั้น… ฟิ้ว ผลั่ว!! เพล้ง!! เสียงขวดแก้วบรรจุน้ำอัดลมขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ลอยไปกระทบของแข็ง ความเจ็บหนึบที่พุ่งขึ้นมาพร้อมกับหยดเลือดที่ไหลลงมาจากขมับ ทำให้ภัทรดนัยต้องกัดฟันกรอดอย่างพยายามระงับอารมณ์อย่างเต็มที่ สายตาเข้มมองอีกฝ่ายอย่างเอาเรื่อง นี่ถ้าเขาหลบไม่ทันคงไม่ใช่แค่โดนถากๆ มีหวังคงได้หัวแตกไปแล้ว “เป็นบ้าอะไรของเธอวะ” เสียงเขาทำเอาเธอสะดุ้ง ร่างสูงที่ย่างสามขุมเข้ามา ทำเอาคนความสูงอยู่ระดับแค่ไหล่ต้องขยับถอยกรูลงไปแทบไม่ทัน เสียงหวีดร้องด้วยความตกใจจากคนรอบๆ ข้างบวกกับหยดเลือดบนหน้าของเขา เรียกสติเฟญารินให้กลับมาเต็มที่ชนิดสมบูรณ์ทุกอย่าง ตอนนั้นถึงจะเผลอไปมองระดับต้องห้ามของเขาจริงแต่เธอก็โกรธมากที่โดนกล่าวหาแบบนั้น พอมารู้ตัวอีกทีจากขวดน้ำพลาสติกที่คิดจะหยิบทำไมถึงกลายเป็นขวดแก้วติดมือมาได้ก็ไม่รู้ “มีอะไรกันเหรอครับ คุณจะทำอะไรของน้องผม ว้าย ทำไมเป็นแบบนี้” เสียงที่ดังแทรกเข้ามา ช่วยชีวิตเธอไม่ให้โดนไอ้หมอโรคจิตบีบคอตายคามือไปเสียก่อน ผู้จัดการร้านรีบวิ่งเข้ามาขั้นกลางระหว่างพนักงานกับลูกค้าก่อนจะเกิดการวางมวยกันอีกยก ก่อนเสียงเข้มปกป้องคนในปกครองของตัวเองในตอนแรกจะเปลี่ยนเป็นแตกสาวเลิกแอ๊บแมนแทบไม่ทันเมื่อหันไปปะทะเข้าจังๆ กับลูกค้ามาดหล่อแถมมีดีกรีเป็นถึงคุณหมอ “ตายแล้ว หมอสอง ทำไมเป็นแบบนี้” ผู้จัดการหนุ่มหัวใจสาวอุทานเสียงสูง กระวีกระวาดไปหาผ้าสะอาดมาห้ามเลือดให้ชายหนุ่ม เนื่องจากโรงพยาบาลที่ภัทรดนัยสังกัดตั้งอยู่ใกล้ๆ และคุณหมอมักออกมาซื้อกาแฟรอบดึกบ่อยๆ ที่นี่ ด้วยหน้าตาสะดุดใจชวนให้ใครมองก็ต้องเมมโมรี่ไว้ในสมอง ทำให้แม้นายแพทย์หนุ่มจะไม่เคยทักทาย แต่ผู้จัดการหัวใจแหว๋วก็ทำทุกวิถีทางเพื่อสืบหาให้ได้รู้จักและรู้ลึกถึงข้อมูลคุณหมอหนุ่มเจ้าเสน่ห์คนนี้ตั้งแต่แรกเห็น “ตัวยุ่งเธอไปทำอะไรลูกค้า” สถานการณ์พลิกกลับเปลี่ยนเป็นเฟญารินที่ถูกเจ้านายซักเสียงเขียว เธอกำลังจะอ้าปากอธิบาย แต่ถูกอีกฝ่ายตอบแทนเสียก่อน “น้องเขาแอบมองเป้ากางเกงผม” แอบที่ไหนมองตรงๆ เลยล่ะย่ะ หญิงสาวแก้คำในใจ เธอได้ยินผู้จัดการสาวอุทานอย่างตกใจ ส่วนเขาก็ส่งสายตาร้องทุกข์กับบุคคลที่สามราวกับตัวเองเป็นฝ่ายเสียหายเสียเต็มประดา ไม่รู้พญามารตัวไหนมาดลจิตดลใจให้เธอแอบเหลือบไปเห็นไซส์ (จากข้างกล่อง) ก็เลยอดไม่ได้ที่จะมองของจริงให้มันชัดๆ แต่ก็นั่นล่ะ มันเรื่องอะไรที่เขาจะต้องเอาความอับอายโดยไม่ได้ตั้งใจของเธอไปฟ้องคนอื่น “ฉันขอโทษที่ทำให้คุณเจ็บ แต่ก็อยากให้คุณรู้ว่าฉันไม่ได้ตั้งใจ ส่วนเรื่องนั้น…” เฟญารินเลือกที่จะไม่ขยายความต่อว่าเรื่องนั้นที่ว่าหมายถึงเรื่องไหน หญิงสาวลอบสูดหายใจลึกแล้วกลั้นใจพูดต่อ “ฉันก็แค่ห่วงสวัสดิภาพของเงินในกระเป๋าคุณ เกิดซื้อผิดขนาดไปล่ะเสียดายเงินแย่” แล้วเขาควรจะสำนึกกับความหวังดีของเธอหรือเปล่า!! “ไปสำนึกต่อหน้าตำรวจดีกว่าไหมน้อง แผลบนหัวพี่นี่ล่ะเป็นหลักฐานชั้นดี” ภัทรดนัยตอบกลับไปอย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน รู้สึกสะใจขึ้นมานิดหน่อยเมื่อคนทำผิดแต่ยังปากดีหน้าเปลี่ยนสีละล่ำละลักบอก “ยะ… อย่านะ ถ้าคุณทำอย่างนั้น ฉันจะแช่งให้มันอันเล็กกว่าเดิมสิบเท่า” ว่าไม่พอยังชี้นิ้ว เอาแล้วสิ ตอนนี้ประชาชนทั้งร้านตาไม่เป็นอันมองไปทางไหนเพราะมัวแต่พุ่งตรงมาจดจ่ออยู่แต่กับเป้ากางเกงของเขา ส่วนคนพูด มือชี้ หลับตาปี๋ แต่ปากก็ยังไม่หยุดร้อง นี่เขาควรจะทำยังไงกับเธอดี “เฮอะ” ภัทรดนัยสบถในลำคอ จากที่ไม่คิดจะเอาเรื่อง แต่ทำเสียหายไปถึงไหนต่อไหนขนาดนี้ ตอนนี้เขาล่ะชักอยากจะเอาเรื่องขึ้นมาจริงๆ แต่ดูจากหน้าตาและส่วนสูง… รังแกเด็กอายุต่ำกว่าสิบแปด สังคมจะประณามเขามากไหมวะ “พอๆ ฉันล่ะอายแทนจริงๆ ต้องขอโทษคุณหมอด้วยนะคะที่ยัยตัวยุ่งทำเรื่องให้เดือดร้อนขนาดนี้ แต่เจ้ขอร้องแทนเด็กล่ะค่ะ อย่าเอาเรื่องมันถึงขนาดจับส่งตำรวจเลยเลย เด็กมันจะเสียประวัติ คุณหมอเห็นแก่อนาคตเด็กมันเถอะนะคะ” ผู้จัดการหนุ่มหัวใจสาวหันมาขอร้องภัทรดนัย ทั้งที่ปากบอกว่าอาย แต่สายตาหนุ่มหัวใจแหว๋วก็ยังไม่วายแอบเหลือบลงล่างมองแต่ใต้เข็มขัดจนคนถูกมองสะดุ้ง แม้จะไม่ประเจิดประเจ้อเหมือนยัยเด็กหื่น แต่โดนกะเทยมองกับผู้หญิงมองมันให้ความรู้สึกเหมือนกันซะที่ไหน แล้วนี่เขาต้องตกเป็นจำเลยให้สังคมจ้องมองแต่เป้ากางเกงไปถึงเมื่อไร “ถ้าอย่างนั้นฝากพี่จัดการด้วยละกันนะฮะ ไปล่ะนางสาวหื่นศรี แล้วถ้าเจอกันครั้งหน้าก็ช่วยมองหน้าพี่ ไม่ใช่มองแต่เป้ากางเกง!!” หัวกลมถูกมือใหญ่พลักจนคนถูกรังแกร้องลั่น ตามด้วยคำอวยพรที่เธอสาดส่งไล่หลังเขามาเป็นชุดๆ เฮอะ ตัวยุ่งเหรอ ช่างสร้างเรื่องยุ่งให้คนอื่นปวดหัวได้สมชื่อตัวเองจริงๆ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม